px

เรื่อง : ชีวิตจริงเสมือนฝัน
ตอนที่ 5-1 ร้านกาแฟสำราญรมย์


         ความโล่งใจที่ฉันเป็นอยู่ในขณะนี้ทำให้ฉันกินอาหารอร่อยมากขึ้น โดยปกติเวลานี้ฉันคงจะต้องเดินทางไปเรียน ทว่าฉันไม่ได้เป็นนักเรียนอีกต่อไปแล้ว

 

          หลังจากจัดการอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ได้เริ่มทำเค้กช็อคโกแลต เนื่องจากเพิ่งเริ่มเปิดร้านกาแฟ ดังนั้นของหวานที่ควรทำขายคือเค้กไข่และเค้กช็อคโกแลต

 

          การเพิ่มรายการอาหารในร้านควรมาจากการพิจารณาความต้องการของลูกค้า หรือคงเป็นความคิดที่ดีที่จะมีรายการขนมไม่ซ้ำกันสักวัน

 

          หลังจากอบเค้กช็อคโกแลตเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาจัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำแซนวิช เพราะความสามารถของฉันจึงจัดเตรียมทุกอย่างได้รวดเร็ว ฉันฮัมเพลงไปมาขณะจัดเตรียมของเพื่อการเปิดตัวร้านกาแฟ

 

          “ใช่สิ ฉันคิดว่านี่ก็ต้องทำนะ…”

 

          ฉันเดินดูรอบร้านเพื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือยัง

 

          นาฬิกาทรายสีมรกตของท่านปู่ตั้งไว้ด้านข้างของโต๊ะต้อนรับลูกค้า เมื่อฉันเหลือบไปเห็น ฉันก็ได้เดินตรงเข้าไปเพื่อพลิกมันอย่างไม่ตื่นเต้นอะไร ขณะที่ฉันมองทรายหลั่งไหลลงสู่ด้านล่างของนาฬิกา ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าตนลืมนำป้ายโฆษณาร้านออกไปตั้ง ฉันจึงได้รีบเปิดประตูระเบียง และก้าวออกไปสองสามก้าวเพื่อตรวจสอบว่าระเบียงสะอาดดีแล้วหรือยัง จากนั้นฉันก็หยิบป้ายโฆษณาออกมาแขวน

 

                                                                

         

ร้านกาแฟนี้ชื่อ สำราญรมย์

 

          ร้านกาแฟสำราญรมย์

 

          เมื่อฉันมองไปยังตึกร้านกาแฟนี้ ฉันรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที

 

          “ขอโทษนะคะ ร้านเปิดหรือยังเอ่ย?”

          ดูเหมือนว่าลูกค้าคนแรกที่ฉันต้องจดจำได้ปรากฏกายขึ้นแล้ว ฉันกลับมามีสติและรีบหันไปหาลูกค้าคนนั้น หญิงสาวตรงหน้าฉันยิ้มอย่างอ่อนหวานออกมา

 

          “เปิดแล้ว! ยินดีต้องรับเจ้าค่ะ”

 

          ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา

 

          โชคดีที่กิจการร้านกาแฟสำราญรมย์ดำเนินไปได้ดี

 

ดูเหมือนว่ากาแฟและแซนวิชเป็นสินค้าที่ส่งเสริมการขายได้ดีมาก ผลลัพธ์ออกมายอดเยี่ยม ทว่าจริง ๆ แล้ว… ฉันกำลังมีปัญหาใหญ่อยู่

 

          “รอนย่า ขอกาแฟอีกแก้ว!”

 

“ได้! กำลังทำแล้วเจ้าค่ะ”

 

“รอนย่า เค้กวันนี้ช่างอร่อยเหลือเกิน ข้าขอเพิ่มอีกชิ้นเถิด”

 

“ได้ รอสักครู่เจ้าค่ะ!”

 

“ขอโทษนะครับ ขอกาแฟมอคค่าเพิ่มอีกสองแก้ว”

 

“ได้เจ้าค่ะ!”

 

          ทุกวันนี้ฉันรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความยุ่งวุ่นวาย… แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็มีความสุขและยิ้มไม่หยุดเลย

 

          นี่เป็นสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดเลยจริง ๆ ฉันไม่คิดว่าการเปิดร้านกาแฟจะเป็นงานที่หนักหน่วง มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ ลูกค้าควรจะผลัดกันเข้าออกร้านแล้วฉันควรมีเวลามากมายเพื่อเล่นกับแมวมิใช่หรือ? หรือที่ร้านควรจะมีเค้กและกาแฟเหลือในตอนเย็น และฉันควรจะได้แนะนำให้ลูกค้าซื้อไปทานที่บ้านมิใช่หรือ? แม้ว่าฉันจะเตรียมกล่องและแก้วเพื่อใส่เค้กและกาแฟสำหรับรับกลับบ้านไว้อย่างดีเพียงใด ทว่าทุกวันนี้ก็ไม่มีเค้กหรือกาแฟเหลือพอให้ลูกค้าสั่งกลับบ้านเลยแม้แต่ชิ้นเดียว นอกจากนี้ฉันยังยุ่งเกินกว่าจะแนะนำลูกค้าให้ซื้อกลับบ้านเสียด้วยซ้ำ

