“อย่าเป็นตัวถ่วงหล่ะเข้าใจไหม? นักผจญภัยสวมหน้ากาก”
“นั่นควรจะเป็นประโยคของข้ามากกว่านะ, ผู้กล้าหญิง”
“หา!? ไม่มีทางที่ข้าจะเป็นตัวถ่วงอยู่แล้วไม่ใช่รึไง!?”
“จะใช่แน่เรอะ? เมื่อซักครู่นี้ดูเหมือนจะตึงมืออยู่ไม่ใช่หรอ? ช่วยเป็นคนซื่อตรงแล้วขอบคุณข้าซักครั้งที่อุตส่าห์พาตัวแทนขององค์จักรพรรดิมาที่นี่ไม่ได้รึไง?”
ไหล่ของเอลน่าสั่นเพราะคำพูดแหย่ของฉัน
อา, เธอโกรธแล้ว, โกรธแล้วจริงๆ
ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับปฏิกิริยาเช่นนี้จากเอลน่า, แนก็ร่ายบาเรียป้องกันและบาเรียรักษาคลุมทั้งเมืองหลวงของอัลบราโทร
ผ่านความพยายามของเอลน่า, ดูเหมือนว่าพื้นที่ที่ประชาชนไปรวมตัวกันอยู่นั้นจะไม่ได้รับความเสียหายเลย อย่างไรก็ตาม, ยังมีคนเจ็บและพวกที่ยังไม่ได้อพยพอยู่อีกหลายคน
แต่ถึงยังไงตอนนี้พวกเขาก็ใจเย็นลงกว่าตอนแรกแล้ว
ซึ่งนี่เป็นเพราะสุนทรพจน์ที่เว่อวังของท่านพี่เทราในตอนที่เขายินยอมให้เอลน่าใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์, ผู้คนในเมืองหลวงได้รับแจ้งแล้วว่าความช่วยเหลือมาถึงแล้ว
เขาอาจจะไม่ได้มุ้งหวังให้เป็นแบบนี้ เหตุผลครึ่งนึงสำหรับสุนทรพจน์ของเขานั้นมาจากนิสัยส่วนตัวและอีกครึ่งที่เหลือก็เป็นการแสดงเพื่อมอบคำยินยอมให้เอลน่า มันคือบทบาทของท่านพี่เทราในการทำตัวให้ดูยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีและการปรากฎตัวของจักรวรรดิ
แต่ไม่ว่ายังไง, มันก็ต้องขอบคุณท่านพี่เทราที่ช่วยให้ความสับสุนวุ่นวายในเมืองหลวงลดน้อยลง
ถ้าเขาไม่ได้มีนิสัยส่วนตัวที่ดูน่าผิดหวังแบบนั้นฉันก็คงอยากสนับสนุนเขาให้กลายเป็นจักรพรรดิจริงๆ
“นี่เจ้าฟังอยู่รึเปล่า!? ซิลเวอร์!”
“หืม? อะไร? เจ้าพูดอะไรหรอ?”
“หึ, เข้าใจหล่ะ.....เจ้าอยากจะบอกว่าคำพูดของข้าไม่คู่ควรกับการฟังของเจ้าสินะ?”
เอลน่ายิ้มในขณะที่เส้นเลือดที่ศรีษะของเธอเริ่มปูดขึ้นมา
ฉันยิ้มให้เธออย่างเหนื่อยใจแล้วถามเธอ
“ขอโทษด้วยละกัน ข้ากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ เกี่ยวกับเรื่องนั้น หรือว่าเจ้ากำลังถามวิธีเอาชนะมังกรทะเลอยู่?”
“ถ้าเจ้าเข้าใจก็ตอบคำถามมาได้แล้ว เจ้ามีแผนอะไรรึเปล่า? ถ้าไม่มี, พวกเรามาทำตามแผนของข้าคงไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“เอาเถอะ, ก็ใช่ว่าจะไม่มีหรอกแต่มาดูกันดีกว่าว่าแผนของผู้กล้าหาญเป็นยังไง เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรหล่ะ?”
“สำหรับตอนนี้, ข้าอยากให้เจ้าเพ่งสมาธิไปที่การป้องกันเมืองหลวงและดึงดูดความสนใจของมัน ส่วนข้าจะเป็นคนไปผ่าเจ้ามังกรนั่นด้วยตัวเอง”
“จะใช้ข้าเป็นตัวล่อสินะ แผนแบบนี้นี่สมกับเป็นเจ้าจริงๆ”
พอพูดจบ, ฉันก็ก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย
บางทีเธอคงเข้าใจว่าฉันรับรู้แล้ว, เอลน่าถอยห่างจากฉัน
[ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าจะมีมนุษย์ที่สามารถรับกระสุนน้ำของข้าได้ด้วย ข้ารู้สึกประหลาดใจจริงๆ]
“ข้าก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ มังกรเป็นมอนส์เตอร์ที่มีสติปัญญาสูง ทำไมเจ้าถึงเลือกเข้าปะทะกับมนุษย์โดยตรงแบบนี้?”
