px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 5: ลูกนอกสมรส


ตอนที่ 5: ลูกนอกสมรส

 

ด้วยความเกลียดชังที่ฟางเถียนมีต่อฟางฉางเกิ่ง นางไม่เคยคิดว่าลูกของฟางฉางเกิ่งจะเป็นหลานของนางด้วยซ้ำ

 

ในที่สุดบุคคลที่นางเกลียดเข้ากระดูกก็ออกไปจากชีวิตของนางเสียที หัวใจของฟางเถียนที่เคยสุมไปด้วยความแค้นกลับคลี่คลายลง

 

ในค่ำคืนที่พายุหิมะพัดโหมอย่างหนัก ฟางเถียนเริ่มตักขยะออกจากเล้าไก่ตามหน้าที่ จากนั้นโรยข้าวเพื่อเป็นอาหารให้กับพวกมัน อีกทั้งนางยังแอบคิดว่าจะเพิ่มปริมาณข้าวให้กับพวกมันอีกสักหน่อย

 

ม่านที่หน้าต่างของบ้านถูกยกขึ้นพร้อมเผยให้เห็นใบหน้าขาวเล็ก ๆ กำลังยกยิ้มเมื่อเห็นฟางเถียนยืนอยู่ที่ลานบ้าน “ท่านย่า ! วันนี้ตื่นเร็วจัง”

 

ฟางเถียนที่เห็นฟางอ้ายกำลังเดินออกมาจากห้องใหญ่ นางตอบกลับด้วยใบหน้ามีความสุข “หลานรักของย่า… เจ้ายังรู้สึกไม่สบายตัวหรือไม่ ? ลุกจากเตียงได้แล้วงั้นหรือ ? ”

 

สองสามวันมานี้ฟางอ้ายเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ความจริงแล้วร่างกายของนางไม่ได้เป็นอะไรมากนัก แต่เป็นเพราะความขี้เกียจทำให้นางนอนอยู่ตรงนั้นสักสองสามวันจะได้ไม่ต้องทำงานทำการ

 

ฟางอ้ายโผล่ออกมาจากตัวบ้านและอยู่ตรงข้ามกับฟางเถียน รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าพร้อมกล่าวว่า “นับตั้งแต่ท่านย่าขับไล่พวกนั้นออกไป ฟางอ้ายก็เริ่มมีอาการดีขึ้นมาก ! ”

 

ความเกลียดชังที่ฟางเถียนมีต่อหลานของลูกชายคนรองนั้นไม่ใช่ความลับของตระกูลฟางเลย ในฐานะที่ฟางอ้ายเป็นบุตรของลูกคนโตในบ้าน นางรู้สึกได้ว่าการยืนอยู่ข้างเดียวกันกับฟางเถียนจะทำให้นางกลายเป็นที่โปรดปราณมากขึ้น

 

แววตาของฟางเถียนเปล่งประกายความรักที่มีต่อหลานสาวอย่างมากล้น นางหยิบหมั่นโถวยื่นให้ฟางอ้ายพร้อมกล่าวอย่างเห็นพ้อง “ข้าเคยพูดไว้นานแล้วว่าพวกมันเป็นเพียงกาฝากเท่านั้น แต่ปู่ของเจ้าไม่ยอมให้ข้าขับไล่พวกมันออกไป ฮึ คราวนี้แหละฟางฮั่นที่มันจิตใจมืดบอดผู้พยายามจะฆ่าหลานสาวของข้าทำให้ปู่ของเจ้ายินยอม” 

 

ฟางเถียนกัดฟันกล่าวอย่างขมขื่น “เพราะมันคนเดียวทำให้หลานสาวของย่าต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์อันตรายพวกนั้น”

 

ความจริงแล้วฟางอ้ายอายุเพียง 11 ปีเท่านั้นและนางก็ไม่ได้เกลียดฟางฮั่นมากนัก การที่ฟางฮั่นถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรแบบนี้ทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจด้วยเช่นกัน พี่น้องทั้งสามถูกขับไล่ออกจากบ้านในวันที่มีพายุหิมะรุนแรง แต่เพราะฟางเถียนรักนางมากและหลังจากนี้ไปนางจะได้รับความรักอย่างเต็มที่ ฟางอ้ายจึงคิดว่าด้วยการโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้คงจะไม่เป็นไร ท้ายที่สุดผลลัพธ์ของมันก็แสนจะคุ้มค่า

