px

เรื่อง : เถ้าแก่ขั้นเทพ!
ตอนที่ 57-58


ตอนที่ 57 : ความทุกข์ของปู้หลี่เกื๋อ

         ลั่วฉวนที่อยู่หน้าประตูรับฟังเสียงอุทานดังออกจากในร้าน มุมปากยามนี้อดไม่ได้ที่จะโค้งเผยยิ้ม

         ชีวิตมันก็ต้องมีเรื่องราวให้ผาดโผนเช่นนี้

         “หรือว่าเถ้าแก่เป็นผู้สร้างโลกนี้เพื่อให้มาเล่นเป็นเกม?”

         ด้วยยืนอยู่บนทุ่งหญ้าไร้สุดสิ้น ปู้หลี่เกื๋อหันมองรอบด้านที่ไม่แตกต่างใดจากความเป็นจริง ภายในอดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดเช่นนั้นขึ้น

         ปู้ฉืออีก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ใบหน้างดงามนั้นเผยออกซึ่งความตื่นตะลึง

         “เตรียมตัว การโจมตีระลอกแรกจะมาแล้ว”

         เสียงของเหยาซือหยานดังถูกจังหวะ เป็นผลให้คนทั้งสองทราบก่อนจะเผลอตัวจนผิดพลาดไป

         เสียงหอนร้องของหมาป่ายามนี้ดังขึ้นกระทบโสดประสาท

         ร่างหมาป่าสีเทาขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ไม่ไกลห่างพร้อมพุ่งทะยานหา

         “บ้าฉิบ!”

         ปู้หลี่เกื๋อเกิดแตกตื่น

         แม้ทราบว่าเป็นเพียงแค่เกม แต่นี่มันเหมือนจริงเกินไป!

         ปู้หลี่เกื๋อคิดอยากโคจรพลังวิญญาณ ทว่าสีหน้าพลันต้องแปรเปลี่ยนอย่างมหาศาล

         เกมแห่งนี้ พลังวิญญาณไม่มีอยู่แต่อย่างใด

         หรือก็คือ ที่นี่เป็นได้ก็เพียงคนธรรมดา

         “ใจกล้าหน่อย นี่ก็แค่เกมไม่ใช่หรือ? นายน้อยผู้นี้จะหวาดเกรงเรื่องแค่นี้ได้อย่างไรกัน?”

         ความโกรธปะทุขึ้นภายในใจปู้หลี่เกื๋อ เมื่อครู่เขาคิดถอย ทว่าตอนนี้พุ่งทะยานออกแล้ว

         “อ๊าก!”

         เสียงกรีดร้องดังออก

         ปู้หลี่เกื๋อ สิ้นชีพ…

         อีกทางหนึ่ง ปู้ฉืออีได้ร้องอุทานดังออกด้วยเวลาไม่ห่างกันเท่าใดนัก

         นางสังหารหมาป่ายักษ์ตัวแรกที่ปรากฏได้แล้ว แต่กลับต้องถูกปิดล้อมและสังหารโดยหมาป่ายักษ์ถึงสามตัวที่ปรากฏในอีกระลอก

         ทั้งสองถอดหมวกโลหะออก สีหน้าที่เผยคือซีดเผือด

         แม้เป็นเพียงเกม กระนั้นความหวาดกลัวต่อความตายคือของจริง

         “รู้สึกอย่างไรกันบ้าง?” เหยาซือหยานเผยยิ้ม

         “ไม่เห็นจะต่างอะไรกับของจริง!” ปู้หลี่เกื๋ออุทานร้อง “พี่ซือหยาน นี่มันแค่เกมงั้นหรือ?”

         เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “แน่นอน คำนี้เถ้าแก่กล่าวเอง นอกจากนี้แล้วเมื่อตายภายในเกมก็จะฟื้นคืนชีพได้ เช่นนี้ยังมีอันใดต้องกลัว?”

         ปู้หลี่เกื๋อเผยสีหน้าอับจนไม่ทราบว่าควรตอบอย่างไร

         กลัวอะไรอย่างนั้นหรือ?

         กล่าวนั้นง่าย ทว่าทำสิยาก ไม่ว่าใครต่างก็กลัวตายกันทั้งนั้น

         ปู้ฉืออีขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเริ่มครุ่นคิด “เหมือนว่าพอจะเข้าใจบทบาทของเกมนี้บ้างแล้ว ไม่เพียงแต่ให้เผชิญหน้ากับอันตรายถึงตาย แต่ยังทำให้พวกเรารับรู้ถึงขีดจำกัดและฝ่ามันไปให้ได้”

         “นานมาแล้ว ข้าคิดว่าตราบเท่าที่ขอบเขตพลังสูงขึ้น กำลังก็ยิ่งสูง แต่เมื่อใดสูญเสียพลังวิญญาณหมดสิ้นเช่นในเกม จึงทำให้ได้ตระหนักว่าตนเองยังขาดแคลนการควบคุมตนเองเพียงใด”

         รอยยิ้มจึงปรากฏที่ใบหน้าเหยาซือหยาน นางทราบเรื่องนี้ดี

         “หลี่เกื๋อ เข้าเกมต่อ ข้าคิดอยากได้เห็นว่าผ่านพ้นชั้นแรกแล้วเป็นอย่างไร!”

