ที่จริงแล้ว การมีคนชื่นชอบเยอะเช่นนี้มันกลายเป็นปัญหาสำหรับฉัน… ฉันควรเสกคาถาเวทมนตร์เพื่อปลอมตัวทำงานดีหรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่ร้านเป็นเพศชาย และพวกเขามักจะนั่งอยู่รอบโต๊ะต้อนรับรวมถึงยืนล้อมโต๊ะพร้อมกับถือแก้วกาแฟไว้หนึ่งมือ ในขณะนั้นลูกค้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้ากำลังพยายามโน้มตัวมาหาฉัน ถึงแม้ว่าจะมีลูกค้าที่เป็นหญิงอยู่มากแต่ลูกค้าชายก็เยอะมากกว่าจนถึงขั้นล้นหลาม
หรืออาจเพราะว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่หญิงสาวอายุน้อยเปิดร้านกาแฟเพียงคนเดียว และฉันก็เชื่อว่าสถานการณ์เหล่านี้จะคลี่คลายโดยเร็ว
เมื่อฉันกลับเข้าไปที่ห้องครัว ฉันได้เริ่มเตรียมกาแฟ แซนด์วิช และลาเต้หนึ่งแก้ว อืม… จานและแก้วที่ยังไม่ได้ล้างกองเป็นภูเขา… ฉันจะต้องทำความสะอาดพวกมันเสียก่อนที่จะนำอาหารและเครื่องดื่มออกไปให้ลูกค้าด้านนอก
ในขณะที่ฉันคิดวางแผนและเรียงลำดับจัดการสิ่งของต่าง ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อฉันดังมาจากในร้าน
“รอนย่า!!!”
“เจ้าค่ะ… กำลังออกไปแล้ว!”
เป็นวันที่ยุ่งวุ่นวายมาก… มากจนตาของฉันเริ่มพร่ามัว
ถ้ายังยุ่งยากอยู่เช่นนี้ มันก็คงไม่ต่างอะไรกับช่วงชีวิตเก่าก่อนหน้าเลย สาเหตุที่ฉันเปิดร้านกาแฟก็เพราะต้องการชีวิตที่เงียบสงบ! ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ฉันจะต้องตายเพราะความเหนื่อยล้าเป็นแน่! ฉันต้องจัดการความเหนื่อยนี้ให้เร็วก่อนที่จะล้มป่วย!
เดี๋ยวทุกอย่างก็จบลง… อดทนอีกสักหน่อยฉันก็จะได้พักผ่อนแล้ว… เมื่อคิดย้อนไปในอดีตฉันเอาแต่ทำงานอย่างหนัก ทว่าเวลาก็มิได้ช่วยอันใด
การคาดหวังว่าสักวันตัวฉันจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมันช่างไร้ประโยชน์… ถ้าฉันไม่รีบเปลี่ยนแปลง ฉันคงจะต้องอดทนแบกรับทุกอย่างเหมือนในอดีต ทว่าฉันก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
ถ้าฉันแปะป้ายว่า ‘ห้ามจีบกันในร้านกาแฟแห่งนี้’ หรือเตือนพวกเขาโดยตรงเลยดีเล่า ทว่าถ้าฉันพูดอะไรที่ไม่ถูกใจพวกเขามันอาจส่งผลต่อความรู้สึกจนทำให้พวกเขาหยุดมาซื้อขนมและกาแฟที่ร้าน ฉันอาจขาดทุนได้ นี่ช่างเป็นปัญหาใหญ่เสียจริง ในขณะที่กำลังคิดทบทวนถึงความทนทุกข์ ฉันได้หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้านพร้อมถาดที่เต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่ลูกค้าสั่ง
“ขออภัยที่ให้ระ… รอ”
ร้านที่เคยเต็มไปด้วยลูกค้า ในตอนนี้ช่างว่างเปล่า ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของผู้คน ขนมและถ้วยกาแฟที่ยังไม่หมดถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ดวงตาของฉันเบิกตากว้างและได้เหลือบไปมองที่ประตูทางเข้า
เขาไม่ใช่คนธรรมดา
หัวของเขาคล้ายสุนัขจิ้งจอก ใบหูขนาดใหญ่เหยียดตรงพร้อมมีทรงหน้าแหลมออกมา ขนของเขาเป็นสีเขียวรับกับดวงตาสีเขียวเข้มมรกต แม้ว่าส่วนหัวจะเป็นสัตว์ แต่เขาก็ยืนสองขาเสมือมนุษย์ เขามีรูปร่างที่ไม่ได้ใหญ่ทว่าสูงกว่าฉันอยู่เล็กน้อย
เขาแต่งตัวด้วยชุดเครื่องแบบคล้ายทหารพร้อมเครื่องหมายสีเงินที่แขนเสื้อ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเอาไว้ภายในพร้อมเนคไทสีดำและสวมกาเกงสีน้ำตาลกับรองเท้าบูทยาวขึ้นมาถึงเข่า
เมื่อสังเกตรูปร่างลักษณะของเขาได้พักหนึ่ง ฉันก็สรุปได้ว่า
เขาเป็นอมนุษย์ (ครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ป่า)
ฉันพยายามลื้อฟื้นความรู้ที่เคยเรียนในสถาบัน ตำราเรียนได้เขียนไว้ว่าอมนุษย์มีความสามารถในการแปลงร่างตั้งแต่กำเนิด อมนุษย์สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ในส่วนหัวแล้วเดินด้วยสองเท้าเหมือนมนุษย์ หรือสามารถแปลงเป็นมนุษย์ก็ได้เช่นกัน ร่างกายของพวกเขาแข็งแรงเป็นพิเศษ รวดเร็วว่องไว และมีความทนทานไม่บาดเจ็บโดยง่าย ฉันเคยได้ยินว่าพวกเขาสามารถฉีกมนุษย์ขาดออกเป็นชิ้นได้อย่างง่ายดาย
ครั้งแรกที่เห็น ฉันไม่สามารถละสายตาจากหางปุกปุยสีเขียวที่แกว่งไปมาได้ ฉันจ้องเขาโดยสัญชาตญาณ
หางปุกปุยนั้น… ฉันอยากสัมผัสเสียจริง
ท่ามกลางความปรารถนา ฉันกลับมามีสติอีกครั้ง มันคงเป็นการหยาบคายถ้าจะยืนงงงวยอยู่เช่นนี้ ฉันจึงส่งยิ้มให้แก่เขา
“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ”
อมนุษย์ลูกครึ่งสุนัขจิ้งจอกจ้องเขม็งมองตรงมาที่ฉัน…