Chapter 26: แขนที่แข็งแกร่ง
ทุกคนในโรงงานนั้นต่างก็ทำสีหน้าตะลึงออกมา
คุณสมบัตินั้นได้แสดงออกมาจากพลังฉีในร่างราชันย์ อีกอย่างแล้วมันคือธาตุไฟซึ่งชัดเจนแล้วว่ามเป็นพลังฉีของวิหคสีชาด
ปู่หนวกนั้นเกือบจะตะโกนออกมาด้วยความดีใจแต่ผู้ใหญ่บ้านนั้นขัดเขาขึ้นมาก่อน – “ ใจเย็นๆก่อน ไอ้หนวก มู่เอ๋อ เพ่งจิตของเจ้าไปที่น้ำ อย่าคิดอย่างอื่น “
เขาทำแบบที่ผู้ใหญ่บ้านบอก ฉินมู่ ได้มองไปที่น้ำและพลังฉีภายในของเขาก็เปลี่ยนเป็นกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดไหลเข้าไปในแก่นวิญญาณสวรรค์ของเขา โรงตีเหล็กเล็กๆนี่ไม่นานก็เต็มไปด้วยชาวบ้านที่รีบเข้ามาเมื่อได้ยินข่าวนี้ เฒ่าหม่า, ปู่ด้วน,ปู่เชือด, ปู่หมอ,และปู่บอดต่างก็เข้ามามุง ฉินมู่ ที่ซึ่งตอนนี้กำลังทำการสังเกตน้ำอยู่ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงเลยสักนิด
เสียงของผู้ใหญ่บ้านดังขึ้นมา – “ เจ้ายังจำทักษะหอกที่ปู่บอดสอนเจ้าได้หรือไม่ ? ลองคิดว่าเจ้ามีหอกนั้นในมือและลองแทงไปข้างหน้าดู ! “
ฉินมู่ ยกมือขึ้นมาและลองแทงเข้าพร้อมกับกับทำท่าควงหอก ทันทีที่มือว่างเปล่าของเขาลองแทงเข้าไป พลังฉีของเขาก็เปลี่ยนเป็นชั้นน้ำแข็งสีขาวและพุ่งออกมาก่อตัวเป็นหอกในมือของเขา ในเวลาเดียวกันก็ยังมีเสียงน้ำเหมือนกับมังกรน้ำวนเวียนรอบตัวของเขาด้วย
“ สำเร็จ สำเร็จ...”
เฒ่าหม่า น้ำตาไหลออกมาอย่างดีใจ – “ ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ หลังจากพยายามมาหลายปี มันก็ไม่สูญเปล่า ..มู่เอ๋อ เจ้าโตขึ้นแล้ว.. “
เขาอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปด้านข้างและใช้มือปาดน้ำตาของเขาออก
ปู่ด้วนยิ้มออกมาและพึมพำ – “ ฉินมู่ ของเราในที่สุดก็พอเอาตัวรอดในดินแดนแห่งนี้ได้..บ้าจริง เฒ่าหม่า เจ้าหยุดปาดน้ำตาได้หรือไม่ ? เจ้าจะทำให้ข้าร้องไห้ไปด้วย ! ย่าซี นั้นไปที่เมืองเขตแดนมังกรเพื่อซื้อของ ถ้าไม่งั้นแล้วเธอคงเป็นคนที่ร้องไห้อย่างแน่นอน ! “
“ ร้องไห้เรื่องอะไรกัน ? “
ตาของปู่หมอเริ่มแดงและเขาได้ยิ้มออกมา – “ เราควรที่จะยิ้ม ! แม้ว่าเราจะตายไปแต่ ฉินมู่ ก็ยังเอาตัวรอดได้ด้วยตัวเอง นี่คือเรื่องดีและเราควรหัวเราะอย่างมีความสุขกันมากกว่า ! “
“ เจ้าพูดถูก ถูกสุดๆ ! “
ปู่หนวกหัวเราะออกมา – “ ไอ้หมอ แม้ว่าข้าจะไม่ได้คิดอะไรมากกับเจ้าเท่าไหร่แต่ครั้งนี้เจ้าพูดถูก ! “
โลกสั่นสะเทือนไปเพราะเสียงหัวเราะที่เกิดจากโรงงานเล็กๆ เมื่อมองไปที่คนแก่เหล่านั้น ฉินมู่ ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เขาสัมผัสได้มาโดยตลอด
คนทุกคนที่นี่ล้วนแต่เป็นคนพิการและมากกว่านั้นพวกเขาดูเหมือนจะมีเวลาไม่มากแต่พวกเขาล้วนแต่เป็นครอบครัวของเขา ญาติที่เขามี !