 

          ลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาในร้านอย่างต่อเนื่อง ฉันไม่มีเวลาว่างแม้แต่เดินไปลูบหัวแมวเสียด้วยซ้ำ ที่จริงแล้วก็ไม่มีแมวเฉียดมาในร้านแม้แต่ตัวเดียว

 

          สรุปคือ ฉันไม่มีเวลาแม้แต่จะพักผ่อนเสียด้วยซ้ำ!

 

          “ขอบคุณที่รอนะเจ้าคะ…”

 

          ฉันนำเค้กและกาแฟที่ยังเหลืออยู่ออกมา เช่นเดียวกับกาแฟมอคค่าสองแก้วบนโต๊ะ ลูกค้าคนหนึ่งที่นั่งอยู่เรียกหาฉัน

 

          “พูดถึงเรื่องนั้นแล้วก็… รอนย่า เมื่อไหร่เจ้าจะไปเยี่ยมร้านของข้า?”

 

          “อืม อาจเร็ว ๆ นี้ อย่างที่เห็น ร้านข้าค่อนข้างจะยุ่ง… ข้าขออภัยนะเจ้าคะ…”

 

          ฉันปฏิเสธข้อเสนอของลูกค้าคนที่เรียกหาฉันอย่างนุ่มนวล เขาคนนั้นคือผู้จัดการร้านอาหาร

 

 “ว้า… ถึงแม้ว่าข้าจะให้บริการเจ้าฟรีหนะหรือ”

 

          บอกแล้วไง… ฉันยุ่งขนาดนี้จะไปได้อย่างไร ขณะที่ฉันพยายามกลืนคำพูดเหล่านั้นลงไปแล้วส่งยิ้มให้อย่างผู้สูงศักดิ์ ทันใดนั้นฉันถูกเรียกหาจากลูกค้าท่านอื่น

 

          “มาที่ร้านขายเครื่องประดับสิ ข้าจะมอบส่วนลดให้แก่เจ้า โอ้แล้วก็ขอกาแฟอีกแก้วด้วย…”

 

          “ต้องขออภัย ช่วงนี้ข้ายังไม่มีความคิดที่จะซื้อเครื่องประดับเพิ่ม โปรดรอกาแฟอีกสักครู่นะเจ้าคะ”

 

          “นี่… รอนย่า ข้าเคยบอกว่าจะพาเจ้าเดินดูรอบเมือง เจ้าอยากจะไปตอนไหนหรือ? แล้วข้าขอแซนด์วิชเพิ่มอีกสักชิ้นได้หรือไม่?”

 

          “ขอบคุณสำหรับข้อเสนอที่แสนวิเศษนี้นะเจ้าคะ ทว่าช่วงนี้ข้าช่างยุ่งเหลือเกิน… และมันช่างยากเย็นที่จะหาเวลาว่างเพื่อออกไปเที่ยวเล่นรอบเมืองกับท่าน… ได้โปรดรอแซนด์วิชอีกสักครู่ ข้าจะไปเอามาให้นะเจ้าคะ”

 

          “ผู้จัดการรอนย่า ขอกาแฟลาเต้เพิ่มอีกสักถ้วย! และข้าขอนัดบอดเจ้าออกไปเที่ยวได้หรือไม่?”

 

          “หือ… ขออภัยที่บนรายการไม่มีอาหารชื่อนัดบอดอยู่ในนั้น ทว่าข้าจะไปชงกาแฟลาเต้ให้ท่านเดี๋ยวนี้เจ้าคะ”

 

          พวกเขาอยากโดนฉันสาดน้ำร้อนใส่หรืออย่างไร…

 

          นี่คือความคิดของฉันเมื่อต้องพบเจอกับปัญหาและต้องจัดการกับพวกลูกค้าหนุ่ม… ฉันเหนื่อยล้ากับเรื่องนี้เสียจริง

 

          ฉันรู้ว่าฉันมีเสน่ห์มากแค่ไหน ทว่าตั้งแต่ฉันหมั้นหมายกับชไนเดอร์จนถึงตอนนี้ ผู้ชายส่วนมากก็ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ฉันเลย

 

          แต่…

รีวิวผู้อ่าน