โจว หยวน เหยาเหยา ซู โหยวเหว่ย และ คนอื่นๆต่างก็มุ่งหน้ามาถึงน้ำตกหยกวิญญาณ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความอลม่าน ศิษย์ของสำนักวังต้าโจวทั้ง 5 สำนัก ต่างก็มารวมตัวกันที่นี้ ทำให้เสียงสนทนาดังระงม
โจว หยวน แหวกฝ่าฝูงชน ตรงไปยังพื้นที่ที่ผู้คนรวมตัว ก่อนจะกวาดสายตา ไปพบ ชู เทียนหยาง ที่กำลังหน้าซีด เบื้องหน้าของ ชู เทียนหยาง แน่นอนว่ามี สู่ หง
ด้านหลัง สู่ หง มี ฉี เยว่ และ หลิว ซี
ฉี เยว่ มอง โจว หยวน ก่อนจะเบิกตาขึ้น พร้อมกับอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ทว่าใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับแฝงด้วยเลศนัย
ชู เทียนหยาง เองก็พบ โจว หยวน แต่เขายังไม่ได้กล่าวใดๆในเวลานี้ ใบหน้าที่ซีดเซียวยังคงจดจ้อง สู่ หง หมัดกำแน่นและกล่าวกระแทกเสียงว่า " สู่ หง มันชักจะมากเกินไปแล้ว เวลาใช้น้ำตกหยกวิญญาณได้กำหนดมาแต่เนิ่นนาน ไฉนเจ้าถึงได้เปลี่ยนตามอำเภอใจ ?! "
" ทุกท่าน ได้ยินที่เจ้าสำนักกล่าวหรือไม่ น้ำตกหยกวิญญาณ เป็นสมบัติของสำนักวังต้าโจว ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของพวกเรา "
สู่ หง มอง ชู เทียนหยาง แล้วกล่าวช้าๆว่า " ก่อนหน้าที่สำนักแรกครอบครองน้ำตกหยกวิญญาณ 3 ชั่วยาม เราย่อมไร้คำคัดค้าน "
" แต่ว่าตอนนี้ล่ะ ?! สำนักแรกแพ้ให้กับสำนักชั้นสอง เป็นเวลา 2 ปีซ้อน ด้วยเหตุนี้จึงถือว่าสำนักแรกมิใช่ผู้นำของเหล่าสำนักต่างๆอีกต่อไป ฉะนั้นการที่สำนักแรกจะใช้น้ำตกหยกวิญญาณ 3 ชั่วยาม ถือว่าไม่เป็นธรรม ?! "
แววตาของ ชู เทียนหยาง พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา เอ่ยว่า " เวลาในการใช้น้ำตกหยกวิญญาณ ถูกกำหนดขึ้นโดยองค์จักรพรรดิ หากเจ้าคิดจะคัดค้าน ก็เชิญไปบอกกับฝ่าบาท! "
สู่ หง ได้ยินเช่นนั้น กับไม่แยแสซ้ำยังกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า " นับแต่ก่อตั้งสำนักวังต้าโจวขึ้น เราจัดการรับผิดชอบทุกเรื่องโดยอิสระ แม้กระทั้งฝ่าบาทยังไม่เคยเข้ามาก้าวก่าย ดังนั้น เจ้าสำนักอย่าได้เอาพระองค์มาเป็นโล่ "
เขานั้นอยู่ฝ่ายวังราชันย์ฉี แน่นอนว่าเขาย่อมไม่หวาดกลัว โจว ฉิง
" เจ้า! "
ชู เทียนหยาง เกิดโทสะ กลิ่นอายอาฆาตรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ ร่างของเขายามนี้ถึงกับสั่นระรัว ขณะที่ปราณสีแดงก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะอย่างคาดไม่ถึง
ปราณสีแดง เสมือนเป็นดวงตะวันขนาดร้อยจ้าง สาดแสงสว่างหาสิ่งใดเปรียบ เหนืออากาศบริเวณศีรษะ ของ ชู เทียนหยาง เวลาเดียวกันปราณสีแดงเข้มก็ยังดูดซับปราณฟ้าดินเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด
