px

เรื่อง : บัลลังก์รักสีเลือด
ตอนที่ 4 การช่วยเหลือตัวละครหลัก


ตอนที่ 4 การช่วยเหลือตัวละครหลัก

 

เมื่อข้ารับใช้เห็นนางยอมแพ้แล้วทุกคนก็ต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก จู่ ๆ ก็มีเสียงเครื่องแก้วแตกพร้อมกับเสียกรีดร้องอันโหยหวนของเด็กชายดังสะนั่นขึ้นมาจากพลับพลาด้านหลัง เมื่อเย่มู่ได้ยินเขาขนแขนของนางก็สะดุ้งขึ้นอย่างตกใจ

 

ถ้าหากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตัวละครเอกอย่างเด็กชายคนนั้นตาย… นางจะได้กลับบ้านหรือ?

 

หลังจากที่ความคิดหนึ่งได้แวบเข้ามาในสมอง เย่มู่รีบหันหลังกลับในทันที ในดวงตาของสาวรับใช้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว… นางวิ่งตรงไปยังประตูพลับพลาที่เปิดทิ้งไว้ด้านหนึ่ง

 

นางอยากเห็นใจจะขาดว่าชนชั้นสูงในยุคนี้ชอบทำเรื่องไร้สาระเช่นใดกัน!

 

เมื่อประตูถูกเปิดออก เสียงดังครึกโครมดังขึ้น ทุกคนล้วนหันไปมองทางเดียวกัน แต่ว่าเห็นเพียงเม็ดถั่วเล็ก ๆ เท่านั้นที่แตกสลาย

 

ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะได้ลุกขึ้นยืน ถึงอย่างนั้นเขาก็มิได้ปิดประตูพลับพลา ซึ่งเขาได้สั่งห้ามทุกคนไม่ให้เข้ามายังห้องโถงนี้ และใครเล่าจะกล้าขัดคำสั่งแล้วบุกเข้ามายังพลับพลาในเวลานี้?

 

เมื่อเย่มู่เข้ามาถึงยังห้องพลับพล่นี้แล้วนางไม่เห็นความโกรธของเจ้าบ้านทว่าดวงตาของนางก็ได้จับจ้องมองไปทางต้นกำเนิดของเสียงนั้น… ภาพตรงหน้านี้ทำให้หัวใจของนางเผาไหม้อย่างไม่สามารถควบคุมความโกรธของตนเองได้

 

นางเห็นภาพเด็กอายุประมาณ 7 ถึง 8 ขวบ ปากของเขาถูกปิดไว้ด้วยฝามือของผู้ใหญ่แล้วกดหัวลงไปที่โต๊ะน้ำชา ภาพที่เห็นนี้มันช่างน่ากลัวและโหดร้ายนัก เลือดมากมายหลั่งไหลดั่งน้ำพุซึ่งมันออกมาจากหัวไหล่ของเขา มันคงจะมาจากรอยแผลแหวอะจากการดาบที่ฝังอยู่ เด็กชายผู้นั้นถูกชายร่างอ้วนดึงเตี่ยวออกจากด้านหลัง ซึ่งเด็กชายดิ้นรนและต่อต้านชายอ้วนอย่างสุดหัวใจ… เลือดของเขาไหลออกมาเยอะจนคลุมไปครึ่งโต๊ะน้ำชา

 

นายพลหลิวคือผู้ถือมีด เขาคือผู้ที่ทำให้เด็กชายเกิดบาดแผลที่เหวอะหวะที่หัวไหล่ ภาพที่เห็นนี้มันช่างไร้ความปราณีจนทำให้ข้ารับใช้ตัวน้อยถึงกับกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและสยดสยอง

 

“อุกอาดยิ่งนัก! ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา!”

 

เย่ลีส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดออกมา และในเวลานั้นเองที่เย่มู่ได้รับความสนใจ นางสูดหายใจเข้าแล้วพยายามสงบสติอารมณ์พร้อมกล้ำกลืนความโกรธที่กำลังเดือดดาลลงไป นางเริ่มใช้สายตาสอดส่องมองไปรอบ ๆ ซึ่ง ณ เวลานี้ เย่ลีและนายพลหลิวยืนอยู่ท่ามกลางเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดไปทั่วพื้น ชายหลายคนในห้องนั้นโอบอุ้มหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมแขนมองมาที่นางอย่างไม่ละสายตา นั่นก็เพราะว่านางเข้ามาในพลับพลาและขัดขวางช่วงเวลาแห่งความสุขของพวกเขา

 

นายพลหลิวก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาวางกริชเอาไว้ด้านข้าง ๆ พร้อมคว้ามือของเด็กชายผู้นั้นเอาไว้ด้วยสีหน้าเลือดเย็น ถึงอย่างนั้นการคว้ามือเด็กน้อยก็มิได้มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย

 

ดวงตาของเขาหรี่ลงแล้วพูดว่า “นี่เป็ยวิธีที่นายพลเย่จะสร้างความบันเทิงให้แก่ขุนนางทั้งหลายหรือ? แล้ว… เด็กหญิงผู้นี้ได้รับการฝึกฝนให้มาสร้างความบันเทิงด้วยงั้นเหรอ”

 

ใบหน้าของเย่ลีเปลี่ยนเป็นซีดเซียวในทันที จากนั้นเขายิ้มอย่างละอายใจและกล่าวว่า “ข้าต้องขอโทษท่านด้วยทำให้ท่านต้องเจอกับเหตุการณ์อันไร้สาระนี้ นี่คือลูกสาวที่ไม่มีคุณค่าอะไรของข้าเอง ข้าจะให้นางออกไปเดี๋ยวนี้!”

 

เขาเหลือบมองไปที่เย่มู่และโค้งคำนับ “ทำไมถึงได้ยังยืนบื้ออยู่เล่า ออกไป!”

 

เขาตะโกนออกมาเสียงดังจนห้องโถงที่สวยงามแห่งนี้สั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว บรรดาหญิงสาวที่มาสร้างความบันเทิงต่างพากันนั่งคุกเข่า ขณะเดียวกัน… สาวรับใช้ส่วนตัวของเย่มู่ก็ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นและฉุกลากเจ้านายของตน ข้ารับใช้พูดว่า “นะ… นายหญิงน้อย… ไปกันเถิดเจ้าค่ะ!”

 

ทว่าเย่มู่ไม่ขยับแม้แต่นิ้ว

 

นางมักจะคิดเสมอว่าโลกในนิยายแห่งนี้มิใช่ความจริง ถึงอย่างนั้น ภาพที่นางเห็นตรงหน้านี้มันล้วนโหดร้ายและทารุณ ซึ่งการสั่นหวั่นไหวของห้องโถงนี้มันเป็นเรื่องจริง!

 

นางจะคิดได้อย่างไรว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้คือของปลอม?!

 

กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งในอากาศเต็มไปหมด เด็กชายที่กำลังจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทาสสามถึงสี่คนที่คุกเข่าอยู่นี้ และยังสายตาของแขกทั้งหมดที่เฝ้ามองด้วยสายตาเย็นชา

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นล้วนท้าทายจิตสำนึกของนางมาก!

 

สิ่งเดียวที่นางรู้สึกว่ายังมีโชคดีอยู่บ้างคือตัวละครเอกชาย หรือเด็กน้อยผู้นั้นยังไม่ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยนายพลหลิว ซึ่งนี่ทำให้เย่มู่ใจชื้นขึ้นมามากขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจของนางค่อย ๆ เต้นช้าลงเพราะความโกรธของนางลดลงแล้วเช่นกัน

 

นางจะช่วยเด็กน้อยผู้นั้น! ไม่ใช่ว่านางจะช่วยเหลือเขาเพียงเพราะเขาคือตัวละครหลักของเรื่อง ทว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่ควรได้รับการกระทำชั่วช้าเช่นนี้ ไม่ว่าจะในโลกแห่งความจริงหรือนิยายก็ตาม!

 

“ยังไม่ไสหัวไปอีกรึ!”

 

เมื่อเย่ลีเห็นเย่มู่ยืนนิ่งเช่นนั้นเขาก็แทบคลั่ง เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกบุตรสาวผู้ไร้คุณค่าท้าทายอยู่… ร่างสูงใหญ่คล้ายหมีวิ่งมาจากหัวโต๊ะ เมื่อเดินมาถึงเย่มู่ เขาก็ได้ยกร่างเล็ก ๆ ของเด็กหญิงแล้วเดินไปที่ประตู

 

เขาทำท่าทางเหมือนกับว่ากำลังจะโยนนางทิ้งเสียให้ได้

 

ทุกคนในห้องโถงนั้นอุทานเสียงดังทันที พวกเขาไม่คิดว่าเย่ลีจะโหดร้ายเช่นนี้ นี่บุตรสาวของเขาเชียวนะ! เขามีชื่อเสียงด้านความแข็งแกร่งเหมือนพระเจ้าประทานมาให้ตั้งแต่กำเนิด เขาจะโยนร่างของสาวน้อยอันบอบบางคนนี้ลงพื้นได้อย่างไร?! เขาจะฆ่านางหรือยังไง!

 

ทันใดนั้นเย่มู่ก็คว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้พร้อมตะโกนออกมาว่า

 

“ท่านพ่อ! พระราชาทรงประชวร!”

รีวิวผู้อ่าน