px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 353 : แนวคิด ดิน ระดับที่ 3!


บทที่ 353 : แนวคิด ดิน ระดับที่ 3!

สมมติว่าหากมีผู้ใดที่อยู่ภายในทวีปเมฆาล่องแห่งนี้ ใช้โลหิตของตัวเอง เพื่อเอ่ยคำสัตย์สาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้า-เก้าแล้วล่ะก็  ...หากมันผู้นั้นกล้าที่จะตระบัดสัตย์ผิดคำสาบาน  แน่นอนว่ามันต้องถูกอัสนีสวรรค์จากทัณฑ์สวรรค์เก้า-เก้า ฟาดทำลายจนดับสูญ

ในทวีปเมฆาล่องนั้น ย่อมมีเหตุการณ์ทำนองนั้นเกิดขึ้นหลาต่อหลายครั้ง

ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครกล้าเอ่ยคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้า-เก้า

"ไอแพะชราหนังเหี่ยวนี่มันคงเคียดแค้นข้าเข้ากระดูกดำแล้วจริงๆ" ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังร่างหนังหุ้มกระดูกของชายชราด้วยสายตาเย็นเยือกไร้อารมณ์ดั่งน้ำแข็ง

ชายชราหันไปมองลี่เฟย ก่อนที่จะกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงหนาวเหน็บ "ตอนนี้เจ้าก็ไปอย่างสบายใจได้แล้ว ... ข้าต้องการเห็นไอหนูนี่พานพบความทรมานจากการที่มันต้องถูกคนรักทอดทิ้ง!" เมื่อกล่าวจบที่มุมปากของชายชราก็เผยรอยยิ้มชั่วร้าย

ราวกับว่ามันได้เห็นภาพต้วนหลิงเทียนถูกคนรักทอดทิ้งอย่างไรอย่างนั้น

ประกายตาของลี่เฟยเยือกเย็นไร้อารมณ์ยามจับจ้องไปยังร่างของชายชรา แล้วนางก็ไม่คิดจะแยแสหรือสนใจอะไรชายชราอีกต่อไป มือของนางกุมมือต้วนหลิงเทียนเอาไว้แน่น และแววตาของนางก็เผยความมั่นคงแน่วแน่ไม่ยินยอมไปไหนออกมาเช่นกัน

นางไม่มีวันละทิ้งบุรุษของนาง แล้วหลบเอาตัวรอดแน่นอน!

เฉกเช่นเดียวกันกับบุรุษของนางที่ไม่คิดละทิ้งนาง

"เสี่ยวเฟย ... " เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นชายชราเอ่ยคำสาบานด้วยโลหิตต่อทัณฑ์สวรรค์เก้า-เก้า ว่ายินดีจะปล่อยลีเฟยไป  ต้วนหลิงเทียนก็ตั้งใจที่จะเกลี้ยกล่อมลี่เฟยให้รีบหนีไป...

แต่เมื่อเขาได้เห็นถึงความแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยนที่ฉายชัดอยู่ในแววตาของนาง เขาก็รู้ดีว่าลี่เฟยคิดอย่างไร ในใจของนาง...ยามนี้ในใจของนางคงเต็มไปด้วยความยึดมั่นไม่คิดแยกจากเขาไปตลอดกาลแล้วแน่แท้...

สุดท้ายเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงเผยรอยยิ้มอบอุ่นสดใส พร้อมส่งสายตาทอประกายอ่อนโยนด้วยรักออกมา

ทั้งเขายังดึงร่างลี่เฟยที่จับมือของเขาอย่างแน่นหนาเข้ามาในอ้อมอก สัมผัสถึงจังหวะหัวใจนางที่เต้นอยู่ในอกได้อย่างชัดเจน ...

ตอนนี้จังหวะหัวใจของลี่เฟยราวกับจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับจังหวะหัวใจของเขา กลมกลืนกันไปยากที่จะแยกออกว่าเป็นเสียงหัวใจของผู้ใดกันแน่...

"ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีก 3 ลมหายใจ หากเจ้ายังไม่ออกไปเช่นนั้นก็ตกตายไปพร้อมกันกับมันซะ!" ร่างของชายชราสั่นสะท้าน เมื่อเห็นภาพตรงหน้ามันรับรู้ได้ทันทีว่าทุกสิ่งที่มันทำก่อนหน้านี้ล้วนสูญเปล่า

แม้พวกมันจะเป็นคู่รักที่นับว่ายังเป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้น ...แต่กลับยึดมั่นในรักได้ถึงเพียงนี้!

และในวินาทีที่มันสัมผัสได้ถึงความรักมั่นไม่เสื่อมคลายนี้ ทำให้มันอดอับอายขายหน้าที่กระทำเรื่องราวกับตัวโง่งมก่อนหน้าเสียไม่ได้

เมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากชายชราลี่เฟยไม่ได้สนใจใดๆทั้งสิ้น นางเพียบซบหน้าลงในอ้อมอกของต้วนหลิงเทียน สูดดมกลิ่นกายคุ้นเคยของบุรุษอันเป็นที่รัก ใช้ทุกวินาทีที่มีเหลือเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่สวยงามเช่นนี้ ...

นางหวังอย่างแท้จริงว่าห้วงเวลานี้จะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนที่สวมกอดลี่เฟยอยู่นั้น เมื่อได้กลิ่นหอมจากเรือนผมของนาง ใจของเขากลับกลายเป็นสงบดั่งทะเลสาบกระจกไร้ระลอก ห้วงคิดไร้ซึ่งสิ่งใดนำพาให้ว้าวุ่น...

ในตอนนี้เองเขาพลันสัมผัสได้ถึงสรรพสิ่งรอบๆอย่างแจ่มชัด ราวกับว่าห้วงจิตวิญญาณของเขาได้บรรลุสู่อีกขีดขั้นของระดับ และพลังวิญญาณในร่างของเขาก็กำลังเพิ่มพูนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดว่ายามนี้พลังวิญญาณของเขามันได้เพิ่มพูนเหนือล้ำระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง บรรลุสู่ขีดขั้นแรกสัมผัสธรรมชาติอย่างอัศจรรย์!

ทว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ดูราวกับต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้สังเกตเห็นจึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไร  หรือบางทีเขาก็รู้แน่อยู่แก่ใจว่า...ถึงพลังวิญญาณจะยกระดับขึ้นไปก็คงไม่มีประโยชน์ใดๆในสถานการณ์เช่นนี้

สุดท้าย 3 ลมหายใจก็ล่วงเลยพ้นผ่านไป

"ดูเหมือนว่า เจ้าคิดตกตายพร้อมกับไอหนุ่มนี่แล้วสินะ... " ชายชราที่แก่หง่อมจนหนังหุ้มกระดูก ดูเหมือนแก่ลงไปอีกเล็กน้อยเมื่อเรื่องราวทั้งหมดล้วนสร้างความผิดหวังให้มัน "เช่นนั้นข้าจักให้พวกเจ้าไปครองคู่กันต่อในปรโลก!"

วู้ม!

เหนือศีรษะของชายชรา ปรากฏเงาร่างมังกรโบราณค่อยๆ ก่อร่างฉายชัดขึ้น ท่วงท่าสง่างามน่าเกรงขามของมังกรโบราณทั้ง 2 ตัวท่องทะยานพาดผ่านผืนฟ้าราวกับรุ้งสายหนึ่ง

"นายน้อย!" เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ฉงเฉวียนที่หน้าซีดพยายามฝืนร่างที่ไร้พลังลุกขึ้นยืน น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บของมันหาได้น้อยไม่ เพียงลุกขึ้นได้ไม่ทันไรก็ต้องทรุดลงอีกครั้ง

