Chapter 27 : ไม่รู้สึกผิด
“ ฉันจะทำยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าโจรผ้าพันคอแดง ? “ - จางเทีย ถามกับตัวเอง บางคนถามกับท้องฟ้า,พื้นดินและบางคนอาจจะพึ่งโชค, บางคนบอกขึ้นกับสถานการณ์,บางคนถามคนอื่นและ จางเทีย น่ะถามหัวใจตัวเอง !
“ ในตอนที่ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดาย คุณจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ! “ - จางเทีย คิดกับตัวเองและคำตอบนี้ก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นในหัวของเขา
ห้องเริ่มวุ่นวายขึ้นมา รอยยิ้มบนหน้าไอ้โหดเริ่มเด่นขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่เขายื่นมืออกมาทั้งห้องก็เงียบลงทันที ทุกคนต่างก็จ้องไปที่ชายตาเดียวและสงสัยว่าเขาจะพูดอะไร
“ พวกแกคงได้คำตอบแล้ว ทุกคนยืนขึ้น ! “
หลังจากบ่นกันสักพักทุกคนก็ได้ยืนชึ้น
“ พวกคนที่อยากสู้กับโจรให้มาทางซ้ายของฉัน ... “
พวกหื่นๆส่วนมากเดินไปที่ทางซ้าย จางเทีย ยังคงยืนอยู่กับที่ เขาเชื่อในการตัดสินใจของตัวเอง มีคนไม่เยอะที่ยังยืนอยู่กับที่อยู่ จางเทีย นั้นแปลกใจที่เขาเห็นว่าไอ้อ้วน แบร์ลี่ กำลังจะขยับเท้าไปทางซ้ายแต่อยู่ๆก็หน้าซีดลงก่อนจะถอยกลับมา ดั๊ก และ แบกแดด นั้นวิ่งออกไปแล้ว อีกอย่าง ลิซ กับ ฮิสต้า น่ะวิ่งไปก่อนอีก ตอนที่ไอ้อ้วนถอยหลังกลับพวกนั้นก็วิ่งไปทางซ้ายแล้ว สุดท้ายพวกนั้นก็เพิ่งรู้ตัวว่าไอ้อ้วนไม่ได้มาด้วย ชอร์วิน นั้นทำตามไอ้อ้วนและคงยืนอยู่เฉยๆ ผลก็คือมี 3 คนในองค์กรที่ยังคงยืนอยู่กับที่พร้อมกับนักเรียนที่ไม่ได้เดินไปไหนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ในสถานการณ์แบบนี้แม้แต่คนที่เชื่อในการตัดสินใจของตัวเองก็ยังคงคล้อยตามคนหมู่มาก
เมื่อเห็น จางเทีย ไม่ได้อยู่ทางด้านซ้ายด้วย แบร์ลี่ ก็แปลกใจเล็กน้อย เขามองมาที่ จางเทีย ราวกับว่ามีดอกไม้โผล่ออกมาตรงหน้าเขา
“ งั้นพวกแกก็ตัดสินใจแล้วสินะ ? “
ทุกคนที่อยู่ทางซ้ายของไอ้โหดต่างก็พยักหน้าและมองไปรอบๆ
กัปตันเคอร์ลิน นั้นไม่ได้มองไปที่อยู่ด้านซ้าย เขากลับมองสี่คนที่ยืนอยู่กับที่ เขาชี้ไปที่ ชอร์วิน และถาม่ขึ้นมา – “ บอกฉันมาทำไมแกไม่มาทางนี้ด้วย ? “
ชอร์วิน กังวลอย่างมาก เหงื่อเขาเริ่มผุดออกมาทั่วตัวตอนที่เห็นชายตาเดียวถือกระบอกชี้มาที่เขา ด้วยสายตาอันโหดเหี้ยมนั้น เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงหลายรอบก่อนจะชี้ไปที่ แบร์ลี่ – “ เขาไม่ได้ไปที่นั่น....ผมเลยตามมาเขา ! “
“ แกล่ะ ? “- กัปตันเคอร์ลิน ส่ายหน้าเล็กน้อยและชี้มาที่ไอ้อ้วนด้วยกระบองไม้ ไอ้อ้วน แบร์ลี่ ยนิ้มออกมาอย่างกับคนโง่และก้มหัวให้ – “ ถ้าผมเห็นโจร อย่างแรกคือต้องรีบไปบอกคนดูแลเขตรึไม่ก็ กัปตันเคอร์ลิน แทนที่จะไปสู้กับพวกนั้น ! “
ในตอนที่เห็นสีหน้าประจบประแจงของไอ้อ้วน ไอ้โหดก็รู้สึกอึดอัดและชี้นิ้วไปที่คนอื่น – “ แกล่ะ ? “
