px

เรื่อง : เถ้าแก่ขั้นเทพ!
ตอนที่ 69-70


ตอนที่ 69 : บุรุษร่ำรวยผู้ชั่วช้า

         เสี่ยวเอ้อพยักหน้ารับอีกครั้งพร้อมเผยยิ้มประดับใบหน้า “รับทราบขอรับ ทางเราจะรีบปรุงอาหารให้ท่านโดยเร็ว”

         เขาได้ทราบว่าพบเจอลูกค้ารายใหญ่เข้าให้แล้ว

         ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้ารีรอ ฝีเท้าเร่งรีบก้าวเดินกลับเข้าในครัว

         “อันที่จริง ไม่ต้องสั่งมาหลายจานก็ได้” เหยาซือหยานกล่าวกระซิบ

         ลั่วฉวนส่ายศีรษะเผยคำจริงจัง “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเชิญมาร่วมทานอาหารเย็น ดังนั้นจะให้เหมือนปกติธรรมดาได้อย่างไร?”

         บรรดาผู้มารับประทานอาหารเมื่อได้ยินลั่วฉวนสั่ง สายตาพลันต้องหันมองมาด้วยความริษยา ทั้งยังมีอารมณ์อื่นเจือปน

         นี่มันหยามกันเกินไปแล้ว!

         เป็นคนรวยแล้วยังชั่วช้า!

         เก้าวิหคอมตะสวรรค์ร่ายรำ เพียงหนึ่งจานก็ราคาสามพันผลึกวิญญาณแล้ว!

         ทั้งยังมีอาหารขึ้นชื่อจานอื่นอีก…

         หรือก็คือ อาหารมื้อนี้มูลค่ามันแทบจะกว่าห้าพันผลึกวิญญาณ!

         แน่นอนว่าความคุ้มค่าของอาหารก็สมกับราคา

         อย่างไรแล้วก็เป็นเนื้อสัตว์อสูรระดับคืนต้นกำเนิด เมื่อใดกินเข้าไป เช่นนั้นการรับรู้ถึงพลังฟ้าดินย่อมเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลาชั่วครู่

         กล่าวโดยง่าย มันคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคุณภาพต่ำเตี้ย…

         เป็นที่ทราบกันว่ายอดฝีมือส่วนใหญ่ย่อมต้องมีแนวทางการฝึกฝนแตกต่างกันไป

         กับยอดฝีมือที่ร่ำรวย เช่นนั้นพวกเขาอาจเลือกกินอาหารอันหรูหราเช่นนี้

         และแน่นอนว่า… ลั่วฉวนไม่ทราบ…

         “ท่านพ่อคิดอะไรอยู่กัน ก็แค่ผู้ฝึกตนมีฝีมือไม่กี่คนไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังต้องระแวดระวังเพียงนี้? นี่ยังไม่กล่าวว่าให้ข้าอยู่แต่ในวังมาเนิ่นนาน!”

         ที่ไกลห่างออกไปเล็กน้อย มีเสียงไม่พอใจดังขึ้น

         “ฝ่าบาท พลังของผู้ฝึกตนในป่าเขานั้นไม่อาจปรามาส พวกเขาต่างมาที่นี่ก็เพราะโบราณสถานในเทือกเขาจิ่วเหยา ถึงตอนนั้นจะยิ่งมีคนมามาก”

         เสียงก่อนหน้านี้เผยออกซึ่งความเหยียดหยันไม่คิดรับฟัง

         เสียงนี้ดังจากที่ไกลและค่อยเข้ามาใกล้ ไม่ช้าชายหนุ่มสองคนในชุดหรูหราจึงเดินเข้ามาในภัตตาคาร

         ร่างกายนั้นประดับประดาและเผยซึ่งความหรูหราที่บ่งบอกถึงสถานะอันสูงส่ง

         “เสี่ยวเอ้อ เร่งรีบนำท่านชายสู่ห้องส่วนตัว!” เสียงหนึ่งดังขึ้น

         “ขอรับ ขอรับ! คุณชายหลี่และฝ่าบาทขอเรียนเชิญทานด้านนี้!” เสี่ยวเอ้อเร่งรีบโค้งกายเดินเข้าไปหา

         เห็นได้ชัดว่าทั้งสองไม่ใช่เพิ่งมาเยือนภัตตาคารแห่งนี้เป็นครั้งแรก และเสี่ยวเอ้อก็คล้ายรู้จักอีกฝ่ายดี

         ท่ามกลางผู้มาร่วมรับประทานมื้อค่ำ มีผู้ฝึกตนมากมายที่เพิ่งมาถึงนครจิ่วเหยา พวกเขาต่างรับชมด้วยความสงสัย

         “สองคนนั้นเป็นใคร? คล้ายว่ามีสถานะตัวตนไม่ธรรมดา!”