 

ฟางอ้ายต้องอาศัยอยู่กับฟางเถียนไปอีกนาน นางจึงยินยอมและพยักหน้ารับ “ท่านย่าพูดถูก ท่านปู่ควรจะฟังท่านย่าตั้งนานแล้ว ครอบครัวเรานั้นเป็นเพราะท่านย่าที่เก่งกาจจึงทำให้พวกเรามีหน้ามีตาจนถึงทุกวันนี้” ฟางอ้ายตอบกลับอย่างเอาใจ

 

ฟางเถียนเผยรอยยิ้มกว้างจนไม่เห็นตาดำ “หลานรักของย่า เจ้าช่างรู้จักการพูดจาให้ข้าหลงรัก เอาล่ะ เย็นนี้ย่าจะทำซุปไก่ของโปรดเจ้า เพื่อร่างกายของเจ้าจะได้กลับมาแข็งแรงโดยเร็ว”

 

พลันนึกถึงความอร่อยของซุปไก่ น้ำลายของฟางอ้ายเริ่มทำงานอย่างรวดเร็ว มันแทบจะหยดลงมาจากปากอย่างเก็บอาการไม่อยู่ ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกรักใคร่ฟางเถียนมากขึ้น รอยยิ้มกว้างเผยออกมาอย่างสดใส

 

ในขณะที่ทุกสิ่งในบ้านกำลังดำเนินไปด้วยความสุข มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทรกขัดจังหวะบรรยากาศแห่งความรัก

 

“ท่านย่า ท่านย่าอยู่หรือไม่ ? ”

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ ใบหน้าของฟางเถียนดำคล้ำทันที สายตาของฟางอ้ายพลันหันกลับพร้อมแอบวิ่งไปอีกฝั่งเพื่อเรียกหาแม่ของตนทันที

 

มือซ้ายของฟางฮั่นจับมือน้องชายคือฟางหมิงหวยเอาไว้ มือขวาจับน้องสาวฟางฉือเอาไว้ นางยืนอยู่ข้างอาฟางและน้าฟาง มุมปากยกยิ้มขณะที่จับจ้องใบหน้าของฟางเถียน

 

อาฟางตะโกนเรียกด้วยเช่นกัน “ป้าใหญ่”

 

คิ้วของฟางเถียนขมวดเข้าหากันแน่น นางไม่ได้สนใจอาฟางและน้าฟางแต่อย่างใด สายตาของนางจับจ้องไปที่ฟางฮั่นอย่างเกรี้ยวกราด “แกคิดจะทำอะไรงั้นหรือ ? อีกอย่างห้ามเรียกข้าว่าย่าเด็ดขาด ! ตระกูลฟางของเราไม่เคยนับลูกนอกสมรสอย่างแกเป็นลูกหลาน ! ”

 

ฟางหมิงหวยและฟางฉือที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับทนไม่ได้ ทั้งสองเจ็บปวดและหวาดกลัวพร้อมทั้งไปยืนหลบอยู่ด้านหลังของฟางฮั่น 

 

น้าฟางกำลังมีความคิดที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับถูกขัดด้วยฟางฮั่นที่พูดเสียงดังกว่า “ข้าไม่เข้าใจความคิดของท่านย่าจริง ๆ พวกเราทั้งสามคนล้วนแต่เป็นลูกหลานตระกูลฟาง แต่ท่านย่ากลับพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยว่าเราคือลูกนอกสมรส นี่เป็นการดุด่าไปถึงบรรพบุรุษที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินด้วยหรือไม่ ? ” ฟางฮั่นเถียงอย่างโจ่งแจ้ง

 

ถ้อยคำเหล่านี้เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและจงใจที่จะบดขยี้จิตใจของอีกฝ่าย

 

พลันได้เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของฟางเถียน หัวใจของฟางฮั่นรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างมาก

