px

เรื่อง : เถ้าแก่ขั้นเทพ!
ตอนที่ 67-68


ตอนที่ 67 : เถ้าแก่ผู้ติดเกม

         “เถ้าแก่แข็งแกร่งเพียงนี้ แต่ยังเล่นเกมหอคอยแห่งการทดสอบอย่างหนักหนา น่าชื่นชมนัก!”

         ด้วยรับชมลั่วฉวนในจอภาพ เหยาซือหยานอดไม่ได้ที่จะเผยความชื่นชม

         นางยังจดจำคำกล่าวก่อนหน้านี้ของลั่วฉวนได้ ‘หนทางแห่งการฝึกฝน ขอบเขตราชันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ทวีปเทียนหลันก็เป็นดังดวงดาวที่อยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่’

         ตอนนี้นางค่อยได้คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง

         จักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล จะมีเพียงแต่โลกอย่างทวีปเทียนหลันงั้นหรือที่มีสิ่งมีชีวิต?

         ด้วยเหตุนี้เหยาซือหยานจึงเลือกเข้าหอคอยแห่งการทดสอบด้วยเก้าอี้ใกล้กับลั่วฉวน

         แฮ่ก…

         ลั่วฉวนเหนื่อยหอบ ร่างกายมีแต่บาดแผล

         กระนั้นในสายตาของเขา มันเผยซึ่งความตื่นเต้น

         ที่ตรงหน้า มีสองตัวละครที่ต้องตา

         ผ่านแล้ว!

         ลั่วฉวนขณะนี้ได้ใช้ขอบเขตหลอมกายระดับสูงสุดพร้อมหอกยาวในมือเพื่อเล่นเกม

         อย่างไรเมื่อเดือนที่ผ่านมา ลั่วฉวนก็เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยทั่วไปที่มีชีวิตอันสุขสงบดี

         ตอนนี้ที่ทำได้คือกัดฟันก้าวเดินไปทีละก้าว ลั่วฉวนทราบเรื่องนี้ดีแก่ใจ

         ที่ภายนอกนั้นมีคำอำนวยพรหรือบัพไร้เทียมทานโดยระบบภายในระยะสิบกิโลเมตรจากร้านค้า ดังนั้นลั่วฉวนจึงไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด

         แต่ก็ต้องกล่าว ว่าตัวเขาไม่อาจคงอยู่แต่ในร้านน้อยแห่งนี้ไปได้ตลอดทั้งชีวิต

         ลั่วฉวนคิดอยากไปเผชิญโลกกว้างที่ภายนอก…

         แม้ว่าลั่วฉวนสามารถผ่านโหมดง่ายของชั้นแรกที่หอคอยแห่งการทดสอบมาได้

         แต่เขาก็ทราบดีว่าเป็นเพราะระดับการฝึกฝนและอาวุธ

         ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้!

         “อีกรอบ!”

         ดวงตาของลั่วฉวนเผยความกระหายพร้อมตัดสินใจเล่นต่อ

         ครั้งนี้ระดับการฝึกฝนลดลงหนึ่งระดับ เป็นขอบเขตหลอมกายระดับที่เก้า และอาวุธนั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแต่อย่างใด

         ภาพที่ปรากฏตรงหน้าสว่างวูบ โลกได้กลับคืนสภาพเดิม ร่างกายลั่วฉวนกลับคืนสู่สภาวะพร้อมอย่างเต็มที่อีกครั้ง

         สัตว์อสูรปรากฏตัว ลั่วฉวนถืออาวุธในมือกระชับพุ่งทะยานออก

         การป้องกันที่ดีที่สุดคือโจมตี!

……

         ถัดจากนั้นไม่นาน คณะทหารรับจ้างของโจวหู่จึงมาเยือนร้าน

         พวกเขาเหล่านี้มาเพื่อเตรียมตัวบุกเข้าเทือกเขาจิ่วเหยาทำภารกิจ ดังนั้นจึงมาเยือนร้านต้นตำรับเพื่อเตรียมซื้อหาแท่งเครื่องเทศและโคล่าเผื่อกรณีจำเป็น

         กลุ่มคนต่างเกิดข้อสงสัย ว่าเกมใหม่ในร้านนี้คืออะไร ดังนั้นจึงคิดทดลองเล่น

         แน่นอนว่าเมื่อทราบเรื่องหอคอยแห่งการทดสอบสามารถเพิ่มพูนการฝึกฝน พวกเขาจึงยิ่งตื่นตะลึง

         “ไม่นึกเลยว่าเกมเช่นนี้ถึงกับเพิ่มการฝึกฝนให้ได้!” โจวหู่เผยสีหน้าว่าเรื่องราวเหลือเชื่อออกมา

         อีกคนหนึ่งจึงพยักหน้า “เถ้าแก่ช่างยอดเยี่ยมนัก!”