         “คงเพิ่งมาถึงนครจิ่วเหยาละสิ ไม่ทราบงั้นหรือ? ที่นำหน้าคือองค์ชายสอง และที่ตามหลังคือหลี่มู่ บุตรแห่งขุนนางขวา”

         “เหอะเหอะ ต้องกล่าวเลยว่าเรื่องราวมีมากมาย สองคนนี้อาศัยตัวตนไปไม่ใช่น้อย ไม่ทราบว่าก่อเรื่องในนครจิ่วเหยาไปมากน้อยเพียงใดแล้ว”

         “ว่าอะไร?! ไม่สนหน้าว่าเป็นผู้ใดเลยงั้นหรือ?”

         “ผู้ใดห้ามปรามได้? บุตรแห่งจักรพรรดิ เป็นบุตรอันชอบธรรม เกรงว่าอย่ายุ่งด้วยจะมีชีวิตยืนยาวกว่า”

         “เดี๋ยว! เหมือนว่าจะมีเรื่องสนุกให้ได้รับชมกันแล้ว…”

         ลั่วฉวนเพียงมองสองคนที่เพิ่งเข้ามาด้วยความสงสัย

         อย่างไรแล้ว คนทั้งสองก็มาพร้อมกลิ่นเครื่องดื่มมึนเมาที่เตะจมูก

         ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าใดนัก

         สำหรับเหยาซือหยาน นางเพียงนั่งเงียบเคียงข้างลั่วฉวน

         ลั่วฉวนและเหยาซือหยานกล่าวได้ว่าถ่อมตัวอย่างดี แต่ไม่ใช่หมายความถึงผู้อื่นจะเมินเฉย เพราะเหยาซือหยานดึงดูดผู้คนให้สนใจได้นับไม่ถ้วน

         จี้เทียนเฮามองผู้มาทานมื้อค่ำโดยรอบก่อนจะแค่นเสียงเหยียดหยัน

         เขามักมองเหยียดหยามต่อผู้ฝึกตนทั่วไปมาโดยตลอด

         ผู้คนเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนเดินตลาดสด มีหรือจะมีเทียบเคียงบุตรแห่งจักรพรรดิเทียนชิงได้

         ด้วยสายตาหันมองรอบ ทันใดนี้พลันได้พบกับสิ่งต้องตาเข้า

         หลี่มู่ที่อยู่ข้างกายก็เป็นเช่นเดียวกัน สายตานั้นจับจ้องมองตรง

         จี้เทียนเฮากล้าสาบาน ว่าตนไม่เคยได้พบเจอโฉมงามเช่นนี้ตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมา

         เพียงแค่รับชมนาง มันก็ทำให้ผู้คนต้องทำหัวใจหล่นออกมานอกกายได้แล้ว

 

 

 

ตอนที่ 70 : คล้ายเคยเกิดขึ้น

         ดวงตาสีม่วงงดงามนั้นประหนึ่งดวงดาวเฉิดฉาย เส้นผมสีม่วงยาวยิ่งเสริมเสน่ห์ให้น่าค้นหา

         สตรีผู้นี้งดงามขนาดที่ไม่เคยพบเห็นในโลกปุถุชน!

         และสตรีผู้นี้ หากเป็นบุรุษต้องคว้าไว้ในกำมือ!

         ในใจของจี้เทียนเฮา เขาเพียงแต่คิดเช่นนี้

         หลี่มู่ที่อยู่ข้างกายก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สายตานั้นเอาแต่จับจ้อง

         จี้เทียนเฮากระชับเสื้อก่อนจะเดินไปทางลั่วฉวน

         หลี่มู่ดึงสติกลับคืนพร้อมรีบตามติด

         แม้เป็นสหายต่อกัน แต่เรื่องนี้เป็นใครดีใครได้

         เขาทราบว่าโฉมงามเช่นนี้ต้องไม่ปล่อยให้หลุดมือ

         พบเห็นจี้เทียนเฮาเดินเข้ามาใกล้ คิ้วของเหยาซือหยานจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดเล็กน้อย

         แม้นางขณะนี้เป็นเสมียนประจำร้านลั่วฉวน แต่เดิมนางคือยอดฝีมือขอบเขตราชัน และเป็นอันดับหนึ่งเทียบอันดับมือสังหาร

         หากคิดเกี้ยวพาราสีต่อเหยาซือหยานอย่างไม่รู้ความเพราะรูปลักษณ์ ก็เกรงว่าจะไม่ทราบแล้วว่าตกตายได้เช่นไร

         และก็เห็นได้ชัด ว่าจี้เทียนเฮาไม่ทราบเรื่องราวแม้แต่น้อย

         สายตานั้นมองเพียงแต่เหยาซือหยาน จี้เทียนเฮาฉีกยิ้มขณะคิดก่อนจะกล่าวคำเกี้ยวพา “สตรีผู้งดงาม ขอข้าเชิญไปร่วมดื่มที่ชั้นบนด้วยได้หรือไม่?”

         ส่วนลั่วฉวนที่นั่งอยู่ เขาเมินเฉยราวพบเห็นเป็นอากาศธาตุ

         ลั่วฉวนคือลูกค้ารายใหญ่ของภัตตาคาร และจี้เทียนเฮาก็กำลังเข้ามาหาเรื่อง

         หากเกิดข้อพิพาทขึ้นที่นี่ สุดท้ายแล้วผู้เจ็บช้ำย่อมเป็นทางภัตตาคาร

         “กราบเรียนฝ่าบาท ท่านต้องการไปนั่งพักที่ห้องส่วนตัวชั้นบนก่อนหรือไม่ขอรับ?”

