ณ พระราชวังต้าโจว ท่ามกลางแสงตะวันที่สาดส่อง จากดวงอาทิตย์
" วิเศษมาก สมกับเป็นมังกรเทวะแห่งราชวงศ์โจว แค่เวลาสั้นๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเบิกได้ 4 ชีพจร " บนโต๊ะอาหาร โจว ฉิง กล่าวพร้อมกับมอง โจว หยวนที่กำลังซด ชุบเก้าอสูร ด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
ต่อมา โจว หยวน ที่ดื่ม ซุปเก้าอสูร จนเกลี้ยง ขณะที่รู้สึกถึงพลังที่หลั่งใหลสู่ร่างกาย ก็พลันหยิบชาม ข้าวผลึกลึกลับ ขึ้นมา พร้อมกับคีบเนื้ออสูรปราณที่ผ่านการปรุง ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย
ร่างกายเขาในปัจจุบันแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถรับประทานเนื้ออสูรปราณได้หลากหลายชนิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันช่วยในการบ่มเพาะ
เมื่อ โจว หยวน รับประทานอาหารจนอิ่ม ก็เงยหน้า มอง โจว ฉิง ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความหดหู่และกล่าวว่า " ตอนนี้นำตกหยกวิญญาณไม่ค่อยส่งผลต่อข้า หากต้องการจะเชื่อมต่อชีพจรจุด 5 คงต้องหาหนทางอื่น "
ความยากในการเบิกชีพจรของเขามากกว่าคนทั่วๆไป หากคิดจะใช้วิธีธรรมดาอาจต้องใช้เวลานาน ซึ่งเขาไม่ต้องการที่จะก้าวหน้าอย่างช้าๆ
โจว ฉิง ได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าลังเล เขารับรู้ได้ตั้งแต่ โจว หยวน เบิกชีพจร จุด 2 ซึ่งมันมีความยากเหนือกว่าคนทั่วไป
" หากต้องการเบิกชีพจรไวๆ ข้าพอมีวิธี " บริเวณใกล้ๆ เหยาเหยาที่รับประทาน ข้าวผลึกลึกลับ ด้วยท่าทางสงบ อยู่ๆก็พูดขึ้น
" จริงหรอ ? " โจว หยวน และ โจว ฉิง ต่างมองไปที่นางด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นสายตาของพวกเขา เหยาเหยาก็มีแววตาทอประกายพร้อมกับเอ่ยว่า " ข้ามีวิธีชื่อว่า 36 อสูรเบิกชีพจร ที่ต้องใช้โลหิตของสัตว์อสูรปราณ ระดับ 1 จำนวน 36 ชนิด จารึกลงบนร่าง ซึ่งมันช่วยในการดูดซับปราณเบิกชีพจร จาก เลือดอสูรปราณชั่วร้าย "
" แต่วิธีนี้ค่อนข้างอันตราย เนื่องจากเลือดของอสูรปราณมีปราณชั่วร้ายเจือปน หากจิตใจไม่แน่วแน่ จะถูกความชั่วร้ายครอบงำจิตใจ "
ได้เช่นนั้น ทุกคนก็เริ่มวิตก
โดยเฉพาะ โจว ฉิง และ ฉิน หยู่ ที่ผิวพรรณถึงกับเปลี่ยนไป
ผ่านไปไม่นาน แววตา โจว หยวน ก็ค่อยๆฟื้นคืนจากอาการประหลาดใจ ซ้ำเขายังดูมีความมั่นใจในเรื่องความแน่วแน่ กระทั้งพิษมังกรพิโรธเขาก็ยังทนมาได้ แล้วยังจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องกลัว ปราณชั่วร้ายของอสูรปราณระดับ 1