มันทำได้เพียงกำหมัดแน่นชกทุบพื้นจนมือแตกโลหิตหลั่งไหลราวคนเสียสติ  คับแค้นใจในความอ่อนแอไร้พลังของตัวเอง

"หยุดมือของเจ้า!" ทันใดนั้นเองน้ำเสียงอ่อนโยน เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นไปทั่วทั้งเหลาอาหารหยกนิรันดร์ ทำให้ทุกผู้คนล้วนตกตะลึง

"หืม?" ใบหน้าของชายชราลดต่ำลงเล็กน้อย ก่อนที่จะหันมองไปตามแหล่งกำเนิดเสียง ไม่นานสายตาของชายชราก็เบนไปตกยังร่างของหวังฉง  "ข้าผู้ชราเกลียดนักยามที่มีผู้คนมากำหนดให้ข้ากระทำหรือไม่กระทำสิ่งใด!  นังหนูเรื่องนี้หาได้เกี่ยวอันใดกับเจ้าไม่ หากเจ้ายังกล้าสอดปากอีกแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะให้เจ้าตกตายไปพร้อมกับพวกมัน"

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองร่างชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆหวังฉงก่อนที่จะกล่าวคำ "พี่ใหญ่หวัง รีบพาพี่สะใภ้หลบหนีไปเร็วเข้า!"

เขาไม่ต้องการนำพาความลำบากมาสู่ สามีภรรยาคู่นี้ ...

"พี่หญิงหวังฉง หากข้าสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ ข้าหวังว่าจะได้ทานอาหารฝีมือท่านอีกสักครั้ง" ลี่เฟยเงยหน้าขึ้นมากล่าวคำและยิ้มให้กับหวังฉงเล็กน้อย "อาหารฝีมือท่านนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก...แต่ตอนนี้ท่านกับพี่ใหญ่จางรีบหนีไปเถอะ"

"น้องหญิงลี่เฟย" หวังฉงมองไปยังลี่เฟย ก่อนที่ประกายตาของใบหน้างดงามที่มีหยาดน้ำตาไหลเป็นสายจะทอประกายเรืองวูบขึ้นมา "พวกเจ้าทั้งคู่ ได้ทำให้ข้าได้เข้าใจเรื่องราวบางประการอย่างกระจ่างชัด... และทำให้ข้าตัดสินใจได้แน่วแน่ดีแล้ว ... ทั้งหมดนี้นับว่าต้องขอบคุณพวกเจ้ามาก... ส่วนอาหารฝีมือพี่หญิงคนนี้ พวกเจ้าก็สามารถอยู่ทานได้ตลอดเวลา"

อยู่?

คำที่หวังฉงกล่าวทำให้ลี่เฟยสะท้านในใจเล็กน้อย

นางยังหลงเหลือโอกาสอยู่อีกหรือ?

"พี่จาง" ทันใดนั้นเองภายใต้การจับจ้องของผู้คน หวังฉงพลันหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่เคียงข้างนาง พร้อมค่อยๆกล่าวคำออกมา  "ข้ารู้ดีว่ายามท่านติดตามข้ามายังเมืองโบราณชั่วนิรันดร์... ท่านเคยกล่าวเอาไว้ ว่าจะมิลงมือสังหารผู้ใดอีกครั้ง หากพวกมันไม่คุกคามทำร้ายข้า "

ทันใดนั้นหวังฉงพลันหันกลับมามองชายชราและชายวัยกลางคนทั้ง 2 ด้วยสายตาดุร้ายไกลๆ ก่อนที่นางจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น "แต่วันนี้ข้าหวังให้ท่านทำเพื่อข้าสักครั้งยกเว้นคำกล่าวนั้นสักครา!"

ในเวลานี้เองหลังจากที่ได้ฟังวาจาของหวังฉงทุกผู้คนล้วนตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง

"พี่ใหญ่จาง... คงไม่ใช่ว่าเขา ... " เมื่อต้วนหลิงเทียนดิ้นวาจานี้ ในใจสะท้านขึ้นมาโดยพลัน

ทันใดนั้นเองหัวใจของต้วนหลิงเทียนพลันเต้นระรัว เมื่อเสียงหนึ่งพลันลอยเข้าหู ...