[เหอะ, พวกมันบังคับให้ข้าจำศีล ถ้าข้าเอาคืนให้กับการเหยียดหยามนี้ไม่ได้ข้าก็คงจะสูญเสียความภาคภูมิใจในฐานะมังกรไปแล้ว ข้าคือมังกรที่ปกครองเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งปวง! เจ้าคิดว่าข้าจะทนให้มนุษย์ดูถูกแบบนี้ได้รึไง!]
“ความภาคภูมิใจสินะ....ไร้สาระชะมัด นี่ความภาคภูมิใจมันสำคัญกว่าชีวิตของเจ้าถึงขนาดนั้นเลยหรอ?”
[เจ้าพูดเหมือนกับว่าสามารถเอาชนะข้าได้เลยนะ?]
“ชนะได้สิ อย่าดูถูกมนุษย์จะดีกว่า”
ในตอนนั้นเอง, กระสุนน้ำจำนวนมหาศาลก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าลิเวียธาน
มันไม่ใช่แค่หลักร้อยหรือสองร้อย นี่หมายความว่าก่อนหน้านี้มันไม่ได้เอาจริงเลยสินะ?
[ข้าจะพูดซ้ำอีกครั้ง ข้าจะไม่ยอมทนให้มนุษย์ดูถูกแบบนี้!]
“ถ้างั้นข้าก็ขอตอบคำถามซ้ำอีกรอบ อย่าดูถูกมนุษย์”
ด้วยคำพูดนี้, ฉันก็ปล่อยวงเวทย์ออกมาข้างหลังฉันในจำนวนพอๆกัน
เนื่องจากมันไม่สามารถเอาชนะฉันได้ด้วยการโจมตีเดียว, บางทีมันคงคิดว่าสามารถเอาชนะฉันได้ด้วยจำนวน
“ดูเหมือนว่าเรื่องจำนวนข้าก็ชนะเหมือนกันใช่ไหม?”
[หนอยเจ้ามนุษย์!!]
กระสุนน้ำกับเวทมนตร์จำนวนนับไม่ถ้วนปะทะกันบนฟ้าเหนือเมืองหลวง
มันเหมือนอยู่ในสนามรบเลย
มันคือการต่อสู้วัดความอดทนที่หากใครขาดความแน่วแน่ก็จะถูกอีกฝ่ายจัดการได้ในทันที ถ้าจำนวนเข้าปะทะมีไม่พอลิเวียธานก็จะเพิ่มกระสุนน้ำเข้ามาอีกและฉันก็จะเพิ่มเวทมนตร์ขึ้นเรื่อยๆเพื่อไล่ตามการเปลี่ยนแปลงนี้
มีประกายไฟหลากหลายสีกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า
ถ้ามีคนที่ไม่รู้สถานการณ์มาเห็น, พวกเขาอาจจะคิดว่านี่เป็นงานจัดแสดงดอกไม้ไฟก็ได้
[หนอย! อวดดียิ่งนัก!]
ลิเวียธานอ้าปากกว้าง
กระสุนน้ำที่ปล่อยออกมาจนถึงตอนนี้เป็นแค่สิ่งที่สร้างขึ้นโดยใช้พลังของมัน, พวกมันไม่ใช่การโจมตีพิเศษของมังกร, ‘ปราณมังกร’
ในที่สุดก็ตัดสินใจใช้ไพ่ตายแล้วสินะ
ในขณะที่ความคิดพวกนี้เข้ามาในหัวของฉัน, น้ำก็เริ่มอัดแน่นขึ้นเรื่อยๆข้างในปากของลิเวียธาน มันถูกบีบอัดเป็นลูกบอลลูกเล็กๆ, และจากตรงนั้น, ปราณวารีก็ถูกยิงออกมาเหมือนกับลำแสง
ฉันพยายามซ้อนเวทย์ป้องกันเพื่อเบี่ยงมันออกแต่ปราณวารีก็ทำเหมือนกับว่าไม่มีโล่อยู่เพราะปราณวารีนั้นเจาะทะลวงทุกสิ่งและเข้ามาใกล้ฉันขึ้นเรื่อยๆ
“เอาจริงดิ!?”
หลังจากที่ฉันรีบหลบออก, ปราณวารีก็พุ่งผ่านจุดที่ฉันเคยยืนอยู่และเจาะภูเขาที่อยู่ข้างหลังเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย
“เกือบแล้วเชียว.....”
ในขณะที่มองภาพนี้, เหงื่อของฉันก็เริ่มไหล
เล่นเจาะเวทย์ป้องกันที่ฉันซ้อนเอาไว้ตั้งหลายชั้นแบบนี้เลยหรอ, พลังนั่นมันไม่บ้าบอเกินไปรึไง?
