Chapter 30 : การพบกันครั้งแรกกับชนชั้นสูง
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนขี้เหนียวและหยิ่งยะโสที่ซึ่งทำตัวเหมือนกับยุ่งอยู่ ถ้าคุณเอาเงินให้มันได้ มันก็คงไม่ถือว่าคุณมากวน แต่ตอนนี้ จางเทีย ก็คงต้องรอจนกว่าไอ้อ้วนนี่จะเสร็จธุระของมันก่อน จางเทีย รู้เรื่องแบบนี้มาจาก ดอนเดอร์ ดังนั้นตั้งแต่ที่เขาเข้าห้องมา เขาไม่ได้พูดอะไรเลย เขาแค่ยืนเฉยๆอยุ่ข้างๆรอให้ไอ้อ้วนจัดการธุระตัวเองเสร็จ ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปรอบๆห้องสุดหรูหราที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
มันโคตรจะหรูจริงๆห้องนี้ มันเป็นห้องสุดหรูที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดเวลา 15 ปีที่มีชีวิตมา โชคดีที่งานที่ร้านของชำทำให้เขามีสายตาที่ดี ตอนที่เขาเข้าห้องมาเขาบอกได้เลยว่าพื้นน่ะทำมาจากไม้ซีด้า,โต๊ะเองก็ทำมาจากไม้นานมุ ส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่นๆทั้งตู้ก็เหมือนทำมาจากไม้โพเมโล่ ในมุมห้อง จางเทีย เองก็เห็นคริสตัลหัวเดียวก้อนใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติโดยมันหนักกว่า 5 กก. วางไว้อยู่บนทรายคริสตัล พระเจ้า ! เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติ คนเรามักจะเอามันไปใช้เป็นของตกแต่งแต่หลังจากที่เกิดภัยพิบัติแล้ว คนจึงเริ่มรู้วิธีการใช้งานจริงๆของพวกคริสตัล ในยุคนี้ทุกคนรู้ว่าคริสตัลที่เกิดขึ้นตามธรรมาชาติที่หนักกว่า 3 กก. นั้นเรียกว่า ‘ ตัวผลิตคริสตัล ‘ ไม่ว่าจะเอามันไปวางไว้ที่ไหนจะมีเครือข่ายพลังงานที่แผ่นออกมากินพื้นที่หลายสิบตารางเมตร มันเป็นส่วนสำคัญเพิ่มการบ่มเบาะและสุขภาพของมนุษย์ได้ บางคนยังเชื่อว่าอารมณ์ในแง่ลบของคนนั้นจะหายไปได้ถ้าพวกเขาอยู่ในเครือข่ายพลังแบบนี้...
จางเทีย ประมาณว่าคริสตัลก้อนนี้น่าจะมีราคาอย่างน้อยก็ 40 ทอง.... – “ โคตรพ่อโคตรแม่งรวยเลย ! ” – จางเทีย ถึงกับลืมหายใจ คริสตัลนี่น่ะจัดอยู่อย่างน้อยก็คลาส 4 ซึ่งหมายความว่าหาซื้อที่ร้านของ ดอลเดอร์ ยังไม่ได้เลย มันเป็นของที่หาไม่ได้ตามร้านทั่วไป มีแค่ร้านใหญ่ๆไม่กี่ร้านเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ขายมัน ในเมืองแบล็คอฮ็อตนี้มันจะการผูกขาดที่ CSIF กำหนดขึ้นมา แม้ว่าไอ้อ้วน แฮนซ์ นันจะรู้ว่ามีคนในห้องแต่มันก็ยังคงปัดเสื้อผ้าตัวเองและไม่ได้พูดอะไรกว่า 3 นาทีก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความพอใจ เขาถอดเสื้อโค้ทตัวเองออกและเอาไปเก็บในลิ้นชักแล้วมองมาที่ จางเทีย
“ ฉลาดดีนิ ! “ - แฮนซ์ ชมออกมา ดูเหมือนเขาจะพอใจในตัว จางเทีย เพราะ จางเทีย น่ะไม่ได้กวนเขา – “ งั้นบอกความสามารถของแกมา ! “
ด้วยการที่เป็นคนอ้วนทำให้หน้าของ ผู้จัดการแฮนซ์ นั้นดูเหมือนซาลาเปาที่โดนต่อยมาหลายรอบ ตา,จมูก,หูและปากนั้นเหมือนจะโดนฝังไว้ด้วยไขมัน เทียบกับชายคนนี้แล้ว ดอนเดอร์ นั้นดูผอมไปเลย
จางเทีย รีบเดินเข้าไปและส่งจดหมายแนะนำให้ จากนั้นก็ได้ยืนอยู่กับที่และทำท่าใสซื่อ – “ ผมเป็นนักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติแห่งที่เจ็ด กัปตันเคอร์ลิน บอกว่าที่นี่มีงานดีๆให้ทำ ! “
“ ห๊ะ ดี แน่นอนอยู่แล้ว ดี... “ – เขาเอาจดหมายไปก่อนจะอ่านเนื้อหาข้างในแล้วยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็มองมาที่ จางเทีย ด้วยสายนตาจริงจังสักพักจนทำให้ จางเทีย รู้สึกขนลุกขึ้นมา – “ แกจะทำงานตั้งแต่ 6 โมงไปจนถึง 5 ทุ่ม แกจะมาได้กี่วันต่ออาทิตย์ ?”
