ณ สำนักวังต้าโจว
เมื่อโจว หยวนพา เหยาเหยาเข้ามา เขาก็รู้สึกได้ว่าที่แห่งนี้จู่ๆก็เงียบสงัด มันเป็นเพราะในเวลานี้ทุกคนกำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาตกตะลึง
แต่ว่า ดวงตาเหล่านั้นไม่ได้จ้องมาที่เขา แต่จับจ้องไปที่เหยาเหยา
เวลานี้นางยังสวมชุดคลุมสีฟ้าที่เรียบง่ายเช่นเดิม อาภรณ์ที่รัดรูปเวลาเดินมันจะแนบกายเผยให้เห็นเอวที่เล็กคอดกับขาที่เรียวยาว ส่วนอ้อมอกกำลังกอดถุนถุน ถุนถุนที่ถูกกอดแนบชิดติดหน้าอกของนาง มันทำให้เหล่าบรรดาชายหนุ่มนั้นทั้งหลาย ล้วนอยากจะไล่ตะเพิดเจ้าสัตว์ตัวนั้นแล้วเข้าไปแทนที่มัน
ด้วยผิวที่ขาวราวกับหิมะ หน้าผากที่ส่องไสว ประจวบกับคิ้วที่โค้งได้รูป ทำให้นางนั้นชวนน่าหลงใหลยิ่ง
เหยาเหยา และ ซู โหยวเหว่ย นั้นต่างมีจุดเด่นทั้งคู่ แต่เหยาเหยานั้นให้ความรู้สึกลึกลับ และ น่าค้นหามากกว่า
ดังนั้นเมื่อเหยาเหยาปรากฏตัวขึ้นในสำนักวังต้าโจว เพราะความงามของนางมันทำให้เหล่าชายหนุ่มต่างจ้องตาค้างความตกตะลึง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปทักทายนาง
ท่ามกลางสายตาเหล่านั้น โจว หยวนไม่ได้สนใจใดๆ เพียงพา เหยาเหยา เดินผ่านเลยไป ตรงไปยังสำนักแรก
เมื่อพวกเขาจากไปนั้น เหล่าบรรดาศิษย์ในสำนักวังต้าโจว ก็เริ่มสนทนากันอีกครั้ง
"สาวงามคนนั้นเป็นใครกันนะ นางเป็นศิษย์ของสำนักวังต้าโจว หรือเปล่า ? "
"ข้าไม่เคยได้ยินว่าสำนักวังต้าโจวจะมีสาวงามเช่นนี้อยู่ด้วย ? "
"เจ้าคิดยังไง หากเทียบนางหับ ซู โหยวเหว่ย กัน."
"ข้ารู้สึกว่า หญิงสาวผู้นั้นดูลึกลับกว่ามาก "
"ข้าเองคิดว่า ซู โหยวเหว่ย แม้งดงาม แต่หญิงสาวผู้นั้นดูลึกลับ จนข้ารู้สึกเหมือนไม่อาจเอื้อม "
"......"
ในสำนักวังต้าโจว ฉี เยว่ และ หลิว ซี ก็มองไปยังทิศทางที่ โจว หยวน เดินจากไปเช่นกัน
"หึ เจ้าหมอนี่ แม้ความแข็งแกร่งจะไม่ได้เรื่อง แต่ทักษะในการเกี้ยวพาราสี หาใช่ย่อย" หลิว ซี มองทั้ง 2 ที่เดินจากไปไกล ก่อนจะกัดฟันกล่าวขึ้น
ในอดีตนางเคยเกือบถูกจับให้แต่งงานกับโจว หยวน แต่นางก็ปฏิเสธ ดังนั้นในสายตานางนางจึงไม่ชอบหน้า โจว หยวน แต่เมื่อได้เห็นหญิงสาวที่โจว หยวนพามานั้นงดงามกว่าตน มันก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์เอามากๆ
ฉี เยว่ ตกใจมากเมื่อเห็นเหยาเหยา แววตาของเขานั้นปรากฏความตกตะลึงฉายออกมา แม้ว่า เหยาเหยา และ ซู โหยวเหว่ย จะมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน แต่เขานั้น ชอบหญิงสาวที่ดูลึกลับเช่นนี้มากกว่า
เพราะ สิ่งที่ไม่ว่าผู้ใดก็มิกล้าอาจเอื้อม นั่นแหละคือสิ่งที่เขาปรารถนา
"สตรีนางนี้ข้าไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ทำไมนางถึงอยู่กับโจว หยวนได้ แท้จริงแล้วนางเป็นใครกันแน่ "
ดวงตาทั้ง 2 ของฉี เยว่พลันหดแคบลง จากนั้นก็ยิ้มบางๆกล่าวว่า"องค์ชายของพวกเราดูเหมือนว่าจะมีเสน่ห์เหลือล้น ถึงกลับเด็ดดอกไม้งามมาเชยชมได้ "
"แล้วเรื่องที่เจ้าเคยกล่าวไว้เป็นอย่างไรบ้าง " หลิว ซี กล่าวขึ้นขณะที่กัดฟันแน่น เห็นได้ชัดว่านางนั้นไม่อยากจะได้ยินเรื่องของโจว หยวน