พลังรุนแรงที่กวาดออกมา ณ เวลานี้ ทำให้เหล่าบรรดาศิษย์ถึงกับผิวเปลี่ยนแปลง ร่างกายสั่นเทา
" นี่หรอ พลังขอบเขต บรรลุสวรรค์ ปราณที่น่ากลัวนี้ มันพอที่จะทะลวงสวรรค์ ทลายขุนเขา แหวกปฐพี ได้เลย! " เมื่อสัมผัสถึงพลังปราณ ศิษย์จำนวนมากล้วนพากันหวาดกลัว พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตเบิกชีพจร หากเทียบกับ ชู เทียนหยาง ที่เป็นผู้ใช้พลังปราณ ขั้นบรรลุสวรรค์ การจะมีท่าทีเช่นนี้ย่อมไม่แปลก
เมื่อเห็น ชู เทียนหยาง ในตอนนั้น โจว หยวน ก็ถึงกับตกใจ ขณะที่มองปราณสีแดงเข้ม หัวใจเต้นรัว " พลังปราณนี่ เจ้าสำนักบ่มเพาะจน ปราณหยางแดง ถึง ระดับ 3 ? "
พลังปราณ 9 ระดับ ต้องฝึกฝนจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะอย่างลึกซึ้ง พลังปราณจึงจะเพิ่มสูงขึ้น
เขาทราบดีว่า ในราชวงศ์ต้าโจว เคล็ดวิชาบ่มเพาะสูงสุด สามารถบ่มเพาะไปได้ถึง พลังปราณระดับ 4 เพียงแค่นั้น
" หึ ต้องการจะลงมืองั้นรึ ?! คิดจริงๆหรอว่าข้าจะกลัวเจ้า!!! " สู่ หง จ้อง ชู เทียนหยาง ด้วยท่าทางสงบ ซ้ำบรรยากาศที่เย็นยังแผ่ออกมา พร้อมๆกับพลังปราณที่แข็งแกร่ง ปรากฏเป็นกระแสปราณเหนือบริเวณศีรษะ
พลังปราณที่ปรากฏ เป็นกระแสปราณหยินอันยิ่งใหญ่ ทำให้ชั้นบรรยากาศที่เย็นยะเยือกแผ่กระจาย ครอบคลุมทั่วบริเวณ
พลังปราณระดับ 3 , ปราณหยินน้ำแข็ง!
ผู้ใช้พลังปราณขอบเขต บรรลุสวรรค์ ทั้ง 2 กำลังเผชิญหน้ากัน ทำให้กระแสปราณทั้ง 2 ปะทะกันในอากาศ จนพาให้เหล่าบรรดาศิษย์เกิดความกลัว กลัวว่าจะโดนลูกหลง
เนื่องจากนี้เป็นการประชันระหว่างผู้ใช้ปราณ ขอบเขตบรรลุสวรรค์ สำหรับผู้ที่ยังไม่ถึงขอบเขต เบิกชีพจร ก็เสมือนเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินถล่มโลกพังทลาย
" เจ้าสำนัก ชู อาจารย์ใหญ่ สู่ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสม! "
อย่างไรก็ตาม ต่อท่าทีของ ชู เทียนหยาง และ สู่ หง ที่พร้อมจะห่ำหั่น จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมา
เสียงนั้นมาจากชายที่สวมคลุมชุดดำ อาจารย์ใหญ่สำนักชั้นสาม ฉิน เซียว
อาจารย์ใหญ่ของอีก 2 สำนัก ก็รีบกล่าวขึ้น หากปล่อยให้ ชู เทียนหยาง ต่อสู้กับ สู่ หง ที่นี่ คงไม่เป็นผลดีกับใคร
ทั้ง ชู เทียนหยาง และ สู่ หง พวกเขาต่างก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือตรงนี้ จึงได้แต่แค่นเสียง ก่อนที่ปราณหยางแดงและปราณหยินน้ำแข็ง ค่อยๆไหลกลับเข้าไปในช่วงบริเวณศีรษะ