ชายคนนั้นลังเลก่อนจะพูดขั้น – “ ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาโจรผ้าพันคอแดงได้ ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับพวกนั้น ถ้าแก้ไม่ได้ผมก็ไร้ประโยชน์เหมือนกัน ! “
“ งั้นแกจะบอกว่าถ้าแกเจอพวกโจร แกจะหนีสินะ ! “ – กัปตันเคอร์ลิน เน้นคำว่า ‘ หนี ‘ และสีหน้าก็เปลี่ยนมาดุดัน เขาทำให้คนอื่นๆรู้สึกกดดันขึ้นมา
ด้วยคำถามนี้ทำให้เด็กคนนั้นต้องยอมรับออกมา เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป – “ ผม...ผม.. “ – เขากล้ามากที่พูดคำว่าหนีต่อหน้าไอ้โหด เด็กนี่ไม่แน่ใจว่าไอ้โหดนี้มันจะโดดมาตบเขาอัดเข้ากำแพงรึเปล่าตอนที่พูดคำนั้นออกไป ทุกคนรู้ว่าคนโหดอย่าง กัปตันเคอร์ลิน น่ะเกลียดคนขี้ขลาดที่สุด
ไอ้โหดเงียบและสายตาผิดหวังนิดๆในตาของเขา เขาก็เอานิ้วชี้ไปที่คนสุดท้ายที่ยืนอยู่ – “ แล้วแกล่ะ ? แกวางแผนจะหนีรึเปล่า ? “
“ ใช่ ผมจะหนี ! “ – จางเทีย ตอบออกมาโดยไม่ลังเล
ทันใดนั้นฝั่งซายก็เริ่มกระซิบกัน
“ ทำไม ? พวกนี้ต่างก็จะสู้ แล้วทำไมแกถึงจะหนี ? “ - กัปตันเคอร์ลิน จ้องเขามา – “ แกไม่อยากฆ่าฆาตกรเพื่อปกป้องประชาชนหรอกเหรอ พูดตรงๆนะค่าหัวของโจรพวกนี้ก็สูงเอาเรื่องอยู่นะ ! “
“ พวกเขามีแต่จะไปตาย จากแรงที่พวกเขามี แม้ว่าจะมีเป็นกลุ่มแต่ก็ตายได้ง่ายๆเหมือนเดิม ผมได้ยินมาว่าโจรระดับทั่วไปในกลุ่มพวกนั้นเป็นทหารระดับ 5 และถ้าอยากสู้กับทหารระดับ 5 พวกนั้นคงไม่ต่างจากกระสอบทรายแน่ ! “
“ แกพูดอะไร ไอ้ขี้ขลาด ! “ – คนที่อยู่ทางซ้ายคนหนึ่งได้เถียงออกมา
“ ใช่ ไม่ต้องหาข้อแก้ตัวกับความขี้ขลาดของตัวเองหรอก แกมันตาขาว ถ้าเราสู้จนตายแล้วไง ? มันก็ยังดีกว่าหนีเหมือนคนขี้ขลาดแบบแก ! “
‘ ป๊ะ....”
“ หุบปาก ! “ – กัปตันเคอร์ลิน หันกลับไปตะคอก ทั้งห้องเงียบลงทันที ไอ้โหดมองมาที่ จางเทีย และถามเขาตรงๆ – “ แกจะบอกว่าแกกลัวตายอย่างนั้นเหรอ ? แกไม่อายเหรอที่หนีไป ? แกไม่กลัวว่าจะโดนเรียกว่าไอ้ขี้ขลาดเหรอ ? ”
“ ผมไม่อายที่จะหนีจากศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเพราะผมรู้ว่าคงไม่มีโอกาสชนะและคงไม่มีทางรอดมาได้ ! แล้วผมก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดด้วย ! ถ้าเป็นไปได้ผมจะพาคนหนีไปกับผมด้วย....” - จางเทีย ตอบพร้อมกับจ้องไปที่ กัปตันเคอร์ลิน ที่ซึ่งทำสีหน้านิ่งยิ่งกว่าเดิม – “ พวกนั้นต่างหากที่ควรจะละอาย “ – จางเทีย ชี้ไปที่คนที่อยู่ทางซาย ผลก็คือคนพวกนั้นหงุดหงิดพร้อมกับหักนิ้วตัวเองเพื่อจะอัด จางเทีย
อยู่ๆ จางเทีย ก็หงุดหงิดขึ้นมาและตะคอกใส่คนพวกนั้น – “ หุบปาก พวกห่านี่ ! แกวิ่งออกไปตายแล้วไม่คิดว่าพ่อแม่กับครอบครัวตัวเองจะรู้สึกยังไง ศัตรูของแกน่ะเปลี่ยนแกเป็นศพได้แค่กระดิกนิ้วทีเดียว พ่อแม่แกเลี้ยงแกมาตั้งกี่ปีแล้ว แกคงรู้สึกเจ๋งมากสินะที่เอาตัวเองไปตายเพราะความกล้าหาญและความยิ่งใหญ่ที่แกคิดแต่แกกลับไม่สนใจความรู้สึกที่ครอบครัวมี แกรู้มั้ยว่าพ่อแม่จะรู้สึกยังไงตอนเสียลูกไป ? แกรู้มั้ยว่าพ่อแม่จะเสียใจแค่ไหนตอนรู้ว่าลูกตัวเองตาย ? แกเคยเห็นพ่อแม่ร้องไห้รึเปล่า ? แกไม่รู้ห่าอะไรเลย ... “ – พวกที่อยู่ทางซ้ายเงียบลงทันที พวกนั้นเริ่มคิดตามที่ จางเทีย พูดและด่าตัวเอง – “ ไอ้พวกไม่มีสมอง ! พวกแกนี่แหละที่ควรจะอายที่สุด พวกแกมันโง่ ถ้าฉันเป็นโจร ฉันอยากเจอกับคนอย่างพวกแกฉิบหาย พวกนั้นสามารถฆ่าพวกแกได้ง่ายๆอย่างกับเชือดหมู แม้แต่หมูที่กำลังจะโดนเชือดก็ยังพอหนีมาได้แต่แกกลับเอาตัวเองไปให้พวกนั้นฆ่า พวกแกน่ะคือของโปรดของพวกนั้นเลย ! ฉันจะหนีแต่ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิต ฉันจะสร้างปัญหาให้พวกนั้น ถ้าพวกนั้นประมาท ฉันจะใช้วิธีอื่นในการฆ่าพวกนั้น ฉันจะใช้ไฟล่อพวกมันไปที่อันตรายและวางยาพิษมันจนตาย ฉันจะสร้างปัญหาให้มันเรื่อยๆ บางทีสักวันตอนฉันแข็งแกร่งพอ ฉันจะฆ่าพวกมัน วันที่ฉันฆ่าพวกมันได้ หญ้าบนหลุมศพพวกแกคงทำได้แค่ให้วัวกิน พวกโง่ที่แม้แต่หมูยังฉลาดกว่า ! “
“ บ้าเอ้ย ไอ้ห่านี่ แกตื่นเช้าขึ้นอีกนิดเพื่อมาทำความสะอาดโต๊ะตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำแต่กล้าว่าฉันโง่ ตอนนี้ตาฉันด่ากลับแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันคงเศร้าตายแน่ ฉันด่าแกถือว่าเป็นตัวแทนพ่อแม่พวกแกแล้วกัน “- จางเทีย รู้สึกว่าตัวเองเท่เหลือเกิน....
หลังจากนั้นสักพักทั้งห้องก็เงียบ มีแค่เสียงหายใจหอบของ จางเทีย เท่านั้น
“ มีคนในครอบครัวแกตายตอนรับใช้กองทัพเหรอ ? “ – กัปตันเคอร์ลิน ถาม จางเทีย หลังจากเงียบอยู่สักพัก
เขาไม่คิดว่า กัปตันเคอร์ลิน จะคิดมากกับเรื่องแบบนี้ ทันใดนั้น จางเทีย ก็จำหลายๆอย่างได้ สุดท้ายเขาก็พยักหน้า – “ ผมมีพี่ชายสองคนแต่ตอนนี้เหลือแค่คนเดียว ไอ้บ้านั่นยอมสละตัวเองเพื่อให้ได้เหรียญกล้าหาญตอนอยู่ปีสองที่มีสงครามระหว่างพันธมิตรอันดามันกับสก็อต เขากล้าหาญและพร้อมยอมไปสู้เสมอ “
เพราะเขาเสียพี่ชายไปคนหนึ่ง เขาจึงรู้ว่าการเสียคนในครอบครัวนั้นเจ็บปวดแค่ไหนและพ่อแม่เขาหวังว่าเขาจะแข็งแรงเหมือนกับเหล็กในชื่อของเขา (เทีย TIE หมายถึงเหล็กในภาษาจีน ) หัวข้อนี้ห้ามพูดถึงในครอบครัวจาง จางเทีย ไม่เคยเห็นพี่ชายคนนั้นของตัวเอง เขาเห็นแค่แม่และพ่อร้องไห้ออกมาให้กับรูปในมือ ความเศร้านี้ได้ฝังใจเขา หลังจากนั้น จางเทีย ก็ได้รู้ว่าเขาน่ะมี่พี่ชายคนโตสุดที่ชื่อ จางหยง เขาน่ะดีเยี่ยมและได้รับยศร้อยโทตอนที่ไปรับใช้กองทัพในปีที่สอง
จางเทีย และ จางหยาง นั้นสาบานว่าจะไม่เอาชีวิตตัวเองไปแลกกับเหรียญกล้าหาญ ดังนั้น จางเทีย จึงคิดว่ามันมีเหตุผลพอที่จะหนีจากศัตรูที่แข็งแกร่งและถ้าจำเป็นเขาจะยอมแพ้ เขาไม่คิดที่จะเป็นฮีโร่ที่ช่วยโลกนี้ เป้าหมายในการใช้ชีวิตของเขานั้นคือทำให้พ่อและแม่มีความสุข การทำแบบนั้นก็จะทำให้เขามีความสุขไปด้วย สำหรับโจรผ้าแดงรึเขียวห่าอะไรนี่เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด.....