มุมปากของ ฉี เยว่พลันยกขึ้นแล้วกล่าวว่า: "เตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว อีก 3 สำนักนั้นล้วนตอบตกลง ด้วยเวลา 3 ชั่วยามของสำนักแรกได้ นั้นเห็นทีเราต้องปรับเปลี่ยนมัน "
กล่าวจบ เขาก็มองโจว หยวนที่ห่างออกไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
" พาสาวงามมาด้วยมันก็ดี แต่ดันเลือกพานางมาผิดวัน เพราะว่าวันนี้เจ้าจะต้องขายหน้า! "
ณ สำนักแรก
เมื่อ โจว หยวนพาเหยาเหยามาถึงที่นี่ สายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ ก็มองมาที่ทั้ง 2
เมื่อเห็นโจว หยวน ซู โหยวเหว่ย กับ ซ่ง ชิวชุ่ย ก็เตรียมที่จะทักทาย แต่พวกนางก็ต้องหยุดชะงัก พร้อมกับจับจ้องมาที่เหยาเหยา
หัวใจของ ซู โหยวเหว่ย พลันสั่นสะท้าน นางแอบกัดฟันเล็กน้อยมัน เป็นเพราะนางไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วโจว หยวนกับสาวงามผู้นี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
"องค์ชายของพวกเราแท้จริงแล้วเป็นบุรุษเจ้าสำราญสินะ " ซ่ง ชิวชุ่ยนั้นเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับเตรียมจะทวงความยุติธรรมให้กับ ซู โหยวเหว่ย ในเวลานี้ ซู โหยวเหว่ยเหมือนเป็นดาวของสำนักแรก ด้วยรูปลักษณ์และพรสวรรค์ของนาง
"พี่สาว ชิวชุ่ย อย่าได้ล้อเล่นเลย " ซู โหยวเหว่ย กล่าวพร้อมดึงแขนของ ซ่ง ชิวชุ่ย
"นี่เจ้า!" ซ่ง ชิวชุ่ยมองไปที่นาง ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเบาๆว่า: "เจ้าจะยอมให้เป็นเช่นนี้หรือ "
"พวกเราเป็นแค่สหายกัน " ซู โหยวเหว่ย กล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย
"จิ๊." ซ่ง ชิวชุ่ย ส่งเสียงจึ๊จ๊ะออกมาจากปาก
"คุยกอะไรกันอยู่หรอ " โจว หยวนเดินมากล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
"องค์ชาย" ซู โหยวเหว่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็มองไปทางเหยาเหยากล่าวด้วยเสียงเบาเบาว่า: "แม่นางผู้นี้เป็นใครหรือ "
โจว หยวนได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า "นางเป็นศิษย์พี่ของข้า "
เหยาเหยา หันมองไปที่เขา โดยไม่ได้กล่าวปฎิเสธแต่ประการใด โจว หยวนคือศิษย์ของ ฉาง หยวน ดังนั้นหากกล่าวว่านางเป็นศิษย์พี่ ย่อมไม่ผิด
ซู โหยวเหว่ยได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจมาก เพราะนางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าโจว หยวนนั้นมีศิษย์พี่หญิงอยู่ ทว่านางก็เลือกที่จะเชื่อ โจว หยวน
" เจ้ามากับข้าหน่อย " โจว หยวน ไม่สนใจสายตาของผู้คน แล้วพา ซู โหยวเหว่ยกับ เหยาเหยา ไปยังในห้องที่มิดชิด ห้องหนึ่ง
ในตอนนั้นดวงตาของ ซู โหยวเหว่ย ก็เกิดความสงสัย แต่นางก็ตามไป
เมื่อทั้ง 3 เข้ามายังห้องชั้นใน โจว หยวน ก็พลันปิดประตู แล้วถอดเสื้อออก
"องค์ชาย นี่ท่านจะทำอะไรของท่าน ?! " ซู โหยวเหว่ยเห็นเช่นนั้นพลันหันหน้าหนี ขณะที่ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ นางกระทืบเท้าลงกับพื้นด้วยความกังวล โดยที่เริ่มทำอะไรไม่ถูก
โจว หยวน เพียงเกาหัวอย่างอายๆ จากนั้นก็หันหลังแสดงลวดลายก่อเกิดอัคคีน้ำแข็งบนแผ่นหลังให้นางดูแล้วกล่าวว่า"ข้าอยากให้เจ้าดูนี่ "
