“ถ้างั้นข้าไปหล่ะนะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
พอพูดจบฉันก็เตรียมแยกทางกับลีโอ
พระราชารอนดิเน่เตรียมกองทัพของเขาเสร็จในวันต่อมาหลังจากที่ยอมรับการจัดตั้งพันธมิตร เขาทำงานอย่างรวดเร็ว ความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันนี้คงพูดได้ว่าเป็นลักษณะเด่นของประเทศทางใต้หล่ะนะ
ครั้งนี้, พระราชารอนดิเน่น่าจะออกไปด้วยตัวเองเพื่อจัดตั้งพันธมิตรกับราชรัฐอัลบราโทร แต่ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น, บางทีเขาคงคิดว่ามันจะดีที่สุดถ้าได้สู้กับมังกรทะเลในขณะที่ยังอยู่ในอาณาเขตของอัลบราโทร
“อัล, ไปคนเดียวไม่เป็นไรแน่นะ?”
เอลน่าถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ในขณะที่พูดสายตาของเธอก็พยายามหันหนีจากทะเล
ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังกลัวอยู่สินะ
ครั้งนี้มาร์คจะเข้าร่วมกับลีโอ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อยู่กับฉัน
แต่ฉันก็ไม่จำเป็นต้องมีคนที่มีพรสวรรค์มาอยู่กับฉันในรอนดิเน่อยู่แล้ว
“พอเข้าน่านน้ำของอัลบราโทรเมื่อไหร่, ความสนใจของมังกรทะเลก็จะพุ่งไปที่ราชรัฐอัลบราโทร ข้าสามารถพักผ่านอย่างสบายๆได้พักนึง แทนที่จะมาห่วงข้า, ข้าต่างหากหล่ะที่ควรเป็นห่วงเจ้ามากกว่า ดูนั่นสิ ทะเลสวยดีนะว่าไหม?”
“ข้า, ข้า, ข้าไม่เป็นไรหรอกหน่า!! ถะ, ถ้ามันเป็นการต่อสู้หล่ะก็.....ไว้ใจข้าได้เลย ละ, แล้วก็เหมือนกับที่เจ้าพูด....ทะเลสะ, สวยดีนี่.....มัน, มันเหมือนกับข้ากระโดดเข้าไปในรูปวาดเลย......”
แค่มองทะเลจากท่าเรือ, เอลน่าก็หน้าซีดขึ้นเรื่อยๆในขณะที่พูด ตอนนี้ดวงตาของเธอตายซากไปแล้ว
ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าครั้งนี้เธอคงไม่ค่อยมีประโยชน์ในการต่อสู้ซักเท่าไหร่
เอลน่าเก่งบนบกมากกว่า แต่ก็เอาเถอะ, ลีโอน่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเพราะฉะนั้นมันคงไม่เป็นไรต่อให้ฉันไม่ได้บอกเขาด้วยตัวเอง
“ขอฝากที่เหลือไว้กับเจ้านะ แล้วก็ช่วยดูแลเอลน่าด้วย”
“ครับ, ไว้ใจข้าได้เลย ท่านพี่พักผ่อนอยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ”
“โอเค ขอฝากเรื่องต่อสู้ไว้กับเจ้าละกัน ไปสะสางเรื่องนี้ให้จบ ถึงยังไงถ้ามีมังกรทะเลแอบซุ่มอยู่แถวนี้การจะกลับจักรวรรดิก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆหล่ะนะ”
ด้วยการพูดคุยลักษณะนี้, ฉันก็บอกลาพวกเขาทั้งสองคน
ในตอนที่กองเรือพ้นระยะสายตาของฉัน, ฉันก็กลับไปที่ห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ฉันข้างในปราสาท ฉันอยากจะนอนหลับไปทั้งแบบนี้เลยแต่ก็เป็นไปตามคาด, ฉันไม่มีเวลาทำเรื่องแบบนั้น
เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน, ฉันได้สร้างภาพลวงตาของตัวเองให้นอนหลับอยู่บนเตียงก่อนที่จะออกจากห้องผ่านทางหน้าต่าง
จุดหมายของฉันคือกิลด์นักผจญภัยสาขารอนดิเน่
แน่นอนว่า, ฉันไม่ได้มุ่งหน้าไปที่นั่นในฐานะอาร์โนลด์ ฉันกำลังไปที่นั่นในฐานะซิลเวอร์, โดยใช้เวทย์ลวงตาเพื่อแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของฉัน
อย่างไรก็ตาม, มันจะสร้างความโกลาหลได้ถ้านักผจญภัยทั่วไปรู้ว่าซิลเวอร์อยู่ที่นี่ดังนั้นฉันก็เลยใช้เวทมนตร์ทำให้พวกเขาหลับไปก่อนที่จะเข้ามาในสำนักงานของสาขา
ในตอนที่นักผจญภัยทุกคนเคลิ้มหลับไปแล้ว, ฉันก็เข้ามาข้างใน
พนักงานต้อนรับซึ่งฉันยกเว้นเอาไว้ยังตื่นอยู่ อย่างไรก็ตาม, เธอกำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ
“ทะ, ท่านเป็นใครกันคะ......!?”