         จิตวิญญาณการต่อสู้ฉายชัดผ่านดวงตาของปู้ฉืออี

         ปู้ฉืออีไม่เพียงแต่เป็นยอดอัจฉริยะ ทว่ายังเป็นคนไม่พูดมากและลงมือทำจริง ไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางที่นางจะนำหน้ารุ่นเดียวกันของนครจิ่วเหยาแห่งนี้ได้

         “พี่หญิง หากท่านคิดอยากเล่น เช่นนั้นท่านเล่น อย่าได้ลากข้าไปด้วยแล้ว!” ปู้หลี่เกื๋อร้องออกยามได้ทราบคำของปู้ฉืออี

         “เจ้าก้าวหน้าจากขอบเขตจิตวิญญาณระดับที่แปดสู่ขอบเขตโชคชะตาได้โดยตรง แม้ขอบเขตพลังสูงขึ้น กระนั้นพื้นฐานยังอ่อนแอกว่าผู้ฝึกตนที่ก้าวหน้าถึงขอบเขตโชคชะตาด้วยตนเองทีละก้าว เรื่องนี้จำเป็นต้องขัดเกลาครั้งแล้วครั้งเล่า และนี่ถือเป็นโอกาสอันดี” นางเผยรอยยิ้มงดงามออก

         กระนั้นในสายตาปู้หลี่เกื๋อ รอยยิ้มนี้ไม่ต่างอะไรกับนางมาร

         “ไม่เล่น…”

         ปู้ฉืออีบังคับสวมใส่หมวกโลหะ ปู้หลี่เกื๋อจึงต้องส่งเสียงร้องคร่ำครวญเสียงดัง

 

 

 

ตอนที่ 58 : ศิษย์สถาบันวิญญาณเมฆา

         บนถนนแห่งหนึ่งในนครจิ่วเหยา สองสตรีเยาว์วัยสวมใส่ชุดหรูหราก้าวเดินเคียงข้างกัน

         จากท่าทีซึ่งเผยออก เพียงมองก็ทราบว่าแตกต่างจากผู้ฝึกตนธรรมดาเช่นไรบ้าง

         แน่นอนว่าสตรีทั้งยังนี้เดินไปตามเส้นทาง ย่อมเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน และมันทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหลายคิดเข้าหา

         กระนั้นเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์เมฆสีขาวบนอกเสื้อ ความคิดเหล่านั้นจึงต้องสลายหาย

         อีกฝ่ายเป็นคนของสถาบันวิญญาณเมฆา เหล่านี้ไม่อาจตอแยด้วยได้

         “ซีเอ๋อ พวกเราออกมาข้างนอกเช่นนี้ไม่ชวนอึดอัดไปหน่อยหรือ? อาจารย์กล่าวว่านครจิ่วเหยามีแต่มังกรซ่อนเร้นพยัคฆ์พลางกาย ไม่นานมานี้กระทั่งมียอดฝีมือลึกลับที่สังหารภาพฉายจิตวิญญาณขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุดได้!”

         “ยังจะมีอันใดให้หวาดกลัว อาจารย์กล่าวว่าพวกเราสามารถไปมาในนครจิ่วเหยาได้ตราบเท่าที่ไม่ก่อเรื่อง วันนี้ทางสถาบันเพียงรวมตัว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสให้ออกมาเที่ยวเล่นได้ ตอนนี้ที่ต้องทำคือผ่อนคลาย!”

         บทสนทนาของสองสาวมาพร้อมเสียงหัวเราะดังไปตามเส้นทาง

         สตรีทั้งสองนามว่ากู่หยุนซี และเจียงเหวิ่นฉาง ตัวตนของทั้งสองไม่ใช่ธรรมดา

         กู่หยุนซีคือองค์หญิงแห่งจักรวรรดิหลงฉู่ กำลังของจักรวรรดิหลงฉู่นั้นเหนือล้ำยิ่งกว่าจักรวรรดิเทียนชิง

         เจียงเหวิ่นฉางคือธิดาคนสุดท้องของตระกูลเจียง ด้วยมีพี่ชายถึงเก้าคน ดังนั้นนางจึงเปรียบดังไข่มุกเม็ดเอก