ซู โหยวเหว่ยเห็นเช่นนั้นก็หันหน้าที่กำลังแดงกลับมา พอเห็นลวดลายก่อเกิดบนหลังโจว หยวน นางก็ต้องร้องออกมาด้วยความประหลาดใจว่า: "ลวดลายก่อเกิดอย่างนั้นหรือ "
โจว หยวนสวมใส่อาภรณ์ พร้อมพยักหน้าแล้วกล่าวว่า: "นี่คือลวดลายก่อเกิดอัคคีน้ำแข็งที่ศิษย์พี่ ข้าจารึกให้ มันแข็งแกร่งกว่าลวดลายทั่วๆไปมากนัก ดังนั้นข้าจึงเชิญนางมา เพื่อให้นางช่วยจารึกให้เจ้า เพื่อเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะ "
ซู โหยวเหว่ย ตกใจมาก จากนั้นก็หันไปมองเหยาเหยาที่กำลังกอดถุนถุน นางไม่คิดว่าเหยาเหยา จะโดดเด่นเรื่องรูปแบบก่อเกิดเช่นนี้
ต้องรู้ก่อนว่าอาจารย์ที่สอนรูปแบบก่อเกิดในสำนักวังต้าโจว นั้นยังมิอาจจารึกลวดลายก่อเกิดเช่นนี้ได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นใจของนางก็พลันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่หลั่งไหลเข้ามา
"ในห้องลับ ท่านสามารถจารึกได้เลย ข้าจะคอยดูด้านนอกให้ " โจว หยวนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เหยาเหยา พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินไปทันที ซู โหยวเหว่ย มองไปที่ โจว หยวน ที่เดินหันหลัง
ในห้องนั้น เหยาเหยา มองมาที่ซู โหยวเหว่ยตั้งแต่บนจรดล่าง ใบหน้าอันงดงามนั้นยังคงเงียบสงบ แต่ในใจนางรู้สึกชมต่อความงามของอีกฝ่ายเล็กน้อย
"เจ้าคือ ซู โหยวเหว่ยสินะ " เหยาเหยา กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ซู โหยวเหว่ยพยักหน้า มองเหยาเหยาแล้วกล่าวด้วยความลังเลว่า: "พี่สาว ท่านชื่ออะไรหรือ?"
"ข้ามีนามว่า เหยาเหยา "
"ข้าขอเรียกว่าพี่สาวเหยาเหยาจะได้หรือไม่ "
เหยาเหยา พยักหน้าแล้วกล่าวว่า: "ถอดเสื้อออกสิ "
ซู โหยวเหว่ยได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดง แม้อีกฝ่ายจะเป็นสตรีแต่เมื่อต้องถอดเสื้อต่อหน้าคนอื่นมันทำให้นางรู้สึกเขินอาย
อย่างไรก็ตามหลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีใครอื่น นางก็ถอดเสื้อออก
พอเสื้อถูกถอดลงก็คล้ายกับว่ามีแสงส่องเข้ามาที่ห้องพอดี ทำให้เห็นผิวที่ขาวดุจหยก แล้วส่วนโค้งที่ได้สัดส่วน ต่อจากนั้น ซู โหยวเหว่ย ก็หันหลัง เผยให้เห็นความขาวของนาง
ภาพนี้นั้นหากมีชายหนุ่มมาพบเห็นแน่นอนว่ามันผู้นั้นจะต้องเลือดกำเดาไหลแน่นอน
"กระดูกในร่างเจ้านั้นเรียงกันเป็นระบียบดียิ่งนัก "
เหยาเหยาประหลาดใจเล็กน้อย ต่อจากนั้นก็หยิบพู่กันก่อเกิดหยกฟ้าขึ้นมาพร้อมกล่าวว่า: "มันอาจจะเจ็บนิดนึง "
ซู โหยวเหว่ยพยักหน้า
เมื่อพู่กันนั้นถูกวางลงไปที่แผ่นหลัง มันก็เริ่มรากลงก่อนจะโค้งขึ้นเป็นตัวลวดลายทันที ทุกๆเครื่องหมายก่อเกิดมีการใส่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อัดลงไป
ความร้อนและเย็นบนแผ่นหลังทำให้ ซู โหยวเหว่ยต้องกัดฟันแน่น แต่ไม่ส่งเสียงร้องออกมาแต่อย่างใด
เมื่อเห็นเช่นนั้น เหยาเหยา ก็พยักหน้า
ในห้องที่เงียบสงบผ่านไปสักพัก เหยาเหยา ก็ถอนพู่กันออกจากหลังของ ซู โหยวเหว่ย และในไม่ช้าอักขระที่จารึกก็เริ่มส่องแสงและเริ่มดูปราณฟ้าดินเข้าไป
"หืม?"
