Chapter 26 : จะทำยังไงเมื่อเจอโจรผ้าพันคอแดง ?
ก็คล้ายๆกับไม่กี่วันก่อน จางเทีย ได้ตื่นตอนประมาณ 6 โมงเช้า เขาไม่ได้ฝันและรู้สึกสดชื่นอย่างมากราวกับกะหล่ำที่แช่น้ำมาทั้งคืน
ในตอนที่เขาลุกขึ้นจากเตียง จางเทีย ก็หันไปดูนาฬิกา ตอนนี้มันเวลา 6.08 น. เขาก้มหน้าลงไปดูที่กางเกงในตัวเอง ไอ้จ้อนของเขาตั้งตรงอย่างกับเสาแต่ จางเทีย ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาลองเอามือล้วงเข้าไปดูและพบว่าเขากางเกงในมันไม่ได้เปียก เขาไม่ได้ฝันเปียกมาหลายวันแล้วและหลับสบายทุกคืน เขาจำได้ว่าเขาได้เยี่ยวใน Castle of Black Iron หลังจากที่เขาบ่นเพาะเสร็จเมื่อคืน หลังจากนั้นเขาก็หลับยาวจนถึงตอนนี้ สถานการณ์นี้อาจเคยเกิดขึ้นบางครั้งแต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นติดต่อกันมาหลายวันแล้ว ดังนั้น จางเทีย จึงรู้สึกว่ามันแปลกและอยากรู้เหตุผลของมัน เขาคิดสักพักและจำได้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เขาเข้าไปใน Castle of Black Iron วันแรก Castle of Black Iron คงต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ซึ่งเขาก็เลิกสนใจไป สำหรับ จางเทีย แล้วนอกจากดินที่ทำให้มันฝรั่งงอกออกมา ทุกอย่างใน Castle of Black Iron นั้นล้วนแต่ยากที่จะเข้าใจได้
จางเทีย รีบลุกขึ้น หลังจากที่แปรงฟันและล้างหน้าเสร็จ เขาก็เริ่มไปก่อเตาไฟในครัว จากนั้นก็ทำอาหารเช้าให้แม่กับพ่อโดยเอามันฝรั่งไปล้างแล้วค่อยเอาไปต้ม หลังจากที่เตรียมอาหารเช้าเสร็จเขาก็เอามันฝรั่งดิบไปล้างแล้วเดินออกจากประตูไป วันนี้เขาได้ออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียนเร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมง
ข้างนอกยังคงมืดอยู่นิดหน่อย หลังจากที่กินมันฝรั่งหวานเป็นอาหารเช้าแล้ว จางเทีย ได้วิ่งไปตามถนนเส้นเดิมเพื่อไปที่โรงเรียนแต่เขารู้สึกว่าถนนเส้นนี้แตกต่างจากเดิม ทุกอย่างมันดูน่าสนใจขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้แต่มันฝรั่งเองยังอร่อยกว่าปกติเลย ตอนนั้นเอง จางเทีย ก็คิดว่าเขาน่าจะลองชิมมันฝรั่งหวานที่ปลูกใน มิติของเขา เพราะยังไงมันก็ปลูกขึ้นง่ายอยู่แล้ว
อารมณ์น่ะตัดสินมุมมองของคนนั้นๆได้เลย
ในตอนที่เขามาถึงโรงเรียนท้องฟ้าก็สว่างและประตูโรงเรียนเองก็เพิ่งเปิด แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกที่มาถึงแต่เขาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่มาเช้า เขามองไปรอบๆและแทบไม่เห็นนักเรียนคนอื่นเลย
หลังจากผ่านวันหยุดสองวันมาแล้วพื้นที่นี่สะอาดแต่ก็ยังพอมีฝุ่นจากพวกเก้าอี้และโต๊ะอยู่บ้าง จางเทีย หยิบผ้าลินินจากหน้าต่างและมองไปรอบๆเพื่อดูว่าไม่มีใครในห้องเรียน จากนั้นเขาก็เริ่มถูโต๊ะและเก้าอี้ทุกตัว
เป็นธรรมดาที่มันจะทำความสะอาดได้ง่าย ตอนแรกเขาถูโต๊ะกับเก้าอี้ด้วยผ้านั่นและจานั้นก็เอาผ้าไปเช็ดหน้าต่าง นี่น่ะคือสิ่งที่นักเรียนแต่ละคนจะต้องทำเมื่อเข้ามาในห้องเรียน
20 นาทีต่อมา จางเทีย ก็ทำความสะอาดทั้งโต๊ะและเก้าอี้เสร็จ เมื่อเห็นว่าเริ่มมีนักเรียนเข้ามาในห้องแล้ว จางเทีย ก็แอบออกจากห้องไป เขาเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะทำความสะอาดอีกรอบก่อนจะกลับที่ห้องเรียน ตอนที่เขากลับมาเขาก็พบว่านักเรียนในห้องมาถึงมากกว่าครึ่งแล้ว - “ แปลกใจมั้ยล่ะ ! “ - จางเทีย คิดกับตัวเอง
ในตอนที่เขาคิดแบบนั้นนักเรียนในห้องต่างก็แปลกใจกันจริงๆ ทุกคนต่างก็สงสัยว่าทำไมเก้าอี้และโต๊ะของพวกเขาถึงสะอาดนัก
“ นี่ล้อเล่นรึเปล่า ? ใครใจดีขนานดนี้เนี้ย ? ! “
“ เหอะ ไอ้หัวโต มานี่เลย .... “- เมื่อเห็น จางเทีย เข้ามาในห้อง ไอ้อ้วน แบร์ลี่ ก็เดินเข้ามาหาเขาและกดไหล่เขาไว้ – “ นายเห็นอะไรแปลกไปมั้ยวันนี้ ? “ – เขาถามออกมาด้วยท่าทีกวนๆ
“ อะไรแปลกไป ? “ – จางเทีย ทำท่าไม่รู้เรื่องพร้อมกับหัวเราะออกมาในใจ – “ ชมฉันสิ เอาเลย ชมฉัน ฉันรออยู่นะ ! “
“ มีไอ้โง่ถูโต๊ะกับเก้าอี้ให้ห้องเราว่ะ ฮาฮา....”