" หึ หากเจ้าต้องการจะเปลี่ยนแปลงเวลาใช้น้ำตกหยกวิญญาณ ยัไงวันนี้ข้าก็ไม่ยินยอม! " ชู เทียนหยาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สู่ หง ก็เริ่มมีโทสะ ขณะที่กำลังจะพูดก็หันไปยังบริเวณใกล้เคียงก่อนจะยิ้มแล้วกล่าวว่า " เจ้าสำนัก ชู เกี่ยวกับข้อเสนอในวันนี้เรายังไม่ลากสำนักเข้ามายุ่ง แต่ให้ขึ้นอยู่กับศิษย์สำนักวังต้าโจวของเราทุกคน "
" เนื่องจากน้ำตกหยกวิญญาณสำคัญต่อศิษย์ของเรา ท่านเจ้าสำนักย่อมทราบดี เวลาที่ผ่านมานับแต่ก่อตั้งสำนัก สำนักแรกถือเป็นผู้นำของสำนักต่างๆ จึงได้สิทธิ์ใช้ 3 ชั่วยาม นั้นย่อมไม่มีผู้ใดคัดค้าน "
" แต่สำนักแรกตกต่ำแล้ว หากยังได้เวลานานดังกล่าว มันย่อมไม่ยุติธรรมต่อศิษย์จากสำนักอื่นๆ ดังนั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลาในการบ่มเพาะเพื่อความยุติธรรม "
เสียงนั้นมาจาก ฉี เยว่ ขณะที่ได้ยินคำเหล่านี้ ศิษย์ที่อยู่บริเวณรอบๆน้ำตกหยกวิญญาณก็พากันแอบพยักหน้า เพราะทุกคนรู้ว่า น้ำตกหยกวิญญาณส่งผลในการเบิกชีพจรมากแค่ไหน หากว่าได้รับเวลาเพิ่ม ก็จะยิ่งเบิกชีพจรได้เร็วขึ้น ฉะนั้นพวกเขาจึงสนับสนุน
แน่นอนนี่เป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จึงจำเป็นต้องแสดงความเห็นแก่ตัว
ฉี เยว่ ที่พูดแล้วมีคนพยักหน้าเห็นด้วย ก็ลอบยิ้ม ขณะที่มองไปยัง ชู เทียนหยาง ที่สีหน้าบิดเบี้ยวแล้วกล่าวว่า " เจ้าสำนัก ชู ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นอาจารย์ใหญ่สำนักแรก แต่อย่าลืมว่าท่านยังเป็นเจ้าสำนักของสำนักวังต้าโจว หากท่านไม่รักษาความยุติธรรม ก็อาจจะเสียความเชื่อมั่นจากผู้คน "
ชู เทียนหยาง ถึงกับผิวเปลี่ยนไป เพราะคำพูดเหล่านี้ มันทิ้มแทงหัวใจเขา หากเขายังปฏิเสธบางทีศิษย์คงจะพากันชิงชัง
" เจ้า! " ใบหน้า ชู เทียนหยาง กระตุกเบาๆ
ด้านหลัง ชู เทียนหยาง เหล่าบรรดาศิษย์สำนักแรกก็พากันพูดไม่ออก สีหน้าดูไม่จืด เนื่องจากสิ่งที่ ฉี เยว่ ทำนั้นไม่ส่งผลดีกับสำนักแรก ด้วยคุณสมบัติของสำนักแรกในตอนนี้พวกเขาย่อมไม่สามารถคัดค้าน
" ตามกฏ การจะเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำของสำนักต่างๆ สำนักแรกต้องพ่ายแพ้ในการสอบ 3 ปีซ้อน แต่เวลานี้การสอบสำนักในปีนี้ยังมาไม่ถึง เจ้ามาบีบบังคับกดดันเจ้าสำนักไม่รีบร้อนเกินไปหน่อยรึ ? " คนสำนักแรกที่กำลังสีหน้าบิดเบี้ยว ได้แต่พากันเงียบ จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง ชู เทียนหยาง ก่อนจะพบว่าเป็นเสียงของ ชายหนุ่ม
แน่นอนว่าก็คือ โจว หยวน