มันคือการบีบอัดน้ำอย่างสุดขีดจนเหมือนกับเป็นใบมีดน้ำงั้นหรอ? นี่มันคือดาบศักดิ์สิทธิ์เวอร์ชันลิเวียธานสินะ
มันสามารถเจาะทะลวงอะไรก็ได้เหมือนกับหั่นเนย
ถ้าเป็นแบบนี้หล่ะก็ยืนป้องกันต่อไปคงจะเสียเปรียบ รุดหน้าเข้าไปแล้วรีบจบเรื่องนี้น่าจะดีกว่า
แต่ก็ตามที่คาดเอาไว้, การโจมตีแบบนั้นดูเหมือนจะยิงติดต่อกันไม่ได้สินะ
ลิเวียธานเริ่มกระหน่ำกระสุนน้ำใส่ฉันอีกครั้ง ฉันเงยหน้าขึ้นไปข้างบนในขณะที่ป้องกันมัน
เอลน่ากำลังรวบรวมสมาธิอยู่บนนั้น
ดูเหมือนว่าเธอตั้งใจจะผ่ามังกรจริงๆสินะ ตั้งแต่ที่เห็นเอลน่าเพ่งสมาธิแบบนี้เมื่อครั้งก่อนนี่มันก็ผ่านมาซักพักแล้ว
แต่ว่า,
“ช่วยเร่งหน่อยได้ไหม.....”
ฉันบ่นในขณะที่คอยปัดกระสุนน้ำที่เทียบกับลูกที่เคยใช้กับท่านพี่เทราไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้เสียงแบบนั้นคงเข้าไปไม่ถึงหูของเอลน่า
ในตอนที่ลิเวียธานกับฉันปะทะกันไปได้พักนึง,
เอลน่าก็ดิ่งลงมาจากท้องฟ้า แน่นอนว่าเป้าหมายของเธอคือลิเวียธาน
[อย่าได้ใจไปหน่อยเลย!!]
ลิเวียธานยิงกระสุนน้ำใส่เอลน่าแต่เธอก็หลบมันได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็เหวี่ยงดาบศักดิ์สิทธิ์ของเธอใส่ศรีษะของลิเวียธาน
พอเห็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเจิดจ้า, ลิเวียธานก็ตัดสินว่ามันคือภัยคุกคาม
ลิเวียธานบิดร่างของมันเพื่อหลบคมดาบที่กำลังเข้ามา อย่างไรก็ตาม, ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของลิเวียธาน, มันจึงไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด
ร่างกายส่วนนึงของมันถูกเฉือนออกอย่างรุนแรงพร้อมกับปีกซ้ายของมัน
[กรี๊ซซซ!!??]
ด้วยความเจ็บปวดและความประหลาดใจ, ลิเวียธานก็ดำลงไปในทะเล
ตอนนี้ได้จังหวะแล้ว, เธอน่าจะไล่ตามมันไปได้ในทันทีเพื่อปลิดชีวิตมันแต่ว่า....
“ยัยนั่น....”
เอลน่าดิ่งลงไปพยายามที่จะปิดฉากแต่ก็ตามที่ฉันคิดเอาไว้, เธอยังกลัวน้ำอยู่เพราะฉะนั้นเธอจึงหักเลี้ยวด้วยมุมแปลกแล้วลอยกลับขึ้นไปบนฟ้า
ฉันมุ่งหน้าไปหาเอลน่า
“พอเจอทะเลแล้วเจ้านี่ไร้ประโยชน์ไปเลยนะ”
“หุปปากซะ! อะไรที่มันกลัวมันก็กลัวอยู่ดีไม่ใช่รึไง!?”
ร่างกายส่วนใหญ่ของลิเวียธานจมลงไปในทะเลแล้ว การจะปิดฉากมันนั้นทำได้แค่จากระยะประชิดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม, เอลน่าทำแบบนั้นไม่ได้
นี่เธอเพ่งสมาธิตั้งนานเพื่อให้เป็นแบบนี้เนี่ยนะ? เอาเถอะ, ถ้าเธอไม่สามารถจัดการมันได้ด้วยการโจมตีเดียว, เธอก็ต้องเข้าใกล้ทะเลเพื่อปิดฉากมันอยู่แล้ว
จริงๆเลย, ยัยนี่.....
“ช่วยไม่ได้หล่ะนะ มาสลับหน้าที่กันเถอะ”
“อ, อย่ามาทำเป็นล้อเลียนข้านะ! เจ้าทำหน้าที่เป็นตัวล่อเหมือนเดิมนั่นแหล่ะข้าจะจัดการปิดฉากเอง, ไม่ยอมสลับหน้าที่หรอก!”
ในขณะที่พูดนั้น, เอลน่าไม่แม้แต่จะพยายามเข้าใกล้ลิเวียธานเลย
ในขณะที่ฉันถอนหายใจอย่างเอือมระอา, เอลน่าก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน
นั่นก็คือ,
“ซิลเวอร์.....เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าไม่ค่อยถูกกับน้ำ?”
อา.........
ฉันเผลอพูดกับเธอเหมือนปกติไปซะแล้ว
ในประวัติศาสตร์การเป็นซิลเวอร์ของฉัน, นี่คือคำพูดที่เลินเล่อที่สุดที่หลุดออกมาจากปาก