 

ฟางเถียนแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าฟางฮั่นที่เคยขี้ขลาดตาขาวจะกลับมาลุกขึ้นสู้เช่นนี้ คำพูดคำจาของนางทั้งเผ็ดร้อนและทำให้แสบทรวงอย่างยิ่ง 

 

นางหันไปมองน้าฟางอย่างเกรี้ยวกราดแล้วด่าทอขึ้นว่า “นังคนปากร้าย นี่เจ้าสอนเด็กพวกนี้ใช่หรือไม่ ? ”

 

น้าฟางก็รู้สึกได้เช่นกันว่าฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่นางก็ตระหนักดีว่าบุคคลตรงหน้าทำสิ่งที่ชั่วช้าไว้มากแค่ไหน เด็กย่อมมีความขุ่นเคืองใจอย่างแน่นอน

 

น้าฟางกล่าวตอบอย่างอดกลั้นว่า “ท่านพูดอย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมนัก ไม่ว่าอย่างไรเด็กเหล่านี้ล้วนแต่เป็นลูกหลานของตระกูลฟาง เราสามารถสอนเด็ก ๆ ด้วยถ้อยคำที่ดีได้ ไม่ใช่ว่าข้าจะว่ากล่าวท่านหรอก แต่ท่านควรจะใส่ใจในคำพูดและการกระทำให้มากเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกหลาน”

 

ใบหน้าของฟางเถียนบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ นางคว้าที่ตักขยะและใช้มันชี้หน้าน้าฟาง “เป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนแต่กล้าที่จะสั่งสอนผู้อาวุโสงั้นเหรอว่าสิ่งใดผิดหรือไม่ผิด ! ? ”

 

ฟางฉางชิ่งที่กำลังยืนอยู่ เขาจะปล่อยให้ภรรยาถูกต่อว่าฝ่ายเดียวได้อย่างไร?

 

เขาขยับขึ้นมายืนด้านหน้าน้าฟางอย่างรวดเร็ว ชายชาวนาร่างสูงกำยำทำให้ฟางเถียนรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก ฟางฉางชิ่งขมวดคิ้วแน่นพร้อมกล่าวโต้ “ป้าใหญ่ควรจะทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อลูกหลานนะ เพราะว่าท่านคืออาวุโสและมีชีวิตมาค่อนข้างยาวนาน ควรจะรู้ว่าอะไรถูกหรือผิด”

 

การต่อว่าเช่นนี้กำลังแสดงให้เห็นว่านางนั้นแก่แต่ร่างกายเท่านั้น

 

ฟางเถียนที่ถูกต่อว่ารู้สึกอับอายและโกรธแค้นมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม นางถอยหลังกลับไปสองถึงสามก้าวและตะโกนเข้าไปด้านใน “ไอ้แก่ มีใครอยู่ข้างในบ้างหรือไม่ ! ตายกันหมดแล้วงั้นหรือ ! ? ทำไมถึงยังทนให้ข้าถูกเด็กเมื่อวานซือรังแกอยู่ได้ ! ? ”

 

“แค่ก ๆ ” เป็นฟางจงโยว่นั่นเองที่เดินแหวกม่านออกมาพร้อมกับไอแห้งๆ พร้อมควันที่พวยพุ่งออกจากปาก เขาจิบชาเล็กน้อยพร้อมกล่าวออกมา “ก็นึกว่าใคร เหล่าลิ่วเองงั้นเหรอ”

 

ฟางฉางจวงซึ่งเป็นลูกคนโตของตระกูลฟางได้โผล่ศีรษะออกมาจากบ้านเพื่อดูว่าเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้น

 

ฟางอ้ายต้องการที่จะออกไปข้างนอกกับพ่อของตนอย่างตื่นเต้น แต่นางถูกแม่ของนางดึงไว้โดยไม่ยอมให้นางก้าวขาออกไป นางจึงทำได้เพียงนั่งอยู่บนเตียงและแง้มหน้าต่างเพื่อแอบดูสถานการณ์เท่านั้น

 