         กลุ่มคนเห็นพ้อง พวกเขากำลังรับชมลั่วฉวนที่ต่อสู้อยู่ภายในเกม

         ลั่วฉวนยังไม่ขยับไปไหน

         และก็เป็นเช่นนั้นอย่างที่ทุกคนไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไรต่อ

         จนสุดท้ายทุกคนต้องพูดกล่าวกันพักหนึ่งพร้อมกล่าวลาเหยาซือหยาน

         เวลาไหลผ่าน กลางวันได้ผ่านพ้นราวพริบตา

         เมื่อลั่วฉวนออกจากหอคอยแห่งการทดสอบ ก็พบว่าพระอาทิตย์ใกล้ลาลับฟ้าแล้ว

         “เย็นขนาดนี้แล้วหรือ?”

         ลั่วฉวนหันมองทางท้องฟ้าด้วยความตระหนก

         ในหอคอยแห่งการทดสอบ เขาเล่นเกมอย่างแทบไม่รู้เวลาโลกภายนอก

         มันคล้ายกับพรสวรรค์อย่างหนึ่ง ระยะเวลาหนึ่งวันถึงกับสั้นอย่างไม่น่าเชื่อ ประสบการต่อสู้ของลั่วฉวนขณะนี้เติบโตขึ้นมาก จากมือใหม่ที่ไม่ทราบอะไรเลยจนกระทั่งเชี่ยวชาญการต่อสู้สารพัดชนิด

         อย่างไรแล้ว มันก็เป็นผลจากการที่ตายนับร้อยครั้งในหอคอยแห่งการทดสอบ

         ไม่เกินเลยนักที่จะกล่าว ว่าเขาคือผู้ผ่านความเป็นความตายมานับร้อยศึก

 

 

 

ตอนที่ 68 : ไปหาอะไรกิน

         ด้วยฐานะเถ้าแก่ร้าน ลั่วฉวนจึงไม่มีข้อจำกัดแต่อย่างใด ดังนั้นจึงเล่นกี่ชั่วโมงย่อมทำได้

         แน่นอนว่าเหยาซือหยานที่เป็นเสมียนร้านก็เช่นกัน

         นางเข้าเล่นหอคอยแห่งการทดสอบโดยตลอดช่วงเวลาที่ไม่มีลูกค้า

         แต่นางไม่ได้ปิดการรับรู้โลกภายนอกเหมือนอย่างลั่วฉวน

         “ช่างมันไปก่อน หาอะไรกินดีกว่า!” ลั่วฉวนถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจไปหาอะไรรับประทาน

         “เถ้าแก่ ขอข้าไปด้วยได้หรือไม่?” เหยาซือหยานกล่าวถาม

         ด้วยอยู่แต่ในร้านมานานแล้ว กล่าวตามตรง เหยาซือหยานค่อนข้างเบื่อหน่ายไม่น้อย

         ลั่วฉวนไม่คิดอันใดมากพร้อมพยักหน้ารับ “ได้ ไปกัน”

         เช่นนี้ทั้งสองจึงออกจากร้านต้นตำรับพร้อมกันและเดินออกไปจากตรอก

         ช่วงเย็นถือเป็นเวลาคึกคักของนครจิ่วเหยา

         ทันทีเมื่อคนทั้งสองเดินออกจากในตรอก ภายนอกที่ได้พบคือเสียงอึกทึกความจอแจ

         ลั่วฉวนพาเหยาซือหยานเดินไปยังร้านที่มาหาอะไรทานเป็นประจำ

         ลั่วฉวนไม่คิดอะไรมาก เหยาซือหยานก็หาได้สนใจสายตาผู้อื่นที่มองมา

         คนทั้งสองไม่ทราบว่าสร้างความตื่นตกใจแก่ผู้อื่นกันเพียงใด

         อย่างไรแล้วเหยาซือหยานก็กล่าวได้ว่าเป็นมนุษย์โฉมงามล่มเมืองผู้หนึ่ง

         “ร้านนี้”

         ลั่วฉวนหยุดยืนที่หน้าร้าน

         เบื้องหน้าคืออาคารที่กินพื้นที่นับร้อยเมตร

         อาคารนี้แบ่งออกเป็นสามชั้น มันเผยออกซึ่งบรรยากาศความวิจิตรและงดงาม

         ที่ประตูร้าน จะพบเห็นผู้คนสวมใส่ชุดหรูหราเดินเข้าออกมากมาย

         ด้านบนมีป้ายอักษรขนาดใหญ่เขียนไว้ “ภัตตาคารเซียนวิหคอมตะ”

         ที่แห่งนี้คือภัตตาคารอันดับหนึ่งแห่งนครจิ่วเหยาที่เจียงเฉิงจวินกล่าวถึง!