เมื่อนางลวดลายรูปแบบก่อเกิดเสร็จ นางก็ต้องประหลาดใจ เพราะในตอนนั้นนางรู้สึกได้ว่า ผลที่เกิดขึ้นจากลวดลายก่อเกิดอัคคีน้ำแข็งนั้นมันแสดงผลได้วิเศษมาก
"อย่าพึ่งขยับนะ "เหยาเหยา กล่าวขึ้นต่อจากนั้น ก็จับจ้องไปที่หลังของซู โหยวเหว่ยด้วยใบหน้าสงสัย
"คล้ายกับว่าร่างของนางนั้นมีปราณหยินหยางอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นรากฐานหยินหยางสินะ แต่ทำไมถึงยังอ่อนแอล่ะ หรือเพราะมันยังไม่เติบโต " เหยาเหยากล่าวขึ้นในใจ
สิ่งที่เรียกว่ารากฐานหยินหยางนั้น แท้จริงแล้วเป็นความพิเศษของร่างกายเช่นเดียวกับ ปราณมังกรเทวะของโจว หยวน ซึ่งสิ่งนั้นทำให้พวกเขาแตกต่างจากคนทั่วไป
ทว่า รากฐานหยินหยางของ ซู โหยวเหว่ยนั้นอ่อนแอมาก อาจจะเป็นไปได้ว่ามันยังไปโตพอที่จะแสดงพลังออกมา
"พี่สาว เหยาเหยามีอะไรรึเปล่า " ซู โหยวเหว่ยเห็นท่าทีของเหยาเหยาจึงเอ่ยถามขึ้น
เหยาเหยาคิดแล้วก็ส่ายหน้าทันที เพราะนางนั้นมิอาจสรุปได้ดังนั้นจึงยังไม่บอกไป เพียงกล่าวออกไปว่า"ลวดลายก่อเกิดอัคคีน้ำแข็งบนร่างเจ้า ส่งผลได้มากกว่าโจว หยวนเสียอีก "
ซู โหยวเหว่ยได้ยินเช่นนั้นก็ประหลาดใจ นางไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน นางเพียงคิดว่าหากมีผลมากกว่าลวดลายของคนทั่วๆไปนั้นก็เพียงพอแล้ว
เมื่อจารึกเสร็จ ทั้ง 2 ก็เดินออกมา โจว หยวนที่รออยู่ข้างนอกก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "เสร็จแล้วหรอ "
เหยาเหยา และ ซู โหยวเหว่ย พยักหน้า
"เช่นนั้นก็วิเศษ " โจว หยวนรู้สึกผ่อนคลายลงแล้วเปิดประตู
พอออกจากห้องมา โจว หยวน ก็สัมผัสได้ถึงแววตาอิจฉา ของเหล่าบรรดาศิษย์สำนักแรกจำนวนมาก เพราะจากที่เห็นมันคิดได้อย่างเดียวว่าโจว หยวนถูกเชิญเข้าห้องไปโดยสองสาวงาม
เมื่อเผชิญกับสายตาเหล่านั้นโจว หยวน ทำได้แค่เมิน แสร้งเป็นมองไม่เห็น
แต่ว่าในตอนนั้นก็มีร่างๆหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอก นั่นคือหยาง จ้าย เมื่อพบเห็นผู้คนเขาก็รีบตะโกนขึ้นว่า"ท่านเจ้าสำนักชู เร่งให้เรารีบไปรวมตัว ที่น้ำตกหยกวิญญาณตอนนี้เกิดปัญหาขึ้นแล้ว "
"เกิดอะไรขึ้นรึ ?! " โจว หยวนเห็นเช่นนั้นก็ถามขึ้นด้วยความตกใจ
เหล่าศิษย์สำนักแรกทุกคนเองก็ต่างมองไปด้วยความสงสัย
หยาง จ้าย ที่ร่างอาบท่วมไปด้วยเหงื่อกำหมัดแน่นแล้วกล่าวว่า: "ยายของฉี เยว่ นั้นมาเรียกร้อง โดยบอกว่าเวลาที่ใช้น้ำตกหยกวิญญาณมันไม่ยุติธรรมและต้องการจะให้ลดจำนวนเวลาของสำนักแรกลง "
ฟึ่บบบ
ได้ยินคำพูดนั้น บรรดาผู้คนก็รีบเร่งมุ่งหน้าไปทันที เพราะเรื่องนี้สำคัญกับพวกเขามาก หากเวลาที่มีอยู่ลดลง มันจะส่งผลกระทบต่อการเบิกชีพจรของพวกเขา
ฉี เยว่นั้นต้องการตัดเส้นทางเติบโตของ สำนักแรก
โจว หยวน ที่ยินเช่นนั้นก็หรี่ตาแคบลง แววตาของเขามีประกายความเย็นชาออกมา ฉี เยว่ มันช่างต่ำช้ายิ่งนัก. . . .
จบตอน 33