ทันใดนั้นเสียงของ ย่าซี ก็ดังขึ้นมาจากข้างนอกพร้อมกับเสียงหัวเราะของเธอ – “ ตาแก่ข้างในหัวเราะเรื่องอะไรกัน ? “
ฉินมู่ แปลกใจ ในที่สุด ย่าซี ก็กลับมาจากเมืองเขตแดนมังกรแล้ว !
ไม่นานปู่ด้วนที่ซึ่งดีใจกับเรื่องนี้ที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะบอกเรื่องนี้ให้ ย่าซี ฟัง เธอยิ้มออกมา – “ ดี ดี ในที่สุด มู่เอ๋อ ก็เติบโต..นี่มันดี.. “
เมื่อคิดถึงความยากลำบากที่เจอมาตลอด 11 ปี เธออดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้ หญิงแก่นั่งลงและปาดน้ำตาตัวเอง- “ ถ้าเราตายไป มู่เอ๋อ ก็ยังคงอยู่ต่อได้...อย่าจับข้า แค่ทรายเข้าตาเท่านั้น.. “
ผู้ใหญ่บ้านแอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ความกดดันที่เขาแบกไว้มาตลอดได้หายไปในตอนที่พลังฉีของ ฉินมู่ ได้แสดงคุณสมบัติออกมา ด้วยตอนนี้ที่ ฉินมู่ สามารถปลดปล่อยพลังเต็มที่ของพลังฉีออกมาได้ มันก็เป็นเหมือนกับการยืนยันเรื่อง ‘ ร่างราชันย์ ‘ และแก้ปัญหาเรื่องวิกฤตในหมู่บ้านนี้ไป
แต่แม้ว่าจะแสดงความสามารถออกมาได้แต่เขาก็ยังคงรู้สึกสับสน คุณสมบัติพวกนี้อยู่ๆได้มาปรากฏในพลังฉีของ ฉินมู่ ได้ยังไง ?
และสิ่งที่แปลกคือพลังฉีนั้นมีถึงสองคุณสมบัติ คุณสมบัติของไฟและน้ำ !
เป็นที่รู้กันว่าร่างวิญญาณนั้นมีเพียงแค่คุณสมบัติเดียวเท่านั้น
ชัดแล้วว่า ฉินมู่ นั้นเป็นคนธรรมดาแต่กลับมีถึงสองคุณสมบัติ อีกอย่างมันเป็นไฟกับน้ำที่เป็นคนละขั้วกัน นี่ยิ่งทำให้แปลกกว่าเดิม
“คนธรรมดาจะมีร่างวิญญาณสองอย่างในตอนที่ปลุกแก่นวิญญาณอย่างนั้นรึ ? “
เขารู้สึกสับสน – “ ปู่ใบ้นั้นสอนอะไรเขากันแน่ถึงได้ปลดปล่อยคุณสมบัติไฟกับน้ำออกมาได้ ? คนธรรมดาคนอื่นทำแบบนี้ได้ด้วยรึไม่ ? “