รอยยิ้มเขานิ่งไปทันที เขากัดฟันแน่นและมองไปที่ไอ้อ้วนด้วยความอยากที่จะอัดมันจนเลือดกำเดาไหลอีกครั้ง
“ แกแปรงฟันมารึเปล่าเมื่อเช้านี้ ปากแกเหม็นชะมัด ! “ - จางเทีย ผลัก แบร์ลี่ ออกพร้อมทำหน้านิ่งก่อนจะกลับไปนั่งที่นั่งตัวเอง
แบร์ลี่ ยังยืนอยู่ตรงที่เดิมแล้วเอามืออังปากดมกลิ่นปากตัวเอง – “ ไม่มีทาง ฉันแปรงฟันทุกวันโว๊ย ! “
เมื่อได้ยินแบบนั้น จางเทีย ก็ยิ่งกลัวยิ่งกว่าเดิม
“ อ๊าก ใครมันเบื่อขนาดนี้วะ ? แปลกใจจริงๆเลย ! “
“ ใช่ โง่มาก เขาอยู่ในห้องเรารึเปล่าเนี้ย ? “
“ อย่าพูดแบบนั้น นายอาจทำร้ายจิตใจคนอื่น บางทีอาจเป็นรุ่นน้องที่อยากให้รุ่นพี่เอ็นดูก็ได้ ! “
“ ฉันเดาว่ามีคนชอบฉันเลยทำแบบนี้ว่ะ ! W
“ งั้นเขาจะเช็ดโต๊ะกับเก้าอี้ทุกตัวทำไม ? ! “
“ เขาชอบเราทุกคนเลยเหรอ ? ฮาฮา.... ! “
“ เหี้ยแล้ว ระวังตูดแกไว้ดีๆเลยพวก ... “
“ ไอ้ห่านี่ ใครสนพวกแกกันถ้าไม่ใช่เพราะค่าความดีนะไม่มีทางซะหรอก “ – จางเทีย ยังคงกัดฟันแน่น เขาได้ตัดสินใจว่าถ้าค่าความดีเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 หน่วย เขาจะไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนี้อีก ไอ้พวกห่านี่ !
นี่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ในตอนที่คาบแรกเริ่มพวกนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว สองคาบแรกในเช้าวันจันทร์คือวิชาเอาตัวรอด มันมีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปจกเดิม แต่ละคาบนั้นครูจะสอนหัวข้อเรื่องการเอาตัวรอด มีวันหนึ่งที่ครูสอนเรื่องการจีบสาวตั้งสองชั่วโมง เขาอธิบายว่ามันคือทักษะจำเป็นสำหรับการขยายเผ่าพันธุ์และเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการมีชีวิตรอด ผลก็คือไอ้พวกหื่นๆน่ะอยากทดสอบทักษะนี้กันเป็นอาทิตย์
วิชาการเอาตัวรอดนั้นคือวิชาโปรดของทุกคนเพราะบรรยากาศในห้องเรียนจะผ่อนคลายลง แทนที่จะสอนแบบเคร่งเครียดมันเป็นเหมือนกันที่พี่คุยกับน้องมากกว่า ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นวิชาโปรดของแทบทุกชั้น ก็ตามที่พวกเขาคาดไว้ครูก็ได้เดินเข้ามาในห้อง
เมื่อเห็นไอ้โหดตาเดียวเดินเข้ามา ห้องก็เงียบลงทันที ทุกคนต่างก็นั่งหลังตรงไม่กล้าแม้แต่จะสูดหายใจ ออร่าของไอ้โหดนี่ทรงพลังพอที่จะบดขยี้กะโหลกของเด็กได้เลย
ชายตาเดียวไปยืนอยู่ที่โพเดียมด้วยท่าทีใจเย็นพร้อมกับใช้ตาเดียวที่มีกวาดมองไปที่หน้าของทุกคน เขาเงียบอยู่สักครึ่งนาที
จางเทีย สงสัยว่าไอ้นี่จะเข้ามาทำไมและยังรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศตอนนี้ด้วย หัวใจของเขาเริ่มเต้นรัวขึ้นมา