“ วันจันทร์, พุธ,และศุกร์.. “ – จางเทีย ตอบกลับไป เพราะเขาต้องทำงานที่ร้านของ ดอนเดอร์ ในวันอังคารและพฤหัสและยังต้องช่วยแม่ในวันหยุด เขาจึงว่างแค่สามวันนี้เท่านั้น
“ แค่สามวันเหรอ ถึงจะไม่เยอะแต่ก็ไม่เป็นไร ... “ – เขาหยิบกระดาษขึ้นมาจากลิ้นชักแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไป ในขณะเดีวกันเขาก็พูดออกมาในขณะที่เขียน – “ แกจะได้เงินทุกอาทิตย์ แกจะได้เงิน 70 ทองแดงต่อชั่วโมงตอนที่มีอะไรให้ทำและแกจะได้เงินมากกว่าเดิมถ้าทำได้ดี จำไว้ว่าให้มาให้ทันเวลาด้วย ! ถ้าแกมาสายแม้แต่นาทีเดียว วันนั้นแกจะต้องทำงานโดยไม่ได้เงิน สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เราจะไม่ให้ ถ้ามีทิปจากแขก แกเก็บมันไว้ได้เลย เคอร์ลิน น่าจะบอกแกแล้วว่าจะให้แกมาทำอะไรที่นี่... “
“ กัปตันเคอร์ลินบอกว่า... “ - ในตอนที่ จางเทีย กำลังจะพูดสิ่งที่ กัปตันเคอร์ลินบอก ประตูห้องก็เปิดออกมาโดยชายคนหนึ่งที่รีบเข้ามารายงาน – “ ผู้จัดการ แขกในห้องเบอร์ 6 หมดความอดทนแล้ว....”
“ แฮรี่ อยู่ไหน ? “ – ผู้จัดการแฮนซ์ ยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนอย่างหงุดหงิด – “ ถ้าแกไปทำอะไรให้แขกชั้นสูงของเราไม่พอใจล่ะก็เงินที่เราจะได้จบเห่แน่ แกอยากให้ฉันซวยรึไง แกอยากให้ฉันมีเรื่องจริงๆใช่มั้ย? “
“ แฮรี่ ลาออกแล้วเมื่อวานนี้ ! “ – ชายคนนั้นร้องออกมา – “ ผมได้รายงานเรื่องนี้ให้คุณรู้แล้ว เราจะทำยังไงกันดี... “
แฮนซ์ รวบรวมสติ สองวินาทีต่อมาสองคนนั้นก็หันมามอง จางเทีย พร้อมกัน อยู่ๆ แฮนซ์ ก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร – “ แก...เด็กน้อย แกชื่ออะไรนะ ? มานี่ มาเซ็นสัญญา แกโชคดีจริงๆเลยนะเนี้ย....”
หน้าของไอ้อ้วนดูเหมือนจะบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด – “ ฉันจะจ่ายให้แกเพิ่มอีก 10 ทองแดงต่อชั่วโมง เซ็นสิแล้วงานนี้จะเป็นของแก ! “
จางเทีย ขนลุกขึ้นมา เขาไม่คิดเลยว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ในวันแรกที่มา งานนี้น่ะทำเงินได้อย่างดีและยังทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ ที่สำคัญกว่านั้นเขาจะได้เจอคนสำคัญอีก งานที่ได้เจอกับสาวๆที่อาจจะมาตกหลุมรักเขา
จางเทีย นี่โชคดีจริงๆ ค่าตอบแทนเขาเพิ่มขึ้นอีกทั้งๆที่มาถึงได้ชั่วโมงเดียว นี่เป็นงานที่ได้เงินดีที่สุดตั้งแต่ที่เขาเกิดมา
ดังนั้นแล้ว จางเทีย เลยไม่ลังเล เขารีบเอาปากกาจากไอ้อ้วนมาเซ็นต์โดยไม่ได้อ่านสัญญา เขารีบเขียนชื่อของตัวเองลงไป
หลังจากที่เซ็นต์ไปแล้ว ไอ้อ้วนได้รีบเก็บสัญญาไว้ในลิ้นชัก ก่อนที่ จางเทีย จะได้มีโอกาสพูด ชายอีกคนก็รีบลาก จางเทีย ไปที่ประตู ตอนนั้นเองไอ้อ้วนก็จำบางอย่างได้และตะโกนออกมา – “ ไอ้นี่มันกลิ่นตัวแรง พามันไปอาบน้ำ.. “
ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้งานที่ได้เงิน 80 ทองแดงต่อชั่วโมง นี่ไม่ใช่ว่าเขาสามารถทำเงินได้วันละ 3-4 เงินเหรอ ? 3-4 เงิน ? ความสุขนี่อยู่ๆก็เข้ามาหาเขาทำให้เขารู้สึกงงหลังจากได้ยินว่าตัวเองจะได้เงินเพิ่มขึ้น เขาทำตามคำสั่งของชายอีกคนซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่งเลย เขาโดนเร่งให้ไปอาบน้ำ จากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าฝ้ายและยังถุงเท้าอีก
หลังจากอาบน้ำและใส่เสื้อผ้าเสร็จ เขาก็โดนชายสวมเกราะอีกคนดึงออกไป เสื้อเกราะที่ชายคนนั้นใส่นั้นมักปิดทั้งส่วนหน้าอก,หลัง,ท้องและแขนขา เกราะพวกนี้ทำให้ชายคนนั้นดูแข็งแกร่งขึ้น จริงๆแล้วหน้าของชายคนนั้นก็มีหมวกเหล็กปิดเอาไว้ด้วย จางเทีย รู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆ – “ นี่ใช่เครื่องแบบรึเปล่า ? แปลกจริงๆ ? มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ! “
ก่อนที่ จางเทีย จะได้เอ่ยปากถาม เขาก็โดนพาเข้าไปในห้องหนึ่งแล้ว...