เขารู้ว่าผู้ใหญ่บ้านพยายามที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ ฉินมู่ ปลดปล่อยพลังของร่างราชันย์ออกมาอย่างเต็มที่ ปู่หมอได้ใช้ยา ปู่ด้วน,ปู่เชือดและเฒ่าหม่าได้สอนเขาอย่างหนักหน่วย ปู่บอดนั้นไม่ได้ลังเลที่จะสอนตาเทพให้กับเขา ปู่หนวกต้องการให้ ฉินมู่ เข้าไปสู่เส้นทางแห่งการวาดภาพเพื่อวาดทักษะสวรรค์ออกมา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปู่ใบ้นั้นทำอะไรลงไป
เขาไม่เคยคิดว่าปู่ใบ้นั้นคือคนที่ปลุกพลังของ ฉินมู่ ขึ้นมา
เขารู้แค่ว่าปู่ใบ้นั้นแนะนำให้ ฉินมู่ สังเกตไฟและน้ำ แล้วพลังของ ฉินมู่ นั้นได้คุณสมบัติมาโดยการจ้องไฟกับน้ำยังคงเป็นเรื่องลึกลับสำหรับเขา
ปู่ใบ้นั้นเป็นช่างตีเหล็กที่ซึ่งไม่เคยเผยพรสวรรค์ของตัวเองออกมา คนที่เหลาะแหละที่สุดในหมู่บ้านคงเป็นปู่บอด ปู่เชือดนั้นโหดร้าย ส่วนคนที่คอยช่วยเหลือเด็กนี่มากที่สุดคือ เฒ่าหม่า ปู่ด้วนนั้นดูเหมือนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นแต่ก็เป็นที่ชั่วร้ายที่สุด คนที่เฉยเมยที่สุดคงเป็นปู่หมอและคนที่ไม่ได้มีความต้องการอะไรเลยก็คงเป็นปู่หนวก สตรีหลังค่อนอย่าง ย่าซี นั้นคือคนที่เอ็นดูเด็กนี่ที่สุดและปู่ใบ้นั้นคือคนที่เฉยชาที่สุดด้วย
ผู้ใหญ่บ้านนั้นไม่ได้รู้เรื่องของปู่ใบ้เลย เขารู้แค่ว่าลิ้นของชายคนนี้โดนตัดและเป็นคนที่หลอมเครื่องมือเก่ง ปกติแล้วหมู่บ้านใกล้ๆมักจะมาขอของอย่างพวกหม้อ,พลั่วจากเขา
จากที่เขาแนะนำ ฉินมู่ จนปลดปล่อยพลังฉีออกมาได้นั้น การบ่มเพาะของปู่ใบ้บางทีอาจจะดีที่สุดในหมู่บ้านก็ได้ถ้าไม่นับรวมเขา
“ มู่เอ๋อ เจ้าก่อพลังฉีให้เป็นเส้นได้หรือไม่ ? “ – ย่าซี ถามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
ฉินมู่ ลองก่อพลังฉีให้เป็นเส้นและไม่นานพลังฉีที่ออกจากร่างกายเขาก็กลายเป็นสายไฟที่ลุกไหม้หนาพอๆกับแขน
ไฟนั้นได้คว้าไปจับที่มีดฆ่าหมูและสับมันลงไป ฟืนที่หนาพอๆกับถังน้ำนั้นได้แยกออกเป็นสองส่วนโดยพลังอันน่าทึ่งทันที !