ห้องเงียบสนิทแม้แต่เสียงมดเดินยังได้ยิน ไม่นาน กัปตันเคอร์ลิน ก็เริ่มอ้าปากพูดขึ้นมา
“ พวกแกคงได้ยินเรื่องโจรผ้าพันคอแดงกันมาแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่พูดซ้ำอีก ฉันจะสอนทักษะสำคัญที่สุดในการเอาตัวรอดในวันนี้ มันเกี่ยวข้องกับโจรผ้าพันคอแดง ถ้าแกไปเจอพวกโจรที่แข็งแกร่งพอๆกับฉัน แกจะทำยังไง ? อย่าเพิ่งรีบตอบ ฉันจะให้เวลาพวกแก 2 นาทีเพื่อคิดคำตอบ ฉันจะให้รางวัลถ้าแกตอบถูกและถ้าแกตอบผิดต้องโดนลงโทษ แกปรึกษากันเองได้... “
ในตอนที่ไอ้โหดพูดจบ ทั้งห้องก็เริ่มพูดคุยกัน ถ้าโจรผ้าแดงมายืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาจะทำยังไง ? เมื่อมองไปที่ไอ้โหดที่ยืนนิ่งอย่างกับรูปปั้นและหน้าตาอันน่ากลัวของมัน ไอ้พวกหื่นก็กลัวขึ้นมา พวกเขาจะทำอะไรได้ถ้าเจอกับสัตว์ประหลาดแบบนี้ ? คำตอบเดียวที่ได้มาคือ....
“ แน่นอนว่าต้องฆ่ามัน ! “
“ ใช่ฆ่ามัน ! “
“ ฆ่ามันเพื่อคนอื่น ! “
“ ฆ่ามานนนนนน !
พวกหื่นๆอุทานออกมา บางคนยังคงลังเล ส่วนพวกคนที่คอยชมอยู่เหมือนกับมีชีวิตชีวาในตอนที่พวกเขาเห็นการแสยะยิ้มของไอ้โหดหลังจากที่พวกแรกมันได้ประกาศสงครามมา ไอ้อ้วน แบร์ลี่ เองก็เป็นพวกที่คอยดูอยู่ จางเทีย เองก็รอดูท่าทีของคนอื่นๆอยู่เหมือนกัน ตอนแรกมีแค่ ดั๊ก กับ แบกแดด ในกลุ่มองค์กรเท่านั้นที่ตะโกนออกมาว่าจะฆ่าโจรผ้าพันคอแดง ตอนนั้นเอง แบร์ลี่ ได้ก้มหน้าลงและหรี่ตามไปมองที่สีหน้าของ กัปตันเคอร์ลิน ส่วนสมาชิกคนอื่นๆนั้นยังคงคิดอยู่ เมื่อเห็นความตื่นเต้นของคนอื่นๆ ชอร์วิน เองก็คึกตามไปด้วยและเมื่อเห็น แบร์ลี่ ตะโกนออกมา เขาก็ตะโกนตาม ตอนแรก ลิซ กับ ฮิสต้า นั้นลังเลแต่เมื่อเห็นท่าทีของ แบร์ลี่ พวกนั้นก็เอาตามด้วย ผลก็คือทั้งห้องเริ่มวุ่นวายขึ้นมา
จางเทีย เองก็คิดกับคำถามที่ไอ้โหดถามมา ถ้าเทียบกับคนอื่นๆแล้ว จางเทีย น่ะมีสองคำถาม ทำไมคนที่แข็งแกร่งและกล้าหาญอย่าง กัปตันเคอร์ลิน ถึงได้มาถามคำถามแบบนี้ในวิชาการเอาตัวรอด ? แล้วเขาจะทำยังไงถ้าเจอโจรผ้าพันคอแดงในห้องเรียนตอนนี้ ?
มีบางคนตัดสินใจทำตามคนส่วนมาก ในขณะที่ จางเทีย ได้ถามหัวใจตัวเองเพราะเขาน่ะยังเด็ก นี่เป็นเรื่องที่แม่สอนเขามาตลอด แม่เขาบอกว่าชีวิตน่ะมีหลายทางเลือกแม้ว่าสถานการณ์มันจะยากขนาดไหน ตัวเลือกพวกนี้น่ะส่งผลต่อชีวิตและชีวิตน่ะจะเดินไปตามทางที่หัวใจเลือก
ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง เขาจะถามหัวใจตัวเองก่อนเสมอเมื่อเจอคำถามต่างๆ หัวใจเขาน่ะใสซื่อและเขาก็ไม่ได้ที่จะละอายแต่อย่างใด