“ข้าเข้าใจแล้ว”...

เสียงนี้แน่นอนว่าย่อมมาจากปากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไกลๆ

และเพียงเสี้ยวพริบตา ชายหนุ่มคนนั้นก็หายลับไป แม้แต่สายตาของต้วนหลิงเทียนยังไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน  ความเร็วของชายหนุ่มนับว่ารวดเร็วเกินไป

ต้วนหลิงเทียนเพียงเห็นเงาร่างเหนือฟากฟ้าเท่านั้น และตอนนี้เงาร่างเหนือฟากฟ้านั่น กำลังค่อยๆ หลอมรวมก่อร่างออกมาเป็นเงาร่างมังกรโบราณ 3 ตัว...

ความแข็งแกร่ง 3 มังกรโบราณ!

"พี่ใหญ่จาง เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 2?" ต้วนหลิงเทียนเผยสีหน้าแววตาเหลือเชื่อออกมา เขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มที่มีอายุไม่ถึง 30 ปี จะครอบครองพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้!

ปัง!

ต้วนหลิงเทียนพึ่งได้ตระหนักถึงความน่าหวาดหวั่นของจางโฉวหย่งไม่ทันไรเสียหนึ่งก็ดังขึ้น เป็นจางโฉวหย่งที่เคลื่อนร่างมาราวกับย่นย่อพสุธาปรากฏตรงหน้าของชายชราแก่หง่อม กระทั่งซัดหมัดที่หนักดั่งค้อนใส่ชายชรา

ร่างชายชราที่ถูกกำปั้นซัดไปถึงกับลอยกระเด็นล้มกลิ้งไม่เป็นท่า เมื่อมันลุกขึ้นมาใบหน้ากลับกลายเป็นแดงก่ำ

"ระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 2!" ชายชรากล่าวคำออกมาด้วยความตื่นตระหนก ในปากรู้สึกรสเฝื่อนเค็มสุดท้ายมันก็กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง

มันไม่เคยคิดฝันเลยว่าชายหนุ่มอายุไม่ถึง 30 ปีคนนี้ จะมีความแข็งแกร่งเหนือล้ำไปกว่ามัน ...

วู้มมมม!!

ชายชราไม่คิดลังเลอะไรสืบไป มันโคจรใช้ออกด้วยพลังงานต้นกำเนิดเต็มกำลัง ทั้งยังเรียกกระบี่ใบแคบขึ้นมาในมือ เพิ่มพูนพลังงานต้นกำเนิดไปอีกขีดขั้น กระทั่งตัวกระบี่ยังปรากฏรังสีพลังอันเต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวห่อหุ้มเอาไว้   

กลิ่นอายและรังสีพลังนี้น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าพลังกระบี่ขั้นสูงมากนัก!

"แนวคิด กระบี่!" ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลง

ในชั่วพริบตาเงามังกรโบราณเหนือศีรษะพลันเพิ่มพูนขึ้นมาอีก 1 ตัว อีกทั้งเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเองก็ปรากฏเพิ่มขึ้นมาอีกเกือบ 8,000 ตัว ...

เงาร่างช้างแมมมอธโบราณเกือบ 8,000 ตัวล้อมรอบเงาร่างมังกรโบราณทั้ง 3 ตัวเอาไว้ราวกับหมู่ดาวล้อมรอบจันทรา

"นั่นเป็น กระบี่วิญญาณระดับ 6!" ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเผยความเย็นชาออกมา

กระบี่วิญญาณระดับ 6 ในมือชายชราสามารถเพิ่มพูนพลังให้มันได้เกือบ 40%

ความแข็งแกร่งเกือบ 8,000 ช้างแมมมอธโบราณนี้เห็นได้ชัดว่า มันเกิดจากการเพิ่มพูนของกระบี่วิญญาณระดับ 6 จากเงาร่างมังกรโบราณทั้ง 2 ...