" พี่สาวเหยาเหยา ใช้ 36 อสูรเบิกจุดชีพจรเถอะ! " โจว หยวน กล่าวโดยไม่ลังเล
ฉิน หยู่ ตอนนั้นเหมือนต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่า โจว หยวน ก็ยิ้มแล้วกล่าวกับนางว่า " เสด็จแม่วางพระทัย จะไม่มีเรื่องใดๆเกิดกับข้า "
ฉิน หยู่ ได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่พยักหน้าเบาๆ
" ในเมื่อเจ้ามีความมุ่งมั่นเช่นนี้ พ่อก็จะไม่ห้าม พ่อจะให้คนช่วยหาเลือดอสูรปราณ ระดับ 1 ทั้ง 36 ชนิด " โจว ฉิง พยักหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ
โจว หยวน ได้ฟังชัดนั้น ก็อดที่จะซาบซึ้งมิได้
เนื่องจากเส้นทางการบ่มเพาะนั้นยากลำบาก หากไม่มีความกล้าหาญแน่วแน่ก็ยากจะที่ก้าวเดินบนเส้นทาง
เหยาเหยา ส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล " เลือดของอสูรปราณระดับ 1 ทั้ง 36 ต้องให้เขาเก็บรวบรวมด้วยตัวเอง ปัจจุบันเขายังขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ ไหวพริบจึงยังมีไม่พอ หากไม่ลงมือด้วยตัวเอง ต่อให้ได้มาซึ่งพลัง เขาก็ไม่มีวันเติบโต "
โจว หยวน ถึงกับสะดุ้งเฮือกแววตาฉายความหดหู่ ที่เหยาเหยากล่าวนั้นถูกต้อง ในด้านการต่อสู้เขายังขาดประสบการณ์ ดังนั้นไหวพริบจึงค่อนข้างน้อย แม้เร็วๆนี้เขาจะฝึกฝน กรงเล็บมังกร จนชำนาญขึ้นมาก แต่กรงเล็บมังกรขั้นที่ 2 เขายังไม่สามารถใช้ได้
ดังนั้นต่อให้พลังเขาจะเพิ่มขึ้น แต่หากชีวิตตกอยู่ในช่วงความเป็นความตาย เขาอาจจะร่วงลงไปไม่สามารถหาหนทาง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจว หยวน ก็มอง โจว ฉิง เอ่ยว่า " เสด็จพ่อ ข้าอยากไปที่ หุบเขาพฤกษาทมิฬ "
หุบเขาพฤกษาทมิฬ แน่นอนว่าอยู่ใกล้ๆแคว้นต้าโจว ในเทือกเขามีอสูรปราณดุร้ายมากมาย เต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้น หากอยากจะอยู่รอด การตื่นตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ
โจว ฉิง ลังเล ก่อนท้ายที่สุดจะยอมพยักหน้า เอ่ยช้าๆว่า " เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่ดี หากไม่มีประสบการณ์ ก็คงไม่อาจเติบโต "
" เจ้าไปได้ แต่ข้าจะให้ ลู่ เถียซาน นำคนตามไปกับเจ้า เจ้าสามารถวางใจได้ว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวาย เพียงแค่ทำหน้าที่รับรองความปลอดภัย "
ลู่ เถียซาน เป็นหัวหน้าองครักษ์ฝีมือฉกาจประจำพระราชวังต้าโจว เป็นผู้ใช้พลังปราณ ขอบเขต บรรลุสวรรค์ ที่ได้รับความไว้วางใจจาก โจว ฉิง
โจว หยวน มอง โจว ฉิง ก็รู้ว่าหากปฏิเสธเขาคงไม่ยอม จึงได้แต่พยักหน้า
. . . . .
