ตอน 3-2 : สิ้นสุดบทบาท
ในขณะที่มิโนซ่ากำลังด่าทอการกระทำของฉัน ฉันมองตรงไปที่ชไนเดอร์ ผู้ที่มองฉันด้วยสายตารังเกียจ สายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและดูหมิ่น เขาไม่เคยมองฉันแบบนี้มาก่อน และนั่นก็ทำให้หัวใจของฉันแตกสลาย
“ข้า… ไม่เคยทำแบบที่เจ้าพูด นี่เป็นการใส่ร้าย” คำพูดที่หลุดออกจากปากฉันมันมาจากเนื้อเรื่องในนิยาย จากนั้นมิโนซ่าก็หันหน้าไปทางบรรดาสตรีผู้สูงศักดิ์
“ข้ามีพยาน!”
“ชะ…ใช่ ทั้งหมดเป็นคำสั่งจากท่านหญิงรอนย่า”
“พวกเราไม่สามารถขัดคำสั่งบุตรสาวของท่านเคานต์ตระกูลกาวิเซล่าได้” กลุ่มสตรีผู้สูงศักดิ์กล่าว
การโยนความผิดมาให้ฉันทำให้ความผิดของพวกเธอลดลง กลุ่มสตรีผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นไม่กล้าแม้แต่สบตาฉัน
ต่อให้ฉันจะกำลังวิ่งหนี ทว่าฉันก็ต้องแบกรับทุกอย่าง ฉันไม่ได้เชื่อใจพวกเขา ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่เชื่อใจและไว้ใจกันได้
“รอนย่า! เจ้ายอมรับเสียทีว่าเจ้าหึงหวงชไนเดอร์อย่างบ้าคลั่งและเกินเหตุ” มิโนซ่ายิ้ม ในสายตาของเธอฉันคือปีศาจ และเธอคือผู้ยุติธรรม
“เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนะรอนย่า!” ชไนเดอร์ก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับพูด
“ข้าไม่สามารถแต่งงานกับเจ้าได้ ข้าต้องการถอนหมั้น!” นี่คือคำสุดท้ายที่เขาพูดกับฉัน
ตรงหน้าของชไนเดอร์มีกระดาษปรากฏขึ้นพร้อมแสงสีทอง ทันใดนั้นมันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉันเช่นกัน มันคือกระดาษสัญญาที่มาจากการเสกเวทมนตร์ กระดาษสัญญาเหล่านั้นคือเอกสารการหมั้นของฉันและชไนเดอร์
เพียงการสะบัดมือของชไนเดอร์ กระดาษเหล่านั้นได้ฉีกออกเป็นชิ้นกระจัดกระจายและหายไปตามแสงสีทอง ฉันมองไปยังชไนเดอร์
ถ้าหากฉันพูดว่า ‘ได้โปรดเชื่อในตัวข้า’ ณ ตรงนี้และในตอนนี้ เขาจะตอบว่าอย่างไรกัน? แม้เราสองคนจะรู้จักกันมานาน เขาคือคนที่ฉันสนิทที่สุด และเชื่อในตัวฉันที่สุด
ทว่าในตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของมิโนซ่า
ชีวิตฉันดำเนินไปตามเนื้อเรื่องในนิยาย มันคือโชคชะตา
รักแรกของฉัน… กลายเป็นความสิ้นหวัง
บรรดานักเรียนหน้าโถงเริ่มร้องโห่ไล่ฉัน ขณะที่ทุกคนกำลังโห่ร้อง มิโนซ่าได้กระโดดเข้าไปกอดชไนเดอร์และเขาก็ประคองเธอไว้
“ชไดเนอร์!”