ส่วนมังกรโบราณอีกตัวนั้น มันมาจากแนวคิดกระบี่ของชายชรา!

แนวคิด นี้เป็นอะไรที่เหนือกว่า พลัง ไปอีกขีดขั้นระดับนึง

แม้ว่าแนวคิดกระบี่ของชายชราจะเป็นเพียงขั้นที่ 1 อันต่ำสุด แต่ก็นับว่ามันเหนือกว่าพลังกระบี่ขั้นสูงมากนัก!

พลังขั้นสูงเพียงสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ผู้ฝึกยุทธ์ได้เพียง 2,000 ช้างแมมมอธโบราณเท่านั้น เช่นเดียวกันกับฉงเฉวียนที่บรรลุพลังกระบี่ขั้นสูงนั่นเอง

แต่ทว่า แนวคิดกระบี่ ระดับ 1 นั้น! นับว่าเหนือกว่าพลังกระบี่ขั้นสูงนัก!!  เพราะมันสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ผู้ฝึกยุทธ์ถึง 10,000 ช้างแมมมอธโบราณ หรือกล่าวได้ว่ามันคือ 1 มังกรโบราณนั่นเอง

ในตอนนี้เมื่อชายชราใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด มันมีความแข็งแกร่งสูงถึง 3 มังกรโบราณกับอีกเกือบ 8,000 ช้างแมมมอธโบราณ ...

"ตาย!" แววตาของชาชราแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ร่างของมันกระพริบวูบไหว กระบี่ใบแคบของมันสั่นไหวด้วยความเร็วสูง ตวัดจี้ไปยังร่างของจางโฉวหย่งราวกับสายฟ้า

แน่นอนว่าในสายตาของต้วนหลิงเทียนย่อมเห็นเพียงร่างของชายชราพุ่งทะยานหายลับไป!

นี่เพราะความเร็วของชายชราเร็วเกินกว่าเขาจะมองได้ทัน!

ด้วยระดับบ่มเพาะในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าย่อมไม่อาจมองเห็นเรื่องราวใดๆได้ เขารู้สึกว่ามีเพียงสายลมหอบใหญ่หอบหนึ่งพัดกรรโชกไปยังร่างของจางโฉวหย่งเท่านั้น!

"พี่ใหญ่จางระวัง!" ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนออกไป

ทว่าพริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ว่า คำกล่าวเตือนของเขานั้นไม่จำเป็นแม้แต่น้อย ...

เนื่องเพราะเขาเห็นว่าจางโฉวหย่งได้หายวับไปจากสายตาของเขา และเมื่อจางโฉวหย่งปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็พุ่งไปอยู่ตรงจุดที่ชายชรายืนอยู่เมื่อครู่

"เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์หยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 1 และเข้าใจแนวคิดกระบี่ระดับ 1 กล้าแสดงความสามารถต่ำต้อยต่อหน้าข้าเช่นนั้นรึ!" น้ำเสียงของจางโฉวหย่งยามนี้แฝงความดูแคลนเอาไว้ไม่น้อย

ครึกๆ!

พริบตาที่จางโฉวหย่งกล่าวจบคำ ก็บังเกิดเกราะพลังไร้สภาพห่อหุ้มคุ้มกันห้อมล้อมฉาบไปทั่วร่างของเขาเอาไว้!

นี่ไม่ใช่เกราะพลังจากพลังงานต้นกำเนิดแต่อย่างไร มันเป็นเกราะพลังสีเหลืองเข้มให้ความรู้สึกว่า ร่างกายของจางโฉวหย่งคล้ายมีคล้ายไม่มี กลมกลืนไปกับผืนปฐพี

และทันใดนั้นสภาวะทั่วร่างของจางโฉวหย่งกลับกลายเป็นหลอมรวมเข้ากับกลิ่นอายของผืนปฐพี แทบไม่อาจแยกออก คนโลกหลอมรวมผสานกันอย่างลึกล้ำ!