         กับผู้ซึ่งสามารถรับประทานอาหารที่นี่ได้ อย่างน้อยก็ต้องร่ำรวยไม่ใช่น้อย

         ร้านของลั่วฉวนเพียงห่างจากภัตตาคารแห่งนี้ไม่กี่ร้อยเมตร

         “โฉมงามโดยแท้ ประหนึ่งภูติในแดนดิน!”

         “ศิษย์น้องหญิงรับชมทางด้านนั้น สตรีผู้นั้นงดงามนัก!”

         “โฮ่ ศิษย์พี่ ยังจะมีผู้ใดงดงามกว่าข้าอีกหรือ?”

         “อืม… ศิษย์น้องหญิงสมควรต้องตั้งคำถามแล้ว!”

         “ฮึ่ย! ศิษย์พี่ เป็นท่านไม่รักข้าแล้วจึงกล่าวเช่นนี้…”

         ขณะลั่วฉวนและเหยาซือหยานเดินเข้าไปในภัตตาคารเซียนวิหคอมตะ เสียงกระซิบก็ดังตามหลังไม่ขาด

         แน่นอนว่า ทุกการสนทนาเป็นการกล่าวถึงเหยาซือหยาน

         ส่วนลั่วฉวนนั้นไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุ…

         มันก็เหมือนดาวในฟากฟ้ายามค่ำคืนกับดวงจันทร์ ดวงดาวอย่างไรก็หม่นแสงกว่า

         นับเป็นโชคดีที่ลั่วฉวนไม่สนใจเรื่องราวเหล่านี้ และเหยาซือหยานคือผู้ซึ่งเป็นราชวงศ์สัตว์อสูร ดังนั้นจึงไม่คิดสนใจเรื่องราวของโลกผู้ฝึกตนมนุษย์

         ทั้งสองถูกนำไปยังที่นั่ง จากนั้นเสียงบรรยากาศการรับประทานในภัตตาคารแห่งนี้ค่อยทำให้บรรยากาศเงียบสงบลง

         แต่กระนั้นสายตาส่วนใหญ่ก็ยังจับจ้องมาทางเหยาซือหยาน

         อีกทางหนึ่ง สายตาส่วนใหญ่ก็มองมาทางลั่วฉวนด้วยความริษยาด้วยเช่นกัน

         ไฉนบุรุษเช่นนี้มีสตรีโฉมงามเคียงข้างได้?

         อีกฝ่ายก็ไม่ใช่หล่อเหลาขนาดนั้นไม่ใช่หรือ?

         หรือนี่แท้จริงคือหล่อเหลาแล้ว?

         หากลั่วฉวนทราบความคิด เขาคงจะตอบกลับไปอย่างเฉยเมยว่า ‘ใช่ นี่แหละหล่อเลิศล้ำค้ำปฐพีแล้ว’

         “แขกผู้ทรงเกียรติ ท่านต้องการรับอันใดดีขอรับ?”

         ทั้งสองเมื่อนั่งเรียบร้อย บริกรจึงเร่งรีบเดินเข้ามาต้อนรับ

         “ทางร้านมีอาหารแนะนำอะไรบ้าง?” ลั่วฉวนกล่าวถาม

         นี่เป็นครั้งแรกที่มารับประทานอาหารเย็นพร้อมเสมียนร้าน ดังนั้นต้องเผยความใจกว้าง

         นั่นคือสิ่งที่ลั่วฉวนคิด

         ในช่วงที่ผ่านมา ผลประกอบการของร้านต้นตำรับไม่ใช่เล็กน้อย

         หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ลั่วฉวนได้รับส่วนแบ่งจากหุ้นส่วนโดยระบบมาไม่ใช่น้อย

         และร้านยังเลื่อนขึ้นเป็นระดับที่สอง ผลึกวิญญาณที่ต้องใช้สู่ระดับที่สามยังอีกไกล ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นช่วงที่ควรเก็บออมไว้บ้าง

         แต่คิดใช้บ้างย่อมไม่เสียหายอะไร

         ตอนนี้เป้าหมายของเขาคือห้าพันผลึกวิญญาณ

         “อาหารจานแนะนำของทางร้านเรานามว่า เก้าวิหคอมตะสวรรค์ร่ายรำ วัตถุดิบหลักคือสัตว์อสูรระดับคืนต้นกำเนิด และผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้มาจากเทือกเขาจิ่วเหยาขอรับ”

         ขณะเสี่ยวเอ้อกล่าวคำแนะนำอาหาร สีหน้านั้นเผยซึ่งความภาคภูมิ

         ลั่วฉวนพยักหน้ารับโดยไม่คิดกล่าวถามราคา “ตกลงตามนั้น นอกจากนี้ขอจานอื่นที่ขึ้นชื่อของทางร้านมาด้วย”

 

……

 

 ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V

รีวิวผู้อ่าน