“มิโนซ่า”
บรรดานักเรียนต่างพากันสรรเสริญเยินยอทั้งสองคน ชไนเดอร์โอบกอดมิโนซ่าแล้วมองมาที่ฉัน จากนี้ไปเขาคงเป็นคนคอยปกป้องมิโนซ่า มิใช่ฉัน
เขาทั้งคู่จะกลายเป็นคู่รักชื่อดัง และนั่นมันคือโชคชะตา
“ข้าขอให้เจ้าทั้งสองมีแต่ความสุข…” ฉันบอกลา
ชไนเดอร์ผู้ที่ตามใจฉันอยู่เสมอ ฉันเกลียดที่ตอนนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนใดจากเขาอีกแล้ว ฉันได้แต่อวยพรพวกเขาทั้งสองเพื่อเป็นการขอบคุณจากใจจริง แต่ดูเหมือนว่าชไนเดอร์จะไม่รับฟังคำพูดของฉันเลย
การแสดงออกถึงความรังเกียจเริ่มแผ่ขยายไปถึงผู้อื่นที่ยืนอยู่
ฉันเดินหนีออกจากตรงนั้นไปก่อนที่จะรับรู้ถึงความรังเกียจเหล่านั้น
ในที่สุดฉันก็เดินหนีออกมาไกลพอจากเสียงตบมือในห้องโถง และการบอกลารักแรกของตัวเอง
ช่วงเวลาที่ชไนเดอร์เคยพูดถึงความรักของเราทั้งสอง ความหวังของฉันได้ส่องประกาย
จูบแรกของเรา…
ความใกล้ชิดของเราสอง ความรู้สึกสบายใจ และรักแรกที่คอยสนับสนุนฉัน
ลาก่อน
ถ้าหากที่ผ่านมาฉันไม่มีเขา ฉันคงผ่านเรื่องราวเลวร้ายเหล่านั้นมาไม่ได้ ในแต่ละวันที่แสนวุ่นวาย ฉันแทบไม่มีเวลาพัก เขาเป็นคนเดียวที่ให้ความสงบและความสุขแก่ฉัน
ท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่ ผู้ที่ไม่เคยพอใจในตัวฉันเลย ช่วงเวลาชีวิตที่ยากลำบาก การเป็นบุตรสาวของท่านเคานต์กาวิเซล่า… ในที่สุดฉันก็เป็นอิสระ
ช่วงเวลาแสนยากเย็น ณ ห้องโถงกลางสถาบัน ในที่สุดฉันก็หนีออกมาได้
อิสรภาพ!
เมื่อฉันเดินมาถึงหน้าสถาบัน ฉันกระโดดลงจากบันไดยาวหน้าประตูสถาบันด้วยความปล่อยวาง
ทว่าทุกอย่างก็ปกติดี จนกระทั่งมีคนตามฉันมา
“ท่าน… ท่านหญิงรอนย่า! ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่!?”
“ขอบใจที่มารับข้านะราโม่!”
หนุ่มรับใช้ที่เคยลาออกจะบ้าตระกูลกาวิเซร่า ตอนนี้เขาทำงานให้ท่านปู่ของฉัน
เขาชื่อ ราโม่ เด็กหนุ่มผู้มีผมสีกรมท่าและดวงตารูปทรงอัลมอนด์ ถึงเขาจะดูผอมบาง ทว่าจากนั้นราโม่จึง
เมื่อตอนที่มิโนซ่าเรียกฉันไปพอที่ห้องโถง ฉันรู้ทันทีว่า ‘ตอนจบ’ มาถึงแล้ว ดังนั้นฉันจึงขอให้ท่านปู่ส่งคนมารับพร้อมกับขนกระเป๋าสัมภาระขึ้นเต็มรถม้าแล้ว เมื่อฉันได้อยู่บนรถม้า ฉันไม่สามารถหุบยิ้มได้เมื่อรู้ตัวว่าไม่จำเป็นต้องกลับมาที่สถาบันนี้อีกแล้ว
สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจ คือฉันยังไม่ได้บอกลาเพื่อนรักทั้งสองคนเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันควรส่งจดหมายเวทให้แก่พวกเขาว่าฉันได้ออกจากสถาบันไปอยู่สถานที่ไกลแสนไกล ที่ที่สามารถเติมเต็มความฝันและทำให้หัวใจของฉันสงบสุขได้
ใช่… จากนี้ไป… ความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของฉันจะได้เริ่มขึ้นเสียที!!
ยะฮู้!!
ฉันไม่สามารถยับยั้งความสุขตนเองได้ มือทั้งสองชูขึ้นด้วยความยินดี แต่แล้วร่างฉันพลันต้องหล่นลงจากที่นั่งเพราะแรงกระแทกของรถม้า
ฉันรีบเก็บความดีใจนั้นลงโดยเร็ว พร้อมส่งเสียงไอแก้เขิน
ใจเย็นก่อน…
ฉันควรหยุดตื่นเต้นดีใจ เหมือนอยากจะตะโกนร้องโห่เสียก่อน
ขณะที่ฉันกำลังมีความสุข เท้าของฉันก็ไปเตะโดนกระเป๋าที่อยู่ใต้ที่นั่งบนรถม้า ฉันดึงกระเป๋าและหยิบนาฬิกาทรายมรกตนั้นออกมา ฉันพลิกมันอย่างช้า ๆ ทรายสีเขียวมรกตได้ร่วงหล่นลงมา
มันเป็นชีวิตที่ยากลำบาก
มันเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่ยากลำบากที่มาพร้อมกับความสุขเพียงเล็กน้อย
ทว่าจากนี้ไป ฉันจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เพื่อเติมเต็มช่วงชีวิตที่ผ่านมา
ต่อจากนี้ไป… ฉันจะเติมเต็มความฝันให้เป็นจริง