2 วันต่อมา
ช่วงเช้าตรู่ โจว หยวน และ เหย่า เหย่า ได้เดินทางมาถึงประตูเมือง ข้างๆมีร่างคนคนนึง รูปร่างกำยำแข็งแกร่ง
" คารวะ องค์ชาย "
ใบหน้าของคนผู้นี้เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ร่างกายสวมเกราะ ทุกช่วงลมหายใจแผ่รังสีฆ่าฟัน เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน เขาก็คือหัวหน้าองครักษ์ของพระราชวังต้าโจว ลู่ เถียซาน
" ผู้บัญชาการ ลู่ ลุกขึ้นเถอะ "
โจว หยวน พยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะรีบกล่าวขึ้น
ลู่ เถียซาน พยักหน้า พร้อมกับลุกขึ้นสะบัดมือหันหลัง ก่อนจะนำพา โจว หยวน ออกจากประตูเมืองหลวง แหวกผ่านฝูงชนหายไป
หุบเขาพฤกษาทมิฬ ตั้งอยู่ที่แคว้นต้าโจวมีชั้นนอกและชั้นใน เนื่องจากอาณาเขตเทือกเขากว้างใหญ่ไพรศาล จึงมีอสูรปราณนานาชนิดรวมถึงสมบัติฟ้าดิน ดังนั้น หุบเขาพฤกษาทมิฬจึงนับเป็นสถานที่ล้ำค่าของแคว้นต้าโจว
ผู้ใช้พลังปราณต่างก็พากันหลั่งใหลเข้ามาจากทุกทั่วสารทิศ แสวงหาโอกาสวาสนาจากเทือกเขา เพื่อพลิกชะตาของตนเอง และเขาก็คือหนึ่งในคนเหล่านั้น
หน้าทางเข้ามีผู้ใช้พลังปราณหลายคนที่มายืนรอเพื่อหาสมัครพรรคพวก แต่ โจว หยวนและกลุ่มเขาไม่ได้หยุดอยู่ เดินตรงเข้าไปในเทือกเขา โดยที่มี ลู่ เถียซาน ผู้ใช้พลังปราณขอบเขต บรรลุสวรรค์ เฝ้าระวังหลัง ตราบใดที่ไม่พบกับอสูรปราณ ระดับ 3 ขึ้นไป ก็ไม่ใชปัญหาใหญ่
โจว หยวนและคนอื่นๆ ได้เข้าในเทือกเขาระยะประมาณ 50 ลี้ ก่อนที่จะหยุดที่หุบเขาพฤกษาทมิฬชั้นนอก ที่ส่วนใหญ่มักจะพบอสูรปราณ ระดับ 1
สถานที่ในหุบเขาใกล้กับลำธาร ได้ก่อเต๊นท์ขึ้น 2 หลัง ก่อนที่ ลู่ เถียซาน จะถอยออกห่างจาก โจว หยวน และ เหย่า เหย่า
เมื่อ ลู่ เถียซานและคนอื่นๆ ออกห่าง โจว หยวน ก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะมองไปยังป่ามืด สูดดมกลิ่นอายคาวเลือดในอากาศ พร้อมกับใช้มือยื่นไปหยิบพู่กันปฐมสวรรค์ที่เอว
เขารู้ดีว่าเวลาต่อจากนี้ เขาต้องทรมานตนเองโดยเฝ้าหวังว่าที่นี่ มันจะสามารถช่วยทำให้เขาเบิกชีพจรจุด 5
. . . . . . .