“ข้าคือซิลเวอร์, นักผจญภัยแรงค์ SS ที่ประจำอยู่สาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ ข้าไม่อยากก่อความวุ่นวายก็เลยทำให้นักผจญภัยที่นี่หลับไปก่อน ขอโทษนะถ้ามันไปทำให้เจ้ากลัว”
“ซะ, ซิลเวอร์? นักผจญภัยที่มีชื่อเสียงคนนั้นหรอคะ?”
“มีชื่อเสียงรึเปล่าข้าไม่รู้หรอก”
พอพูดจบ, ฉันก็แสดงบัตรนักผจญภัยของฉันให้พนักงานต้อนรับดู
พนักงานต้องรับรับบัตรไปอย่างกล้าๆกลัวๆและตรวจสอบรายละเอียดของมันในขณะที่ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ
“ตะ, ตัวจริงหรอคะเนี่ย!?”
“ข้าก็บอกไปแล้วนี่ ขอโทษนะแต่ข้าอยากใช้ห้องสื่อสารทางไกล”
กิลด์นักผจญภัยแต่ละสาขานั้นจะมีห้องสื่อสารทางไกลของตัวเองอยู่
มันคือห้องที่มีบาเรียพิเศษซึ่งสร้างขึ้นโดยคริสตัลชิ้นนึงที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องโดยมันจะเชื่อมต่อกับห้องสื่อสารทางไกลอื่นๆในสำนักงานใหญ่กิลด์นักผจญภัยและสาขาย่อยของมัน
มันคือเทคนิคลับของกิลด์ที่ช่วยให้กิลด์สาขาต่างๆสามารถตอบโต้กับภัยคุกคามจากมอนส์เตอร์ทั่วทวีปได้อย่างรวดเร็ว
“ขะ, เข้าใจแล้วค่ะ! เชิญตามข้ามาทางนี้ได้เลยค่ะ!”
มีแค่พนักงานกิลด์หรือนักผจญภัยแรงค์ S ขึ้นไปเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องสื่อสารทางไกล
นักผจญภัยแรงค์ S ขึ้นไปที่สามารถต่อสู้กับมอนส์เตอร์คลาสสูงๆได้ด้วยตัวคนเดียวนั้นจะได้รับการดูแลดีเป็นพิเศษในบรรดากลุ่มสมาชิกกิลด์
พนักงานต้อนรับพาฉันไปที่ห้องสื่อสารทางไกลและเชื่อมต่อสายกับสำนักงานใหญ่ในทันที
จากนั้น
“นี่คือนักผจญภัยแรงค์ SS ซิลเวอร์ ช่วยเรียกรองหัวหน้ากิลด์มาหน่อย”
“รับทราบค่ะ”
สมกับเป็นพนักงานของสำนักงานใหญ่ พวกเขาเคยชินกับเรื่องพวกนี้
การตอบสนองของพวกเขาเยือกเย็นและฉะฉาน
หลังจากรออยู่พักนึง, ใบหน้าของชายหนวดเฟิ้มก็ปรากฎขึ้นบนคริสตัล
ผมสีดำและดวงตาสีน้ำเงิน ชื่อของชายคนนี้ที่ดูเข้ากับคำพูดที่ว่า ‘คุณลุงหน้าหล่อ(Nice middle)’ ก็คือไคลด์
(หมายเหตุ: 「ナイスミドル」 หรือภาษาอังกฤษคือ ‘Nice Middle’ เป็นแสลงค์ของคนญี่ปุ่นที่ใช้เรียกผู้ชายวัยกลางคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดครับ)
เขาเคยเป็นนักผจญภัยคลาส S ที่เดินทางสร้างชื่อเสียงไปทั่วทวีป ตอนนี้เขาเกษียณแล้วและทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้ากิลด์ที่กิลด์นักผจญภัยสำนักงานใหญ่
[ไหงเจ้าถึงโทรมาหาข้าจากสาขาเขตใต้ได้หล่ะเนี่ย?]
