บทที่ 364 : เบื้องหลังของจ้าวหลิน...
เมื่อเห็นฟ่านเจี้ยนร่ำไห้วิงวอนร้องขอชีวิตทั้งน้ำตา ต้วนหลิงเทียนเพียงมองมันด้วยสายตาไม่แยแส “ฟ่านเจี้ยน ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้ว เป็นเจ้าไม่เห็นคุณค่าของมันเอง...เช่นนั้นแล้วก็ลงนรกไปหาหลิ่วชีเกอเถอะ”
"ไม่!" เมื่อมันตระหนักว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดปล่อยมันไป ฟ่านเจี้ยนก็ชักสีหน้าหวาดผวา เร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดออกมาควบแน่นที่เท้า หันร่างวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด หมายหนีลงเวทีประลองเป็นตายอีกด้าน
"ปัญญาอ่อน!" ท่าทางของต้วนหลิงเทียนยังคงนิ่งเฉยไม่แยแสอะไร เขาเพียงควบแน่นพลังงานต้นกำเนิดไปที่เท้าแล้วเร่งเร้าพลังงานสั่นสะเทือนอีกครั้ง ก่อนที่จะปราดร่างวูบออกไป ความเร็วในการเคลื่อนไหวยามนี้ของต้วนหลิงเทียน ยังเหนือชั้นยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นแรกเสียอีก!
เพียงพริบตาก็ติดตามฟ่านเจี้ยนได้ทัน
ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย กระบี่ใบแคบในมือเริ่มสั่นไหว
วิชาวาดกระบี่!
การวาดกระบี่ที่ว่องไวดั่งสายฟ้า วาดผ่านลำคอของฟ่านเจี้ยนไป หยาดโลหิตพรั่งพรูออกมาเกลื่อนฟ้า
ตุบ!
ร่างกายของฟ่านเจี้ยนที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า พลันถลันเสียหลักล้มลง กลิ้งไปกับพื้นสร้างรอยเลือดเป็นสาย มันเอามือกุมลำคอเอาไว้อย่างแน่นหนาพยายามห้ามโลหิตที่พรั่งพรูออกมา ...กระบี่นี้ของต้วนหลิงเทียนใช้ออกอย่างแม่นยำเพียงปาดผิวหน้าลำคอ ชำแรกผ่านเส้นโลหิตและหลอดลมมิได้บั่นหัวมันในคราเดียว ฟ่านเจี้ยนจึงต้องทรมาน และสัมผัสถึงความตายที่กำลังคืบคลานมาอย่างช้าๆ สุดท้ายหลังจากที่กระเสือกกระสนดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง มันก็แน่นิ่งไป
ตกตายอนาถ!
เงียบ
ภาพตรงหน้าดั่งจะดูดสรรพเสียงทั้งมวลออกไป
ทุกสายตาของผู้คนหันไปจับจ้องร่างที่ยังเหลืออยู่บนเวทีประลองเป็นตายอย่างช่วยไม่ได้
ชายหนุ่มผู้นี้ได้สร้างปาฏิหาริย์ออกมาอีกครั้งแล้ว!
ในการเผชิญหน้ากันตรงๆ เขาได้ใช้ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 สังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 และ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 .... เหลือเชื่อ!
ต้วนหลิงเทียนใช้เท้าเขี่ยร่างฟ่านเจี้ยนให้พลิกขึ้น ก่อนที่จะจัดการริบแหวนมิติของมัน ก่อนที่จะก้าวข้ามไปอย่างไม่แยแส เดินไปยังศพของฟ่านเจี้ยนแล้วหยิบกระบี่วิญญาณระดับ 7 กับแหวนมิติของมันออกมาเช่นกัน ก่อนที่จะเดินลงเวทีประลองเป้นตายไปหาเจิ้งซงด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
ตอนนี้เองเจิ้งซงที่เห้นร่างต้วนหลิงเทียนเดินยิ้มมาแต่ไกล ก็ฟื้นสติ ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าที่ตกตะลึง แล้วกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างอึ้งๆ "น้องต้วน เจ้ากระทำได้จริงๆ อัศจรรย์เหนือมนุษย์นัก!"
ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆ ก่อนกล่าวคำ "พี่ซง ปรมาจารย์เจิ้งฝานอยู่ที่หอไท่หยางหรือไม่ ข้าคิดที่จะไปขอดื่มชาสักกา"
"ไป" เจิ้งซงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินนำต้วนหลิงเทียนไปจากเวทีประลองเป็นตาย
ทั้งคู่เดินไปที่ใด เหล่าศิษย์ล้วนเปิดทางเป็นสายให้ได้เดินสะดวก ...
เมื่อร่างของต้วนหลิงเทียนหายลับตาไปแล้ว บรรยากาศที่เงียบงันของเวทีประลองเป็นตายพลันกลับมากระหึ่ม เมื่อทุกคนได้สติ! วาจาพ่นกล่าวออกมาอย่างคึกคัก สายตาของผู้คนบางส่วนยังคงจับจ้องไปยังร่างไร้วิญญาณทั้ง 2 บนเวที
"เรื่องนี้คงโทษผู้ใดไม่ได้... ต้องโทษหลิ่วชีเกอกับฟ่านเจี้ยนที่โชคร้าย ไปตอแยกับชายผู้นั้นเอง ... เท่าที่ข้ารู้มา ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่หาเรื่องต้วนหลิงเทียน ล้วนมิเหลือลมหายใจสักคน"
"สวรรค์ ข้ามิคิดเลยว่าเพียงต้วนหลิงเทียนตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 เขาจักมีความสามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 ได้เช่นนี้ ร้ายกาจยิ่ง!"
“ที่ยิ่งน่าประหลาดใจยังมิได้มีเพียงเท่านั้น พวกเจ้าเห็นกระบี่ในมือต้วนหลิงเทียนหรือไม่? นั่นมันกระบี่วิญญาณระดับ 6! กระทั่งนิกายเรายังหาได้มีกระบี่วิญญาณระดับ 6 นี่เกลื่อนกลาดไม่ มีเพียงตัวตนระดับปรมาจารย์ขุนเขา และผู้อาวุโสผู้พิทักษ์เท่านั้นที่มีในครอบครอง!”
"กาลก่อนต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์สายนอกที่มีชื่อเสียงโดงดังที่สุด ...หลังจากวันนี้นามต้วนหลิงเทียน ก็คงแพร่กระจายไปทั่วเขตในเช่นกัน!"
...
บทสนทนาทั้งหมดของเหล่าศิษย์สายในล้วนเต็มไปด้วยความตกใจต่อความแข็งแกร่งต้วนหลิงเทียน
ในระหว่างทางไปยังหอไท่หยาง...
เจิ้งซงกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมา "น้องต้วน ว่าแต่...นี่เจ้ากลับมาเมื่อใดรึ?"
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ "ข้าเพิ่งกลับมา"
"เพิ่งกลับมา?" เจิ้งซงอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ "เจ้าเพิ่งกลับมา ก็ไปหาหลิ่วชีเกอก่อนเลยเช่นนั้นรึ?"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ดูเหมือนว่าเจ้าคงรอไม่ไหวแล้วจริงๆ...แต่ความก้าวหน้าของเจ้านับว่าใหญ่หลวงนัก! ปีที่แล้วเจ้ายังมิอาจทำอะไรหลิ่วชีเกอได้! มาวันนี้เจ้าลงมือสังหารมันง่ายดายบนเวทีประลองเป็นตาย ซ้ำยังปะทะกับมันตรงๆเช่นนี้!” เมื่อกล่าวจบเจิ้งซงเองก็อดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัวขึ้นมาในแววตาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3 ก็ตาม!
ความสามารถของต้วนหลิงเทียนนั้นน่าประหลาดใจเกินไป!
ทั้งยังยากนักที่จะเข้าใจได้!
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ "ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก แค่เรื่องเล็กน้อย"
ไม่ได้อะไรขนาดนั้น? แค่เรื่องเล็กน้อย หรือ?