ห้องนี้มีพื้นที่ประมาณ 20 ตร.ม. พื้นนี้ดูเหมือนจะนุ่มเด้งไปเด้งมาราวกับทำขึ้นจากยางลบ กำแพงทั้งสี่ด้านนั้นมีเบาะหนังหุ้มไว้ คนเดียวที่อยู่ในห้องนี้คือเด็กชายอายุ 12 ปี เขามีผมสีน้ำตาลแดงและสวมชุดสีขาวที่น่าจะทำไว้เพื่อฝึกการต่อสู้ แม้ว่าจะมีท่าทีเย็นชาแต่เด็กนี่ก็ดูเหมือนตุ๊กตาจริงๆ
เขามองไปที่อีกฝ่ายและเด็กนั่นก็มองมาที่เขาเช่นกัน เขาหยุดทันที จางเทีย ต้องฝืนยิ้มออกมาและเดินเข้าไปหาเด็กนั่นก่อนจะพูดขึ้น- “ เฮ้ เพื่อนตัวน้อย... “
เด็กนั่นไม่พูดพร่ำทำเพลง เด็กนั่นเอี้ยวตัวก่อนจะเตะกวาดเข้ามาที่หัวของ จางเทีย จางเทีย ไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำก่อนที่จะโดนลูกเตะนั่นเข้าแล้วหมดสติไป
…….
หลังจากนั้นสักพัก จางเทีย ก็รู้สึกคันๆที่จมูก ในตอนที่เขาจะจามเขาก็ได้ตื่นขึ้นมา เขารู้สึกมึนๆอยู่ราวกับมีค้อนกำลังฟาดสมองเขาอยู่ – “ เด็กน้อย แกตื่นแล้วสินะ .. “ – ชายหัวล้านรูปร่างกำยำอายุกว่า 30 ปียืนอยู่ต่อหน้าเขา มีแผลอยู่บนใบหน้าของชายคนนั้น ชายคนนี้ดูเหมือนวัวกำยำ เมื่อเห็น จางเทีย ลืมตาขึ้นมา ชายคนนั้นก็ฮึดฮัดแล้วเอาสำลีออกจากจมูกของ จางเทีย หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินไปที่ล็อคเกอร์ข้างๆแล้วเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเอง
จางเทีย พยายามลุกขึ้นนั่ง เขาพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนม้านั่งยาว มีคนอีก 4-5 คนอยู่ในห้องด้วย ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร อยู่ๆเขาก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา เขาเห็นถังขยะที่ตั้งอยู่ที่มุมห้องและรีบวิ่งไปอ้วก แต่ในตอนที่อ้วกนั้นมีแต่น้ำลายที่ออกมาไม่ได้มีอย่างอื่นเลย หลังจากนั้นสักพักเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาและเดินกลับไปที่เก้าอี้ตัวเดิม เขาส่ายหน้าและพยายามนึกว่ามันเกิดอะไรขึ้น...
“ เดี๋ยวนะ.. “ - อยู่ๆ จางเทีย ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองไปรอบๆหาเด็กคนเดิม – “ ฉันสาบานว่าฉันจะอัดไอ้ห่านั่นถ้าฉันเห็นมันอีก ! “
“ เด็กน้อย เราคือคู่ซ้อม จริงๆแล้วเราก็แค่กระสอบทรายแต่แกน่ะต้องเรียนรู้ทักษะบางอย่างบ้าง การโดนอัดน่ะไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรแต่แกน่ะต้องป้องกันส่วนหัวและไอ้จ้อนตัวเองไว้ดีๆ แกน่ะเป็นคนแรกเลยนะตั้งแต่ที่ฉันอยู่มาที่โดนคนเตะที่หัวโดยไม่ทำการป้องกันอะไรเลย ... “ - ชายคนเดิมเดินเข้ามาหาเขา เขาตบที่ไหล่ จางเทีย และเดินออกจากห้องแต่งตัวไปพร้อมกับถุงในมือ
อะไรนะ ? คู่ซ้อม ? กระสอบทราย ? จางเทีย อึ้งขึ้นมาทันที....