ส่วนลูกชายคนเล็กของฟางเถียนยังไม่ได้แต่งงาน เขาชื่อฟางฉางอิง เขาอาศัยอยู่ตามลำพังในบ้านสวนหลังเล็กทางตะวันตก ซึ่งเมื่อวานเขาออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนทั้งคืนและตอนนี้เขายังไม่ตื่นจากความเหนื่อยล้า

 

ทั้งน้าฟางและอาฟางร้องออกมาพร้อมกัน “ลุงใหญ่”

 

ฟางฮั่นก้าวขาออกมาด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ฟางฉือและฟางหมิงหวยเห็นหน้าของปู่ชัด ๆ ตอนที่นางอยู่บ้านของน้าฟางก่อนหน้านี้ นางบอกเด็กทั้งสองว่าถ้าหากท่านปู่เดินออกมา ให้ตะโกนเรียกหาเสียงดัง ๆ

 

“ท่านปู่ ! ”

 

“ท่านปู่ ! ”

 

“หลานปู่ ! โอ้ ! ” ใบหน้าของฟางจงโยว่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาไม่ได้เกลียดลูก ๆ ของลูกชายคนรองของเขาเหมือนกับฟางเถียน ทุกคนล้วนแต่เป็นหลานของเขาอย่างแท้จริง เด็กทั้งสองคนวิ่งเข้าหาปู่ของตนพร้อมกับจับแขนขาซ้ายขวาอย่างไร้เดียงสา ท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวและนั่งลงโอบกอดทั้งคู่พร้อมกล่าว “พวกเจ้าสบายดีหรือไม่ ? ”

 

หลังจากที่ได้ฟังประโยคนั้น ทำให้ฟางฮั่นอยากจะถ่มน้ำลายลงพื้นเสียเต็มประดา

 

เฮอะ คิดจะทำอะไรกันแน่ ? กำลังถามหลานๆ ว่าสบายดีหรือไม่งั้นหรือ ? นี่มันผ่านไปกี่วันแล้ว ? ปู่ไปอยู่ที่ไหนมาในขณะที่พวกเราทั้งสามกำลังจะตาย ? !

 

นับจนถึงวันนี้ยังไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ แม้แต่น้อย ทำให้ฟางฮั่นรู้สึกคลื่นไส้เมื่อเห็นการตอบโต้ของผู้เป็นปู่

พลันใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มและตะโกนตอบปู่ว่า “ไม่กี่วันที่ผ่านมาน้าฟางและอาฟางดูแลพวกเราอย่างดี ทุกคนที่นั่นใจดีกับพวกเรามาก”

 

“อืม ก็ดีแล้ว” ชายชราฟางพยักหน้ารับ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยและไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ คล้ายกับว่าเขาไม่ต้องการจะพูดอะไรมากนัก

 

เมื่อฟางเถียนเห็นว่าหลาน ๆ ทั้งสองกำลังมีความสุขกับปู่ เป็นโอกาสดีที่นางจะกล่าวออกมา “เป็นพวกเจ้างั้นหรือที่ไปรับพวกมัน...” ฟางเถียนไม่ดุด่าฟางฮั่นอีกต่อไป นางเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนแทน “พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ เด็กเนรคุณนี้ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ พวกเราอยู่กันแบบเรียบง่ายและไม่สามารถเลี้ยงจิ้งจอกตัวนี้ได้หรอก ถ้าหากว่าเจ้าเป็นคนไปนำพวกมันกลับมา แล้วทำไมจึงไม่เลี้ยงมันไว้เองซะล่ะ ? ”

 

อาฟางที่เป็นคนพูดน้อยยังอดไม่ได้ที่จะโกรธจัดจนใบหน้าแดงก่ำ ส่วนน้าฟางยกคิ้วสูงอย่างไม่เชื่อหูตนเอง

 