ณ วังราชันย์ฉี
" โจว หยวน ไปยังหุบเขาพฤกษาทมิฬ ? " ในตำหนัก ฉี เยว่ ที่แสดงสีหน้าเย็นชา มองไปยังร่างชายวัยกลางคน ขณะที่ค่อยๆกล่าว
" ถูกต้อง เขาถูกอารักขาโดย ลู่ เถียซาน น่าจะอยู่ภายในหุบเขาพฤกษาทมิฬจากที่สืบทราบ " ชายวัยกลางคนที่มีดวงตาลึกล้ำ ผิวเหลืองราวกับหิน กล่าว
แน่นอนว่าคนผู้นี้ เป็นคนของวังราชันย์ฉี, ฉี หลิง
ฉี เยว่ ได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มแววตาเป็นประกาย " หากเจ้าอยู่ในนคร ข้ากำลังคิดอยู่เลยว่าจะจัดการเจ้ายังไง แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะวิ่งมาถึงหุบเขาพฤกษาทมิฬเช่นนี้ "
" คุณชายรองคิดจะทำอะไรกับเขา " ฉี หลิง ขมวดคิ้ว กล่าวอีกว่า " หากว่ามีใครรู้เข้า เราอาจจะโดนราชวงศ์โต้ตอบ "
ฉี เยว่ กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ " ดังนั้นจึงต้องวางแผนให้รัดกุม ข้ายังไม่อยากจะฆ่ามัน แต่จะปล่อยให้มีชีวิตรอดเพื่อให้ข้าได้ระบายหนี้แค้น "
จากนั้นท่าทางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาเอ่ยว่า " หาคนมาสวมบทโจร ส่วนท่านนำคนของวังราชันย์ฉี ไล่ติดตามไปยังเขตหุบเขาพฤกษาทมิฬที่ โจว หยวน อยู่ เมื่อท่านได้พบ ลู่ เถียซาน ก็ถ่วงเวลาไว้ให้คนอีกกลุ่มลงมือ "
" เมื่อมันเป็นเรื่องอุบัติเหตุ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเรา วังราชันย์ฉี ต่อมาท่านค่อยกำจัดหลักฐานพยานที่อาจจะสืบสาว อย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ "
ฉี หลิง ตกใจครู่นึงก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า " นับเป็นแผนอันแยบยล "
ฉี เยว่ แสยะยิ้ม จากนั้นก็หยิบ ม้วนหยก ออกมาจากอกเสื้อ ก่อนที่ม้วนหยกจะคลี่ออกเผยให้เห็นอักษรโบราณ " งานในครั้งนี้ต้องรอบคอบ เพื่อความระมัดระวัง ใช้แค่ 2 คนลงมือโดยพกนำสิ่งนี้ "
ฉี หลิง ที่รับมากวาดตามอง ก่อนผิวจะเปลี่ยนแปลง " คัมภีร์จรัสลึกลับ ? หนึ่งในสุดยอด วรยุทธปราณ ที่วังราชันย์ฉี ที่ได้จาก จักรพรรดิ ต้าอู่ "
" ที่ข้ายอมเอาสมบัติตระกูลออกมา แน่นอนว่ามันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญ เมื่อสองคนนั้นทำภารกิจลุล่วง ท่านก็ช่วย ลู่ เถียซาน ลงมือสังหารพวกมัน แล้วค่อยนำมันกลับมา "
" โดยให้คนบอกว่านี้เป็นสมบัติของวังราชันย์ฉีของเราที่สูญหายไป เราจึงไล่ตามมันมา พวกราชวงศ์คงไม่มีคำพูดหรือว่าหาหลักฐานสืบสาว ได้แต่คับแค้นใจ โดยมิอาจกล่าววาจาใดๆได้ "
ฉี เยว่ กล่าวแผนชั่วร้ายด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนที่ ฉี หลิง จะพยักหน้า
" วิเศษ เป็นคุณชายรองที่คิดแผนการไว้ถี่ถ้วน " ฉี หลิง แสยะยิ้ม ก่อนหน้าวังราชันย์ฉี พวกเขาไม่เคยเห็น ราชวงศ์ต้าโจวอยู่ในสายตา กระทั้งเรื่องที่จะทำกับ โจว หยวน ก็ไม่หวั่นเกรง
ฉี เยว่ ยิ้มพยักหน้า ก่อนจะหันไปยังทิศทางที่หุบเขาพฤกษาทมิฬตั้งอยู่ด้วยแววตาน่ากลัวและชั่วร้าย
" โจว หยวน ข้าจะปล่อยเจ้าให้มาเข้าสอบสำนักวังต้าโจว แต่เวลานี้ข้าจะขอชีวิตครึ่งหนึ่งของเจ้า "
" คิดจะสู้กับข้า เจ้ามันยังอ่อนหัดเกินไป! "
จบตอน 38