ทุกคนต่างก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นว่าเส้นพลังฉีนั้นหนาพอๆกับแขน
มันคือความจริงที่ว่าเส้นพลังฉีนี้มันแข็งแกร่งแต่การปรับพลังฉีให้เป็นเส้นได้นั้นต้องทำการบีดอัดพลังฉีให้กลายมาเป็นเส้น ด้วยวิธีนั้นจะทำให้มันยืดหยุ่นได้มากกว่าเดิมและควบคุมดาบได้โดยที่ศัตรูคาดไม่ถึงได้
โดยเส้นพลังฉีของ ฉินมู่ นั้นไม่ได้ถึงว่าเป็นเส้นพลังฉีแบบนั้นและมันคงเหมาะกว่าที่จะเรียกมันว่าแขนแทน
ด้วยความหนาของมันแล้วการใช้พลังฉีเองก็มากด้วยเช่นกัน
ปู่ด้วนเกาหัว – “ ข้ารู้สึกว่าการมีแขนพลังฉีแบบนี้ไม่เลวเลยทีเดียว มันเท่ากับว่ามีแขนเพิ่มอีกแขนและมันยังทรงพลังในการต่อสู้อีกต่างหาก “
ทุกคนไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี ย่าซี ส่ายหน้า – “ เส้นพลังฉีนั้นว่องไวกว่าเพราะแขนนี่หนาเกินไป มันจะยืนหยุดและว่องไวกว่าถ้าปรับมันเป็นเส้นได้ มู่เอ่อ เจ้าต้องปรับพลังฉีของเจ้าให้เป็นเส้นให้ได้เร็วที่สุด “
ฉินมู่ พยักหน้า
ในตอนที่เขาสังเกตเปลวไฟนั้นธาตุไฟได้ปะทุขึ้นมาจากพลังฉีของเขาเปลี่ยนเป็นพลังฉีคล้ายกับพลังฉีของวิหคสีชาด ถ้าเขาไม่สังเกตไฟล่ะก็พลังฉีของเขาก็ยังคงเป็นพลังฉีธรรมดาอยู่
การสังเกตไฟในตอนที่ปรับพลังฉีให้เป็นเส้นนั้นยากกว่าเดิมเล็กน้อยที่เขาจะทำได้
ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่นๆเองก็เห็นบางอย่างผิดปกติและพากันคิ้วขมวดออกมา ถ้า ฉินมู่ ปลดปล่อยไฟและน้ำออกมาได้ในตอนที่สังเกตไฟและน้ำ มันคงเสียเปรียบอย่างมากในตอนที่ต่อสู้ !
ในตอนที่ต่อสู้ ศัตรูจะเปิดโอกาสให้เขาไปสังเกตไฟกับน้ำหรอกหรือ ?
พวกเขารู้สึกแต่แรกว่าร่างราชันย์ของ ฉินมู่ นั้นแข็งแกร่งเพราะมีคุณสมบัติของไฟกับน้ำแต่ตอนนี้พวกเขาไม่มั่นใจแล้ว
“ อ่า อ่า ! “
ปู่ใบ้โบกมือให้สัญญาณพร้อมกับยิ้มออกมา
ปู่หนวกเข้าใจมันและยิ้มออกมา – “ ไอ้ใบ้พูดถูก มู่เอ๋อ แค่เรียนรู้เพียงพื้นฐาน เขาต้องฝึกให้มันสมบูรณ์ ถ้าเขาทำการบ่มเพาะต่อไป แน่นอนว่าเขาต้องเชี่ยวชาญมันได้ ! “
การมีคุณสมบัติไฟกับน้ำนั้นเท่ากับการตื่นของร่างวิญญาณสองอย่าง ในตอนที่ ฉินมู่ มองดูไฟ มันจะกลายเป็นร่างวิญญาณวิหกสีชาดและในตอนที่เขาสังเกตน้ำ มันจะกลายเป็นร่างวิญญาณเต่าทมิฬ
ในหมู่บ้าน ฉินมู่ ได้ควบคุมพลังฉีของเขากับแขนพลังฉีของเขาใช้มีดฆ่าหมู ในตอนที่มีดนั่นบินไปรบอบๆมันก็เกือบหั่น ฉินมู่ ออกเป็นสองส่วน ทุกครั้งในตอนที่อันตราย ปู่บอดที่อยู่ข้างๆจะใช้ไม้เท้าของเขาดีดมีดฆ่าหมูทิ้งเพื่อกันไม่ให้เขาตาย