มุมปากของเจิ้งซงกระตุกถี่ยิบเมื่อได้ยินวาจานี่
น้องต้วนหลิงเทียนผู้นี้เข้าใจกล่าววาจาให้ผู้คนแปลกใจนัก
ไม่นานเจิ้งซงและต้วนหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงหอไท่หยาง
ศาลา 8 เหลี่ยมด้านบนสุดของหอไท่หยาง
"ปรมาจารย์ ท่านสบาย" ต้วนหลิงเทียนยิ้มเล็กน้อยขณะกล่าวคำทักทายปรมาจารย์ขุนเขาไท่หยาง เจิ้งฝาน ในบรรดาผู้คนระดับสูงของนิกายกระบี่ 7 ดาวมีเพียงเจิ้งฝานเท่านั้นที่สนิทสนมกับเขา
"เด็กน้อย เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?" เจิ้งฝานหัวเราะออกมา
"ข้าเองก็เพิ่งกลับมาถึงวันนี้เอง และนี่ข้าก็คิดจะมาขอชาท่านดื่มสักกา" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาเบาๆ
คิ้วของเจิ้งฝานโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มหยิบชุดชงชาออกมา "ว่าแต่ ช่วงปีที่ผ่านมาเจ้าไปถึงไหนมารึ?"
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดปิดบังอะไร กล่าวตอบออกไปอย่างตรงไปตรงมา "เมืองโบราณชั่วนิรันดร์!"
"อะไร? เมืองโบราณชั่วนิรันดร์?" เจิ้งฝานรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย"เจ้ากลับไปสถานที่ไกลโพ้นเช่นนั้นจริงๆ... เด็กน้อย สถานที่แห่งนี้วุ่นวาย ป่าเถื่อนนัก แต่เจ้ากลับกล้าไปที่นั่นจริงๆ" เจิ้งฝานย่อมไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนได้รับการคุ้มครองจากผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 7 ขณะเดินทางไป และยังได้รับความคุ้มครองผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติขณะเดินทางกลับ
มิฉะนั้นเขาคงไม่ตื่นตระหนกขนาดนี้
เจิ้งฝานค่อยๆรินน้ำชาให้ต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนอย่างถี่ถ้วน “ระดับบ่มเพาะของเจ้าก้าวหน้าขึ้นไปอีกแล้วใช่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันได้กล่าวคำอะไร
"ท่านพ่อ น้องต้วนไม่เพียงตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 เท่านั้น ...กระทั่งเพิ่งกลับมาถึงเขาก็ท้าหลิ่วชีเกอขึ้นเวทีประลองเป็นตายทันที แล้วสังหารอีกฝ่าย ตกตายคาที่!"
เจิ้งซงที่เดินเข้าศาลา 8 เหลี่ยมมานั่งข้างๆต้วนหลิงเทียน กล่าวออกมา
เจิ้งฝานอดไม่ได้ที่จะตะลึงกับคำกล่าวเจิ้งซง
เจิ้งฝานมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ใจ "นี่เจ้าสามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 ด้วยระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 เช่นนั้นหรือ?"
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา "ข้าแค่มีโชคน่ะ"
โชค?
เมื่อได้ยิน ปรมาจารย์ขุนเขาไท่หยางอย่างเจิ้งฝาน แห่งนิกายกระบี่ 7 ดาว ย่อมรู้อยู่แก่ใจดี เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับโชค! "ต้วนหลิงเทียนเจ้าถ่อมตัวไปแล้ว ...ถึงแม้ว่าข้าจะรู้มาว่าเจ้าสามารถหักหาญเอาชัยผู้ที่แข็งแกร่งกว่าทั้งที่ตัวเจ้าด้อยกว่า แต่ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งลงได้เช่นนี้!"
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 สังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง?
หากเป็นในอดีตมันไม่เชื่อเด็ดขาด
แต่ตอนนี้มันไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อยที่ต้วนหลิงเทียนสามารถสร้างเรื่องราวเช่นนี้ได้ เนื่องจากตัวมันเองก็สัมผัสได้ถึงความลึกลับของต้วนหลิงเทียนตั้งนานแล้ว
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ก่อนที่จะหยิบจอกชาขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมและลิ้มรสชาติอันยอดเยี่ยมของมัน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เจิ้งฝานมองไปยังต้วนหลิงเทียน และค่อยๆกล่าวออกมาอย่างช้าๆ "ต้วนหลิงเทียน เจ้ามีเรื่องราวบาดหมางอันใดกับจ้าวหลินกันแน่?"
จ้าวหลิน!
คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดเป็นปม ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ปรมาจารย์ เช่นนั้นหมายความว่าในวันที่ข้าเดินทางออกจากนิกายกระบี่ 7 ดาว เป็นจ้าวหลินที่ติดตามข้ามา...ใช่หรือไม่?”
เจิ้งฝานพยักหน้า "มิผิด แต่เมื่อมันเจอข้ามันก็จำต้องหยุดมือ สุดท้ายมันก็ทำได้เพียงกลับนิกายกระบี่ 7 ดาว ด้วยความสงบเสงี่ยมเท่านั้น ... แต่สีหน้าท่าทางของมันยามนั้น ดูราวกับว่ามันไม่คิดหยุดยั้งจนกว่าจะสังหารเจ้าได้"
ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเผยประกายเย็นชาออกมา
เจ้ามันดื้อรั้น ไม่คิดเลิกราจริงๆ
เจิ้งฝานยังคงกล่าวสืบไป "ต้วนหลิงเทียน หากเรื่องระหว่างเจ้ากับจ้าวหลินมันยากจะเปิดเผย ก็หาได้เป็นอะไรไม่ที่เจ้ามิคิดกล่าวออกมา แต่ข้าก็คิดกล่าวเตือนเจ้าสักเรื่อง จ้าวหลินผู้นี้เจ้ามิควรไปตอแยกับมันอย่างยิ่ง" เมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้ น้ำเสียงของเจิ้งฝานเผยความกริ่งเกรงออกมาเล็กน้อย
"มันไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสฝ่ายนอกของขุนเขาเทียนเฉวียนหรือ?" ต้วนหลิงเทียนสงสัยเล็กน้อย
"จักง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร?" เจิ้งฝานส่ายหัว"เจ้าคิดว่า อาศัยสถานะผู้อาวุโสฝ่ายนอกของขุนเขาเทียนเฉวียน จ้าวหลินจักสามารถทำให้กฎการประลองศิษย์สายนอกที่ข้าเป็นผู้ดูแลควบคุมเปลี่ยนแปลงได้หรือ?"
ต้วนหลิงเทียนตกตะลึงไม่น้อย "อะไรกัน หรือกฎการประลองศิษย์สายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปแบบการประลองเป็นตายวันนั้น เกี่ยวข้องกับจ้าวหลินด้วย ?”
เจิ้งฝานพยักหน้า
"มันมีอำนาจยอดเยี่ยมเช่นนี้เลย?" ตวนหลิงเทียนขมวดคิ้ว เขาจดจำได้ว่าการประลองศิษย์สายนอกวันนั้น จ้าวหลินก็มาร่วมชมดูด้วยเช่นกัน
ยามมานั้นเขาจำได้ว่าเห็นจ้าวหลินเดินมาพร้อมกันกับฉีฮ่าว และมันก็เลือกที่จะจากไปทันทีหลังจากที่ฉีฮ่าวตกตาย! ...
‘ดูเหมือนจ้าวหลินกับฉีฮ่าวสมควรบรรลุข้อตกลงอะไรกันสักอย่าง และทั้งหมดมันทำเพื่อสังหารข้าสินะ’ ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็คาดเดาเรื่องราวได้ไม่น้อย
บางคำถามที่คาใจในตอนนั้น ทั้งหมดได้กระจ่างแล้ว
เจิ้งฝานส่ายหัวไปมา “หากจ้าวหลินเป็นเพียงอาวุโสฝ่ายนอกอย่างเดียวมันก็คงไม่มีอำนาจอะไรมากมายถึงเพียงนี้ ... แต่ตัวตนที่อยู่เบื้องหลังของมันนั้น หาได้ง่ายดายแม้แต่น้อย”
ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นว่าในขณะที่เจิ้งฝานกล่าวเรื่องนี้ออกมา ทีท่าของมันกลับกลายเป็นร้ายแรง
"เป็นไปได้หรือไม่ ที่เบื้องหลังของจ้าวหลิน...เป็นประมุขนิกาย?" ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา
ในนิกายกระบี่ 7 ดาวนี้ สมควรมีไม่กี่คนที่ทำให้เจิ้งฝานแลดูหวาดกลัวเช่นนี้
"มิใช่ประมุขนิกาย" เจิ้งฝานกล่าวตอบคำพร้อมส่ายหน้า ต้วนหลิงเทียนก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก "แต่ฐานะอีกฝ่ายหาได้แตกต่างจากประมุขนิกายแม้แต่น้อย"
ความรู้สึกโล่งอกของต้วนหลิงเทียนหายไปโดยพลัน เขากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ก่อนที่จะกล่าวออกมา "ท่านปรมาจารย์เลิกอ้อมค้อมแล้วกล่าวมาตรงๆเถอะ"
"ข้ามิได้อ้อมค้อม ข้าแค่อยากให้เจ้าเข้าใจตัวตนที่อยู่เบื้องหลังจ้าวหลิน" เมื่อกล่าวจบเจิ้งฝานก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้ง "ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของผู้พิทักษ์อาวุโสทั้ง 2 ของนิกายเรามาก่อนหรือไม่"
ผู้พิทักษ์อาวุโส?
