px

เรื่อง : บัลลังก์รักสีเลือด
ตอนที่ 1 ชีวิตของทาสอันต่อยต่ำ 


ตอนที่ 1 ชีวิตของทาสอันต่อยต่ำ 

 

ณ วันที่ 6 ในฤดูใบไม้ผลิตามปฏิทินจีน ทั่วทั้งแผ่นดินได้รับละอองฝนเปรียบเสมือนสรวงสวรรค์ส่งความสุขลงมาให้ ภายใต้กลิ่นของฝนที่ตกหนัก กลิ่นโลหะที่กำลังถูกชะล้างเลือดให้หายไปเพราะฝนพลำอย่างช้า ๆ เลือดเหล่านั้นซึมสู่พื้นดิน… 

 

ประตูบานสูงใหญ่และมีเกียรติของบ้านชนชั้นระดับขุนนางด้านหลังมีศพสามถึงสี่ร่างถูกเข็นออกมาอย่างเร่งรีบ  ซากศพเหล่านั้นถูกพาไปที่หลุมฝังศพอย่างรีบร้อน

 

ชายที่มองเห็นเหตุการณ์อันน่ากลัวเหล่านี้ก็อดถามอย่างขัดแย้งในใจขึ้นมาไม่ได้ว่า “ก่อนหน้านี้ก็มีซากศพที่ถูกเข็นออกมาจากบ้านของนายพลอยู่แล้ว ทว่าทำไมวันนี้ถึงมีซากศพเยอะนักเล่า”

 

มันคือคำพูดสัพเพเหระของพ่อค้าเร่ผู้ที่เห็นเหตุการณ์อันโหดร้ายนี้เป็นครั้งคราว พ่อค้าที่ร่ำรวยแผงข้าง ๆ ได้ยินคำพูดนั้นเข้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิพ่อค้าปากพล่อยแผงใกล้เคียงด้วยเสียงต่ำว่า

 

“เจ้าไม่ได้ยินข่าวหรือ? นายพลหลิวกลับมาแล้ว! เจ้าไม่รู้หรือว่าเขาทำอะไรได้บ้าง!”  เขามองหาพ่อค้าเร่ปากพล่อยคนนั้นเพื่อมองว่าเขาตาสว่างแล้วหรือยัง เมื่อเห็นแล้วเขาก็ได้พูดต่อว่า

 

“เจ้ามิรู้หรือ? เขามีเครื่องรางค์สำหรับชายหนุ่ม เพื่อที่จะทำให้ตนเองยกระดับยศให้สูงขึ้น ท่านแม่ทัพยูมันจะมีงานอดิเรกบ้า ๆ ด้วยการใช้ทาสไร้ค่าสนองความต้องการของตน แต่แล้วยังไงล่ะ? ชีวิตของทาสมันก็อนาถเช่นนี้!”

 

เมื่อพ่อค้าเร่คนนั้นได้ยินเช่นนี้เขาก็ตัวสั่นเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียที่รังเกียจและกลัวว่า “นี่มันปีศาจของแท้!”

 

ที่จริงแล้วชีวิตของชนชั้นล่างมักจะดูไร้ค่าเสมอ…

———

“นี่มันห่าเหวอะไรกัน! พระเจ้ากลั่นแกล้งข้าหรืออย่างไร?!”

เย่มู่อดไม่ได้ที่จะสบถด่าออกมาขณะเดินวนไปมาในห้องของตน

 

นางจำได้แม่นว่าก่อนหน้านี้นางกำลังออกล่าโจรสลัดในทะเลอยู่ ด้วยความบังเอิญนางยังมีโอกาสได้คว้าสำเนาข้อความโบราณซึ่งคาดว่าจะเป็นข้อความจาลึกทางประวัติสตร์มาได้อีกด้วย

 

ไม่เพียงแค่นั้น สำเนาข้อความโบราณนี้อาจไม่ใช่ของแท้เพราะว่ามันถูกเขียนด้วยตัวย่ออักษรจีน ทว่านางสักเกตเห็นว่าหนังสือโบราณปลอมเล่มนี้เก่าแก่มากโดยความพิเศษของมันคืออักษรตัวเล็ก ๆ ทุกตัวถูกเขียนด้วยลายมือคน มันช่างวิเศษและสวยงาม ในที่สุดนางจึงตัดสินใจพลิกดู