ทันใดนั้น ร่างของจางโฉวหย่งพลันวูบหายไปอีกครั้ง

ก้าวเพียงหนึ่งก้าว ทรงพลัง หนักแน่น ดั่งขุนเขาโยกย้าย!

ปึงงงงง!!

กลิ่นอายแข็งแกร่งทรงพลังแผ่ซ่านออกมาทั่วร่างของจางโฉวหย่ง ยิ่งมายิ่งสูงส่ง ราวกับว่ายามนี้ร่างกายของเขาได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกหล้าไปแล้วจริงๆ

กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งเหนือชั้นยิ่งกว่า แนวคิดกระบี่ ของชายชรามากนัก...

"แนวคิด ดิน?" ต้วนหลิงเทีนยตื่นตระหนกเล็กน้อย เมื่อมองไปยังร่างของจางโฉวหย่งที่แผ่ซ่านกลิ่นอายปฐพีออกมา ราวกับกลมกลืนไปกับผืนดินบนโลกหล้า

หลังจากที่เขาหลอมรวมความทรงจำเข้ากับความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เขาย่อมเข้าใจเรื่องราวของ แนวคิด อยู่ไม่น้อย

ความเข้าใจสูงถึงขั้นที่แยกแยะได้ว่า แนวคิดที่จางโฉวหย่งใช้ออกมานั้น เป็นแนวคิดที่เข้าใจได้ยากเย็นอย่างมาก  เป็นแนวคิดที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายแหล่มีมากมายที่อาจบรรลุได้...

มันเป็นหนึ่งในแนวคิดของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ประการหนึ่ง  แนวคิด แห่ง ดิน!

แนวคิดดิน สามารถทำให้กลิ่นอายของผู้ฝึกยุทธ์หลอมรวมเข้ากับผืนแผ่นดิน หลอมรวมกลมกลืนไปกับโลกหล้าใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์

แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถปกปิดตัวตนและกลิ่นอายของผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้กระทั่งหยิบยืมพลังจากผืนแผ่นดินมาใช้จู่โจมคู่ต่อสู้ก็ยังได้ นับว่าเป็นแนวคิดที่โดดเด่นในด้านทรงพลัง และหนักแน่นอย่างมาก

ครืนนน!

ทันใดนั้นเองเหนือศีรษะของจางโฉวหย่งปรากฏเงาร่างมังกรโบราณเพิ่มพูนขึ้นมาอีกถึง 3 ร่าง

ยามนี้รวมแล้วปรากฏเงาร่างมังกรโบราณทั้งสิ้น 6 ตัวบินวนเวียนอยู่เหนือศีรษะขึ้นไปบนฟ้าของจางโฉวหย่ง พวกมันแลดูเกรี้ยวกราดพร้อมท่องทะยานจู่โจมอริราช

"พี่ใหญ่จางยามใช้ออกด้วยพลังขอแนวคิดดินสามารถทำให้ไอพลังฟ้าดินตอบรับความแข็งแกร่ง ถึงขั้นก่อร่างเงามังกรโบราณออกมา 3 ตัวเลยเช่นนั้นหรือ?" ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลง ในแววตาเผยความประหลาดใจเอาไว้ไม่น้อย

"นะ ... แนวคิด ดิน ระดับที่สาม!" คู่ฝาแฝดชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆถึงกับตะลึงค้างราวกับคนบ้าใบ้  เรื่องราวที่พวกมันได้พบพานยามนี้ ทำให้สีหน้าของพวกมันซีดเซียวไร้สีเลือด ขาของพวกมันเริ่มสั่นสะท้านประคองร่างแทบไม่อยู่

รีวิวผู้อ่าน