“ข้าแค่มาหาคนรู้จักที่อยู่แถวนี้หน่ะ”
[คนรู้จักสินะ ข้าประหลาดใจนะเนี่ยที่เจ้ามีคนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนรู้จักอยู่ด้วย]
“ข้าเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกันนะ ข้าก็ต้องมีคนรู้จักอยู่บ้างแหล่ะ แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ, ข้าพึ่งได้ยินข่าวลือแปลกๆมา, มันเป็นความจริงรึเปล่า?”
[ปกปิดไปก็คงไม่มีประโยชน์สินะ...ใช่มันเป็นเรื่องจริง มีคำขออย่างเป็นทางการจากราชรัฐอัลบราโทรให้ไปกำจัดมังกรทะเล ตอนนี้สำนักงานใหญ่กำลังวุ่นวายเลยหล่ะ]
“ก็ไม่แปลกหล่ะนะ แล้วสำนักงานใหญ่กำหนดคลาสไว้ที่เท่าไหร่?”
[ตั้งใจว่าจะกำหนดเอาไว้ที่คลาส S แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันจะสร้างความเสียหายได้มากแค่ไหนบางทีคลาสของมันอาจจะถูกเลื่อนเป็น SS ก็ได้ และถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะกลายเป็นคำขอระดับสูงสุดที่ต้องการนักผจญภัยแรงค์ SS มากกว่าหนึ่งคน]
“อย่าทำแบบนั้นนะ ต่อให้พวกเขาสามารถเอาชนะมังกรทะเลได้, แต่ราชรัฐอัลบราโทรได้กลายเป็นซากแน่”
การเรียกรวมตัวนักผจญภัยแรงค์ SS หลายคน
มันคือสิ่งที่แม้แต่กิลด์นักผจญภัยเองก็ยังอยากที่จะหลีกเลี่ยง ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีความแข็งแกร่งผิดมนุษย์, แต่พวกเขานั้นไม่ค่อยมีสามัญสำนึก
ถ้าคนแบบนั้นมาอยู่ด้วยกัน, สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเลอาจจะตายไปพร้อมกับมังกรทะเลเลยก็ได้, เมืองท่าเองก็อาจจะอยู่ในสภาพที่เกินกว่าจะฟื้นฟูได้เช่นกัน สเกลความเสียหายนั้นมันมีความเป็นไปได้มากถึงขนาดนั้น
[ข้าเองก็ไม่อยากเรียกรวมพวกเขาเหมือนกัน ขอโทษนะแต่ในเมื่อเจ้าอยู่แถวนั้นแล้ว, ช่วยกำจัดมันให้ข้าหน่อยได้ไหม?]
“อย่าพูดเหมือนข้าเป็นบ๋อยของเจ้านะ เดี๋ยวข้าจะกลับไปจัดการธุระที่เมืองหลวงของจักรวรรดิก่อน แล้วจะมาจัดการให้ทีหลัง”
[งั้นหรอ.....ถ้าเจ้ารีบจัดการให้ได้จะขอบคุณมากเลยหล่ะ]
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
[.......ข้อมูลนี้เป็นความลับนะแต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะรั่วไหลไปถึงจักรวรรดิแล้ว แถมดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็เริ่มหารือกันแล้วด้วยว่าจะแทรกแซงยังไงดี]
“ถ้าการแทรกแซงของพวกเขาสำเร็จพวกเขาก็จะสร้างหนี้บุญคุณก้อนใหญ่ให้กับประเทศทางใต้ได้สินะ แต่ว่า.....มันมีความเป็นไปได้อยู่นะว่าจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นระลอกที่สอง”
หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือมันจะเกิดขึ้นแน่
ถ้าพวกเขาส่งกองเรือมา, พวกเขาก็ก็มีแต่จะถูกพายุจม
สิ่งที่จักรวรรดิสามารถทำได้ก็คือส่งพวกระดับสูงของพวกเขามาแต่ถ้ามันเป็นแบบนั้น, มันจะเป็นการดีกว่าถ้าปล่อยให้เอลน่าที่อยู่ในเหตุการณ์อยู่แล้วเป็นคนจัดการ
บางที่สิ่งที่พ่อของฉันกำลังพิจารณาอยู่ในตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ว่าเขาควรอนุญาตให้เอลน่าใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์รึเปล่า
[ตามนั้นแหล่ะ, ก่อนที่จักรวรรดิจะมาถึงแล้วทำให้เรื่องวุ่นวายขึ้น, ข้าอยากให้กิลด์นักผจญภัยจัดการกับมันให้ได้ก่อน]
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกหรอกนะ แต่ว่าข้าไม่อยากจะรอมังกรทะเลที่ไม่รู้ว่าจะโผล่มาที่ไหนหรือตอนไหน เอาเป็นว่าถ้ามันโผล่มาข้าจะรีบมุ่งหน้าไปหามันในทันที ตกลงไหม?”