         เสี่ยวเอ้อกลืนน้ำลายดึงเอาความกล้าเข้ามากล่าว

         ลั่วฉวนอย่างไรก็เป็นผู้ร่ำรวย เสี่ยวเอ้อรู้สึกว่าอีกฝ่ายสมควรมีทางต้านรับบ้าง

         “ไปให้พ้น!”

         จี้เทียนเฮาที่เมาได้ที่จึงเตะส่งเสี่ยวเอ้อกระเด็นไปไกล

         หลี่มู่ทราบดีว่าตอนนี้ตนไม่อาจเข้าไปยุ่ง

         เหยาซือหยานเผยใบหน้าเย็นเยือกและไม่กล่าวคำใด

         หลี่มู่กระแอมไอพลางชี้ไปทางจี้เทียนเฮาที่อยู่ข้างกายและจึงกล่าว “ผู้นี้คือจี้เทียนเฮา องค์ชายลำดับที่สองแห่งจักรวรรดิเทียนชิง หากเลือกติดตาม เช่นนั้นย่อมก้าวทะยานสู่ฟากฟ้าได้เพียงหนึ่งก้าว หากเลือกปฏิเสธ เช่นนั้นคงไม่อยากทราบว่าจะเป็นอย่างไร…”

         “ส่วนท่านนี้…” หลี่มู่หันมองทางลั่วฉวน “ฝ่าบาทวันนี้อารมณ์ดียิ่งดังนั้นจึงยินดีไว้ชีวิต ขณะนี้เร่งรีบไสหัวไปได้แล้ว!”

         หลี่มู่เล่นบทเป็นสุนัขรับใช้เจ้านาย คำกล่าวนี้ฝั่งหนึ่งดีด้วยทว่าอีกฝั่งแทบจะกัดใส่

         เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายก่อเรื่องราวเช่นนี้

         หากเป็นสตรีที่ไร้ซึ่งพื้นเพและกำลัง เช่นนั้นจุดจบย่อมพบเห็นได้กระจ่าง

         แต่โชคร้าย ที่ทั้งสองพบคือลั่วฉวนและเหยาซือหยาน

         กล่าวได้ว่าถัดจากนี้เป็นโศกนาฏกรรม…

         ผู้มารับประทานมื้อค่ำต่างหยุดกินอย่างไม่รู้ตัว สายตามีแต่รับชมด้วยความใคร่รู้ว่าถัดจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

         ผู้คนทราบดีว่าคู่หูแห่งนครจิ่วเหยาผู้นี้อหังการอวดดีไปทั่วทั้งเมือง

         และเมื่อใดที่อยู่ร่วมกัน ก็เหมือนน้ำมันได้เชื้อไฟ…

         ลั่วฉวนขณะนี้กลายเป็นอารมณ์ไม่ดี

         จี้เทียนเฮาเข้ามาใกล้เพื่อเป็นการบ่งบอกให้ลั่วฉวนได้ทราบ ว่าอย่าได้คิดสั้น

         เวลานี้มันคล้ายว่าฉากนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน…

         มันคล้ายกับฉู่หยุนเฟยที่มาเยือนร้านเมื่อหลายวันก่อน อีกฝ่ายอาศัยตัตนและบารมีคิดทำอะไรจึงกร่างไปทั่ว

         แน่นอนว่าจุดจบนั้นไม่ดีเท่าใดนัก กระทั่งว่าเถ้าธุลีก็ไม่เหลือให้พบ…

         “เจ้าทราบหรือไม่ว่าอะไรคือตายที่ไม่ตาย?”

         ลั่วฉวนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย็นเยือก

         โดยไม่ทันรู้ตัว จี้เทียนเฮาและหลี่มู่เกิดสั่นกลัว

         กระนั้นจี้เทียนเฮาไม่คิดเลิกรา คำข่มขู่เช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับสายลมฤดูหนาวที่พัดผ่านแล้วก็ผ่านไป

         “แปลกนัก เหตุใดรอบด้านกลายเป็นหนาวเหน็บเช่นนี้?” ผู้มารับประทานมื้อค่ำต่างสับสน

         “ตายงั้นหรือ?” จี้เทียนเฮาเผยเสียงหัวเราะออก “บิดาข้าคือจักรพรรดิเทียนชิง ผู้ใดกันกล้าสังหารข้าในนครจิ่วเหยา?”

         ความโกรธของเหยาซือหยานเลือนหายเมื่อได้เห็นลั่วฉวนกล่าวออกหน้าให้ กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกไม่อาจอธิบาย

         “มีคนให้การปกป้องมันเป็นความรู้สึกเช่นนี้…”

 

……

 

 ไม่พลาดการอัพเดตตอนใหม่ ติดตามได้ที่ : https://bit.ly/32ciG6V

 

รีวิวผู้อ่าน