ฉี เยว่ มองไปยัง โจว หยวน ขณะที่ยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า " สำนักแรก พ่ายแพ้ให้สำนักชั้นสอง 2 ปี ในปีนี้ ผลลัพธ์ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ผู้นำของสำนักต่างๆเหลือแค่นามเท่านั้น ไฉนองค์ชายถึงยังได้ปากเก่ง ? "
" แต่กฏก็ย่อมเป็นกฏ นอกจากนี้ข้าไม่เชื่อว่า ปีนี้สำนักแรกของเราจะพ่ายแพ้อีกครั้ง " โจว หยวน ยิ้มพร้อมกับเอ่ยช้าๆ แต่คำนั้นเสมือนเป็นคลื่นอันยิ่งใหญ่
แววตา ฉี เยว่ หดแคบลง ก่อนมุมปากจะโค้งบางๆแสดงความดูถูก กล่าวว่า " ความคิดขององค์ชายช่างไร้เดียงสา เมื่อใดก็ตามที่การสอบสำนักอีกหลายเดือนมาถึง ผลลัพธ์ก็เป็นที่ทราบกันดี แล้วทำไมจึงต้องปล่อยให้สำนักแรกใช้นำตกหยกวิญญาณ 3 ชั่วยาม ให้เสียเวลาบ่มเพาะชีพจรทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ ? "
โจว หยวน ส่ายหน้า แล้วกล่าวขึ้นว่า " ข้าไม่คิดว่าการฝึกฝนของสำนักแรก จะทำให้การบ่มเพาะน้ำตกหยกวิญญาณสูญเปล่า "
ฉี เยว่ แค่นเสียงกล่าวว่า " ในเมื่อท่านยังดื้อดึง ถกเถียง กล้าพิสูจน์คำพูดหรือไม่ ? "
" พิสูจน์ ? " โจว หยวน เลิกคิ้วขึ้น
" วางใจได้ ข้าคงไม่ให้ท่านมาต่อสู้กับข้า เพราะนั้นเท่ากับรังแกคนไร้ทางสู้ " ฉี เยว่ ยิ้มขณะที่กล่าววาจาดูถูก ทำให้ศิษย์จำนวนมากรู้สึกคับข้องใจ
ฉี เยว่ หันไปมองยังบริเวณหน้าน้ำตกหยกวิญญาณ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยแววตาคมกล้า " หากท่านปฏิเสธเท่ากับว่ายอมรับว่าข้าพูดถูก ไม่เช่นนั้นก็เข้าไปที่น้ำตกหยกวิญญาณ ดูสิว่าใครจะทนได้นานกว่า เช่นนี้จึงจะสามารถแยกแยกว่าผู้ใดที่ใช้ทรัพยากรสูญเปล่า! "
และแล้วในตอนนี้เขาก็เผยจุดประสงค์ที่แท้จริงในที่สุด
" เจ้าเบิก 6 ชีพจร ร่างกายย่อมแข็งแกร่งกว่า ฉะนั้นเวลาที่เจ้าทนอยู่ในน้ำตกหยกวิญญาณย่อมนานกว่า " ชู เทียนหยาง กล่าวขึ้น
แม้ว่า โจว หยวน จะเคยแสดงให้เห็นเวลาที่ทนอยู่ในน้ำตกหยกวิญญาณ ซึ่งทุกๆครั้งมันนานขึ้น นานขึ้น ทว่าด้วยประสิทธิภาพทางกายของ ฉี เยว่ เองก็สามารถทำได้เช่นกัน
ฉี เยว่ กล่าวโดยไม่แยแสว่า " เรื่องนี้ท่านเจ้าสำนัก ชู จะคิดว่าไม่ยุติธรรมคงไม่ได้ เพราะสำนักแรกไม่มีใครสามารถ เบิก 6 ชีพจร "
เห็นความโกรธของ ชู เทียนหยาง โจว หยวน ก็เปิดปากพูดขึ้น " สิ่งที่เดิมพันล่ะ ?! "
โจว หยวน รู้ว่าเรื่องในวันนี้ ฉี เยว่ มันได้เตรียมการมา ฉะนั้นมันคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องหาทางวิธีใดวิธีหนึ่ง
" เดิมพัน . . . หากสำนักชั้นสองของเราชนะสำนักแรก เวลาในการบ่มเพาะ 1 ชั่วยามครึ่งต้องเป็นของเรา เวลาครึ่งชั่วยามให้เป็นของอีกสามสำนัก คิดว่ายังไง ? " ฉี เยว่ กล่าวขณะที่จ้องโจว หยวน ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้น