การปรับพลังฉีให้เป็นเส้นและใช้มันในการควบคุมดาบนั้นต้องทำไปทีละขั้นตอน การใช้พลังฉีควบคุมดาบเพื่อฆ่าศัตรูนั้นอันตรายอย่างมากและต้องพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมมันให้ชำนาญ
ทักษะมีดฆ่าหมูของปู่เชือดนั้นเป็นทักษะต่อสู้ แม้ว่าปู่เชือดจะเอาข้อดีของทักษะสวรรค์มาใช้และสามารถใช้มันได้โดยไม่มีมีดแต่มันก็ยังคงต่างกันอย่างมาก ระหว่างทักษะต่อสู้กับทักษะสวรรค์ การใช้มีดฆ่าหมูผ่านดาบที่ควบคุมนั้นอันตรายอย่างมาก
การเคลื่อนที่ของปู่เชือดนั้นทั้งบ้าคลั่งและอันตราย เมื่อเขาเริ่มทำตัวคลี่ง มันอาจจะพูดได้ว่าเขาอาจโจมตีตัวเองก็ได้
ส่วนฝ่ามือสายฟ้าแปดทบที่ เฒ่าหม่า สอนเขานั้นเป็นทักษะต่อสู้โดยตรงและไม่สามารถใช้ร่วมกับดาบได้
ทักษะปิศาจสวรรค์ของย่าซีนั้นเหมือนกับเป็นเวทย์มนต์ ทักษะขาของปู่ด้วน,ทักษะของปู่บอด,การวาดรูปของปู่ใบ้,การปรุงยาของปู่หมอและการตีเหล็กของปู่ใบ้ล้วนแต่ไม่สามารถใช้ในการควบคุมดาบผ่านพลังฉีได้
ดังนั้นการบ่มเบาพโดยใช้การควบคุมดาบนั้น ฉินมู่ ได้แต่ใช้ทักษะที่อันตรายอย่างมีดฆ่าหมูในการฝึกฝน
ตรงทางเข้าหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านได้นอนอาบแสงอาทิตย์อยู่ตรงนั้น ปู่หมอเองยืนอยู่ข้างๆเขามองไปที่ ฉินมู่ ที่ซึ่งทำการฝึกควบคุมดาบอยู่พร้อมกับพูดขึ้นมา – “ ไอ้บอดได้สอนตาสวรรค์กับ มู่เอ๋อ ส่วนไอ้เชือดนั้นได้สอนทักษะมีดให้เขา ยังมีทักษะขาและทักษะการวาดรูป...ตอนนี้ท่านล่ะ ผู้ใหญ่บ้าน ? “
ผู้ใหญ่บ้านหันกลับมามองที่เขา
ปู่หมอนั้นพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน – “ เรามีสิ่งดีแตกต่างกันแต่เราไม่ได้เก่งเรื่องใช้พลังฉีในการควบคุมดาบ ท่านมีประสบการณ์มากมายกว่าคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่และความสามารถของท่านนั้นก็สูงกว่าทุกคน ทำไมท่านถึงไม่อยากสอนเขา ? ในการใช้พลังฉีควบคุมดาบนั้น ข้าอยากถามเหลือเกินว่าในโลกในใครกันที่ควบคุมดาบได้ดีกว่าท่าน ? “
หน้าของผู้ใหญ่บ้านดูสลดลงพร้อมกับมองไปที่แขนขาที่ตัวเองไม่มีแล้วพูดขึ้นมาเบาๆ – “ ข้าเองก็อยากสอนเขาแต่ความรับผิดชอบนั้นยิ่งใหญ่เกินไปที่ มู่เอ๋อ จะรับไหว ในตอนที่ข้ายังมีแขนขา ข้ายังไม่อาจรับความรับผิดขอบนั้นได้ ไม่งั้นแล้วข้าคงไม่จำเป็นต้องมาหลบซ่อนในดินแดนหายนะแห่งนี้...เจ้ารู้หรือไม่ว่าแขนขาของข้าหายไปเพราะเหตุใด ? “
ปู่หมอส่ายหน้า
“ มันเกิดจากดาบ “
ผู้ใหญ่บ้านเงยหน้าขึ้นและพูดขึ้นมาช้าๆ – “ แขนขาของข้านั้นถูกตัดทิ้งโดยดาบ ใครที่สืบทอดทักษะของข้าไปนั้นต้องรับความรับผิดชอบต่อจากข้าซึ่งข้าไม่อาจรับไหว ตอนนี้เขาคงรับมือสิ่งนั้นไม่ไหวแน่ “