[แบบนั้นก็พอรับได้อยู่ เดี๋ยวทางฝั่งข้าจะแจ้งข้อมูลให้เจ้าทราบแล้วกัน ช่วงนี้จักรวรรดิค่อนข้างระส่ำระส่ายจากสงครามผู้สืบทอด ถ้าเป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากไปข้องเกี่ยวกับพวกเขา ดังนั้นถ้าเจ้าได้รับรายงานการพบเห็นมันเมื่อไหร่ให้รีบจัดการทันทีเลยนะ]
“เดี๋ยวข้าใช้ดุลยพินิจของข้าตัดสินเองก็แล้วกัน”
ฉันตอบไปแบบนี้แล้วจบการสนทนา
ความลับของกิลด์รั่วไหลไปถึงจักรวรรดิหรอ....ชักรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้แล้วสิ
ฉันคิดว่ามีบางคนพยายามจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้อยู่
ถ้าฉันไม่ป้องกันเอาไว้นี่อาจจะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายได้
ดูเหมือนว่าฉันควรจะกลับไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิสักครั้งนึงเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้สินะ
“ขอบใจนะ ตอนนี้ข้าขอตัวหล่ะ”
“ค, ค่ะ!”
ฉันขอบคุณพนักงานต้อนรับแล้วเดินออกจากกิลด์
พรุ่งนี้ต้องบินกลับเมืองหลวงของจักรวรรดิสินะ
ฉันต้องไปตรวจสอบสถานการณ์ของพวกฟีเน่แล้วสืบดูว่าจักรวรรดิวางแผนจะแทรกแซงยังไง
ถ้าจักรวรรดิเคลื่อนไหวไปในแนวทางแทรกแซงอย่างจริงจัง, การจะไปทำลายแผนการของพวกเขาในฐานะซิลเวอร์ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดี
จักรวรรดิและกิลด์นักผจญภัย, ทั้งคู่ต่างก็มีชื่อเสียงให้ยึดถืออยู่ มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าแก้ปัญหานี้ได้พร้อมกับรักษาหน้าของทั้งสองฝ่าย
“เอาเถอะ, หลังจากที่กลับไปแล้วค่อยคิดเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
ฉันพึมพำออกมาหลังจากนั้นก็คลายเวทย์ลวงตาและกลับไปเป็นอาร์โนลด์เหมือนเดิม
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด, พวกฟีเน่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ว่าแล้วเชียว, จะยืนยันได้แน่ๆก็ต่อเมื่อกลับไปดูด้วยตัวเองสินะ
“เอาเถอะ, ถ้าไม่ได้ไปทำเรื่องบ้าๆก็คงจะดีอยู่หรอก”
แต่ถึงอย่างนั้นฟีเน่ก็ดูเหมือนพวกที่ทำอะไรไม่ยั้งคิดด้วยสิ
ในตอนที่ต่อสู้กับแวมไพร์เอง, เธอก็ปีนขึ้นไปบนหอนาฬิกาโดยไม่ลังเลเลย แม้แต่ตอนที่เธอกำลังร่วงลงมา, เธอก็ยังให้ความสำคัญกับขลุ่ยมากกว่าตัวเอง
คนอะไรทำไมถึงไม่หัดให้ควาสำคัญกับตัวเองบ้างเลย
ถ้านิสัยด้านนั้นของเธอยังไม่แสดงออกมาก็คงจะดี
ฉันกลับไปที่ปราสาทในขณะที่กังวลเรื่องของเธอ