ฟางฮั่นจะยอมเห็นผู้มีพระคุณของตนเองลดตัวลงไปเถียงกับอีกฝ่ายที่ชั่วร้ายกว่าได้อย่างไร ? นางเผยยิ้มกว้างพร้อมตอบกลับอย่างเด็ดขาด “ท่านย่ารู้อยู่แล้วเหรอว่าอาฟางกับน้าฟางเป็นคนดูแลพวกเรา งั้นก็ต้องรู้สิว่าหลังจากวันนั้นข้าป่วยมาสองสามวัน อย่างนี้ท่านย่าพอจะมีเงินค่ายาเพื่อใช้หนี้ให้กับอาฟางและน้าฟางหรือไม่ ? ”

 

ใบหน้าของฟางเถียนบิดเบี้ยวพร้อมกรีดร้องออกมาอย่างเหลืออด “แกเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืน ทำไมจึงไร้ยางอายได้ขนาดนี้ ? ! แกกล้าดีอย่างไรมาขอเงินค่าหยูกยาที่นี่ ! ? ทำไมไม่ตาย ๆ ในพายุนั้นไปซะให้จบเรื่อง ! ? ”

 

ชาวบ้านเริ่มออกมารวมตัวที่ด้านนอกของรั้ว ทุกคนดูพร้อมใจที่จะออกจากบ้านในฤดูหนาวทันทีเมื่อมีเหตุการณ์ให้พวกเขาได้จับกลุ่มพูดคุย

 

ชาวบ้านบางคนกล่าวออกมาอย่างติดตลก “โอ้ น้าฟางเถียน ! นั่นคือคำที่เจ้าพูดกับหลานสาวงั้นหรือ ? อย่างกับเป็นศัตรูกันเลยนะ”

 

ฟางฮั่นไม่ได้รู้สึกรำคาญบุคคลเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งนางยังกล่าวต่อ “ท่านย่าสามารถดุด่าข้าได้แค่ที่บ้านเท่านั้น เพราะถ้าคนอื่นมาได้ยินคงจะรู้ว่านี่ไม่ใช่บ้านแต่เป็นคุกดี ๆ นี่เอง ฮึ ถ้ามีคนรู้ว่าตระกูลฟางยุ่งเหยิงมากขนาดนี้ แล้วน้าเล็กของข้าจะได้แต่งงานหรือไม่ ? ”

 

“แม่ ! หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว!” เสียงตะโกนดังลั่นมาจากบ้านทางทิศตะวันออก เสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง นางคือฟางเซียงหยู่ซึ่งเป็นลูกสาวของฟางเถียน ปีนี้นางอายุได้ 16 ปีและตอนนี้มันถึงเวลาที่นางจะต้องแต่งงานออกเรือนแล้ว

 

ฟางเซียงหยู่ขยี้ผ้าเช็ดหน้าของนางซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่พอใจ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นี่เป็นเรื่องที่นางมักจะกังวลอยู่เสมอว่าแม่จะดุด่าเด็กทั้งสามนั่นด้วยวาจาที่ชั่วร้าย หากจะทำเช่นนั้นจะต้องกระทำในบ้านเท่านั้นเพราะนางเกรงว่าคน ๆ นั้นจะได้ยินเขา... เขาจะได้ยินไม่ได้เด็ดขาด... หากว่าเขาได้ยินล่ะก็…

 

สุดท้ายฟางเซียงหยู่เขวี้ยงผ้าเช็ดหน้าในมือทิ้งอย่างไม่ใยดี ความหงุดหงิดทำให้นางหัวเสียและเกรี้ยวกราดมากขึ้น จิตใจของนางมุ่งร้ายไปที่ฟางฮั่นที่กล้าหาญคนนั้น ถ้าหากว่าเรื่องที่นางคิดไว้ไม่เป็นอย่างฝันเพราะการทะเลาะในคราวนี้ ทุกอย่างจะต้องเป็นความผิดของฟางฮั่นเพียงคนเดียว ! ตอนนี้นางอยากจะวิ่งออกไปนอกบ้านและฉีกปากเด็กคนนั้นให้ขาดไปถึงใบหู !

 

ร่างกายของฟางเถียนชะงักไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าคราวนี้เด็กตรงหน้าจะจี้ใจดำของคนในบ้านอย่างแท้จริง สายตาดุร้ายของนางตวัดกลับมาที่ฟางฮั่นราวกับจะกลืนกิน !

 

รีวิวผู้อ่าน