ทันใดนั้นใบหน้าของต้วนหลิงเทียนลดต่ำลง พร้อมหรี่ตามองเจิ้งฝาน "ปรมาจารย์ นี่ไม่ใช่ท่านคิดบอกข้าว่าจ้าวหลินเกี่ยวข้องกับผู้พิทักษ์อาวุโสหรอกนะ?"
ต้วนหลิงเทียนนึกไป ก็จำได้ว่าอาวุโสหลู่ชิวเคยกล่าวถึงผู้พิทักษ์อาวุโสทั้ง 2 มาก่อน
ถึงงแม้ว่าเขาจะไม่รู้รายละเอียดอะไรมากมาย แต่ที่เขารู้ก็คือ จุดชีพจร 1 ใน 9 นั้นเป็นสถานที่บ่มเพาะของผู้พิทักษ์อาวุโส ของนิกายกระบี่ 7 ดาว
ไม่เพียงเท่านั้น สถานะของผู้พิทักษ์อาวุโสในนิกายกระบี่ 7 ดาวยังนับว่าพิเศษนัก กล่าวง่ายๆว่าเทียบเท่าประมุขนิกายก็ยังได้
นอกจากนี้กระทั่งตัวประมุขนิกายเอง เมื่อพบเจอผู้พิทักษ์อาวุโสทั้ง 2 ยังต้องทำความเคารพ เนื่องจากด้อยอาวุโสกว่าด้วยซ้ำ
"มิผิด" เจิ้งฝานพยักหน้า "จ้าวหลินเป็นหลานชายของหนึ่งในผู้พิทักษ์อาวุโสทั้ง 2 ของนิกายกระบี่ 7 ดาว ผู้พิทักษ์อาวุโสจ้าวหมิง! ที่สำคัญก็คือ บุตรชายของผู้พิทักษ์อาวุโสจ้าวหมิงตกตายไปนานแล้วเช่นนั้นสถานะของจ้าวหลินยิ่งสำคัญนัก เพราะมันเป็นหลานชายคนเดียวของท่านผู้พิทักษ์อาวุโส"
"การเปลี่ยนแปลงกฎการประลองศิษย์สายนอก ก็เป็นเพราะจ้าวหลินไปเสนอเรื่องราวต่อผู้พิทักษ์อาวุโสจ้าวหมิง กระทั่งการประลองเปลี่ยนไปเช่นนั้น ... แน่นอนว่าจ้าวหลินมันย่อมมิได้บอกท่านผู้พิทักษ์ว่า มันอยากให้เปลี่ยนกฎเพราะคิดเล่นงานเจ้าโดยตรง แต่มันบอกว่า การประลองของศิษย์สายนอกเช่นนี้ จะกระตุ้นศักยภาพและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของศิษย์สายนอกให้แข็งแกร่งขึ้น "
กระตุ้นศักยภาพและสัญชาตญาณการเอาตัวรอด?
มุมปากของต้วนหลิงเทียนถึงกับฉีกยิ้มออกมาเมื่อได้ยินข้ออ้างของจ้าวหลิน
มันช่างหาข้ออ้างได้ประเสริฐนัก!
"ข้าไม่คิดเลยว่าจ้าวหลินจะมีเบื้องหลังเช่นนั้น ... ข้ายังคิดว่ามันเป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอกธรรมดาๆเท่านั้นเอง” ใจของต้วนหลิงเทียนวูบลงเล็กน้อย
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่