 

**คำแนะนำ: ภาษาจีนประยุกต์ถูกนำมาใช้ในปี 1950 ดังนั้นของโบราณที่มีอายุก่อนศตวรรษที่ 19 ควรเขียนด้วยภาษาจีนตัวเต็มเท่านั้น

 

เมื่อเปิดดูแล้วปรากฎว่ามันคือหนังสือชีวประวัติ ทว่าจากความรู้เท่าที่นางมีนางไม่เคยรู้จักประเทศที่ชื่อว่า ‘โม’ มาก่อน ไม่ว่าจะในยุคโบราณหรือยุคบัจจุบัน เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วนางรู้ได้ทันทีว่าหนังสือเก่าแก่เล่มนี้ไม่ใช่หนังสือในประวัติศาสตร์ที่แท้จริง มันอาจเป็นแค่นวนิยายธรรมดาประเภทหนึ่ง อย่างนั้นนางเลยตัดสินใจอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะความอยากรู้อยากเห็น

 

ใครจะไปรู้เล่าว่าวันหนึ่งเหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ได้จะเกิดขึ้นกับนาง! ในตอนนี้นางถูกดูดเข้าไปในหนังสือนิยายจริง ๆ หรือ?!

         

สถานการณ์ตอนนี้มีสิ่งที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งจู่ ๆ ก็มีเสียกระซิบที่ข้างหูของนางอยู่ตลอดเวลาโดยพูดประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ‘หากท่านได้รับแผนที่แนวพรหมแดนสำเร็จ ท่านจะสามารถกลับโลกของท่านได้! และยิ่งไปกว่านั้น… ท่านจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกนี้ได้อย่างอิสระ!’

 

ทว่าเย่มู่ไม่ต้องการเสียเวลากับการไขปริศนาหรือไล่ล่าสมบัติ การใช้ชีวิตจริง ๆ มันสำคัญและจำเป็นมากกว่าการหมกมุ่นอยู่ในโลกสมมติ

 

นางจะสามารถค้นหาแผนที่แนวพรหมแดนได้อย่างไร… นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้เลย!

 

นางไม่หา! ขอบคุณ! นางจะกลับโลกของตน!

 

นางหยุดชะงักพร้อมดวงตาเบิกกว้างทันที เพราะในขณะทนั้นสมองของนางได้กำเนิดเศษเสี้ยวความคิดอันแสนยอดเยี่ยมได้ผุดขึ้นมา

 

ถ้าหากได้เล่นเป็นตัวตน “สมมุติ” ในหนังสือชีวประวัติเล่มนี้ การกำจัดตัวละครหลักและตัวละครอื่นในเรื่องแล้วทำโลกนี้แตกสลายไปสะ ดังนั้นถ้าหากนางปั่นหัวและกำจัดพระเอกในนิยายได้ นั่นก็แปลว่านางจะสามารถกลับบ้านได้หนะสิ!

 

แน่นอน! นี่คือแผนการอันแยบยล! ดวงตาของเย่มู่กระพริบถี่ขณะที่นางใช้สมองคิดแผนการอันชาญฉลาดของตน นางมองตรงไปยังสาวรับใช้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง นางเอ่ยถามขึ้นมาว่า “โม หลินหยวนอยู่ที่ไหนกัน! พูดออกมาเร็ว ๆ!”

 

สาวรับใช้คนดังกล่าวรู้สึกตกใจเมื่อนางใช้น้ำเสียตะคอกอย่างรุนแรง ขณะนั้นสาวรับใช้ตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “นายหญิงน้อย… ได้โปรดไว้ชีวิตข้ารับใช้คนนี้ด้วยเถิด! ข้ารับใช้ผู้ต้อยต่ำคนนี้ไม่รู้จักโม หลินหยวนเจ้าค่ะ!”

 

รีวิวผู้อ่าน