" หนึ่งชั่วยามครึ่ง ?! " ศิษย์สำนักแรกได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็ฉายความโกรธ เวลาของสำนักแรกคือ 3 ชั่วยาม แต่เวลาที่ใช้เดิมพันหายไปถึงครึ่ง นับว่า เป็นความสูญเสียที่ไม่ใช่น้อยๆ
ศิษย์สำนักอื่นๆไม่ได้กล่าวใดๆ ปัจจุบันเห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแย่งชิงระหว่างสำนักแรกกับสำนักชั้นสอง แต่หากพวกเขาได้รับเวลาบ่มเพาะในน้ำตกหยกวิญญาณเพิ่มขึ้น แน่นอนพวกเขาย่อมต้องพึงพอใจ
ดังนั้นเกี่ยวกับการกระทำที่อุกอาจของ ฉี เยว่ ศิษย์ส่วนใหญ่จึงทำนิ่งเฉย รอดู
โจว หยวน ยังคงยิ้มขณะที่มอง ฉี เยว่ แววตาสองข้างกรอกไปมา หลังจากนั้นก็ค่อยๆเอ่ยขึ้นว่า " 1 ชั่วยามครึ่ง ? ตกลง! อย่างไรก็ตามหากเจ้าเป็นฝ่ายแพ้ สำนักชั้นสองจะต้องมอบเวลาในการบ่มเพาะน้ำตกหยกวิญญาณ 1 ชั่วยามครึ่ง เช่นกัน! "
หากว่ากันตามเนื้อผ้า ณ เวลานี้ โจว หยวน ยังไม่ได้ทำการเชื่อมต่อชีพจรจุด 4 ส่วน ฉี เยว่ นั้นเบิก 6 ชีพจร เขาย่อมไม่อาจสู้ได้ แต่หากประลองการอยู่ในน้ำตกหยกวิญญาณ โจว หยวน มั่นใจมากว่าไม่มีศิษย์คนไหนในสำนักวังต้าโจวเหนือไปกว่าเขา
แม้เขาจะมีความมั่นใจ . . แต่ก็ไม่คิดที่จะประมาท
นอกจากนี้ ฉี เยว่ ยังมีความโลภคิดจะแย่งชิงเวลาบ่มเพาะในน้ำตกหยกวิญญาณ 3 ชั่วยามของสำนักแรก ซึ่งเดิม โจว หยวน ก็คิดว่าเวลา 3 ชั่วยามมันสั้นเกินไป . . . .ฉะนั้น เมื่อฉี เยว่ ยืิ่นโอกาสมาให้ เหตุใดเขาจึงไม่รับไว้
ฉี เยว่ ดูท่าทางแปลกใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่า โจว หยวน จะกล้าตอบรับคำง่ายๆเช่นนี้ แต่เขาเองก็มีไพ่ตายในมือ ฉะนั้นจึงตอบรับอย่างรวดเร็ว
" ดี! หากเราแพ้ สำนักชั้นสอง จะยอมมอบเวลา 1 ชั่วยามครึ่งให้! "
เมื่อคำพูดนั้นสิ้นสุดลง บรรยากาศก็พลันเปลี่ยนไป เหล่าบรรดาศิษย์ระเบิดเสียงสนทนาขึ้นทำให้รอบๆบริเวณเกิดความวุ่นวาย หากดูจากสถานการณ์ คงไม่ต้องรอให้ถึงการสอบสำนักสิ้นปี สำนักแรกและสำนักชั้นสอง ที่มีความขัดแย้ง บัดนี้ได้เริ่มเปิดฉากการปะทะ. . .
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เลือกข้างสำนักชั้นสอง เพราะสำนักชั้นสองมี ฉี เยว่ ที่สามารถเบิก 6 ชีพจร ได้เพียงคนเดียวในสำนักวังต้าโจว พลังของเขาผู้คนย่อมไม่กล้าดูแคลน
ส่วนโจว หยวน เบิกเพียง 3 ชีพจร แล้วจะเอาอะไรไปเทียบกับ ฉี เยว่ ?
องค์ชายโจว หยวน ที่มักจะฉลาดเฉลียว มาวันนี้สิ่งเหล่านั้นมันได้หายไปไหน ?
จบตอน 34