         ตระกูลเจียงตกทอดมาเป็นเวลายาวนานหลายพันปี ดังนั้นชื่อเสียงในทวีปเทียนหลันจึงไม่อ่อนด้อย

         กู่หยุนซีและเจียงเหวิ่นฉางต่างพูดคุยกันพลางหัวเราะเดินไป ระหว่างทางยังพบวัตถุน่าสนใจ จากนั้นจึงซื้อหาสิ่งของและเก็บไว้ในแหวนมิติ

         ผู้ค้าต่างยิ้มแย้ม ลูกค้ามั่งมีเช่นนี้ไม่ได้ปรากฏตัวบ่อย

         “หือ? ซีเอ๋อ ที่นี่ถึงกับมีร้านด้วย!” เจียงเหวิ่นฉางพบเห็นอะไรเข้าจึงเผยสีหน้าประหลาดใจ

         กู่หยุนซีมองตามสายตาเจียงเหวิ่นฉาง รอยยิ้มจึงเผยที่ใบหน้า

         “ไม่นึกเลยว่าจะมีคนมาเปิดร้านในสถานที่ไกลห่างเช่นนี้ด้วย”

         “นั่นเถ้าแก่ร้านกระมัง?” เจียงลั่งฉางกล่าวออก นิ้วนั้นชี้ไปยังลั่วฉวนที่นอนบนม้านั่งหน้าร้าน

         “น่าจะเป็นเช่นนั้น” กู่หยุนซีพยักหน้ารับ “ไปรับชมกันดีกว่า”

         ถัดจากนั้น นางจึงดึงเจียงเหวิ่นฉางเดินไปโดยไม่สนคำตอบ

         “เดี๋ยวสิ ช้าลงหน่อย ซีเอ๋อ นี่เจ้าเร่งรีบอันใด…”

         แสงแดดที่เบื้องหน้าถูกขวางไว้ ลั่วฉวนจึงต้องลืมตาตื่น

         “เถ้าแก่ร้านแห่งนี้หรือเปล่า?”

         เสียงอ่อนนุ่มกล่าวถาม

         ที่พบเห็นเบื้องหน้า คือสตรียังเยาว์โฉมงาม

         ที่ร่างกายนั้นเผยซึ่งบรรยากาศความร่ำรวยอย่างไม่อาจปิดได้มิด

         ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้สร้างความสะท้านสะเทือนใดแก่ลั่วฉวน

         ลั่วฉวนจึงพยักหน้ารับ “ใช่ เป็นเถ้าแก่ร้านนี้เอง”

         “ร้านต้นตำรับ ชื่อนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เถ้าแก่ช่างห้าวหาญนักถึงกับใช้คำต้นตำรับ”

         เจียงเหวิ่นฉางหันมองทางป้ายร้านก่อนจะอดไม่ได้จนถอนหายใจออก

         “เถ้าแก่คงยุ่งอยู่ อย่างนั้นขอพวกเราเข้าไปรับชมร้านด้วยตนเองแล้วกัน”

         กู่หยุนซีกล่าวจบจึงดึงเจียงเหวิ่นฉางเข้าในร้าน

         ยุ่งหรือ? เถ้าแก่ที่นอนอาบแดดเช่นนี้มีอันใดยุ่ง?

         เจียงเหวิ่นฉางอดไม่ได้ที่จะเกิดคำถามขึ้นภายใน

         ขณะนี้เองที่คนทั้งสองเข้าสู่ด้านในร้าน

         ลั่วฉวนนิ่งงันไปครู่ เด็กสาวพูดเองเข้าใจเองเช่นนี้หาได้ไม่ง่าย

         กระนั้นหากเป็นลูกค้าเขาก็ยินดี ขณะนี้จึงกลับไปนอนอาบแดดเช่นเดิมต่อ

         อย่างไรเหยาซือหยานก็รับผิดชอบดูแลร้าน ทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยอีก เช่นนั้นยังจะมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น?

         “โอ้!”

         เมื่อเข้ามาภายในร้าน พบเห็นของประดับตกแต่งภายใน เจียงเหวิ่นฉางและกู่หยุนซีจึงเผยดวงตาเบิกกว้างหันมองรอบ

         “คงต้องเปลี่ยนความคิดต่อร้านแห่งนี้เสียแล้ว” เจียงเหวิ่นฉางดึงสติกลับคืนได้ สีหน้าขณะนี้เผยความจริงจัง “แม้เป็นตระกูลเจียงก็ยังไม่อาจมีเครื่องแก้วมากมายเพื่อแสดงความร่ำรวยเช่นนี้ได้ น่าเหลือเชื่อนัก”

         กู่หยุนซีพยักหน้าเห็นพ้องด้วย

 

 

 

……

 

 ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V

รีวิวผู้อ่าน