ตอนที่ 9 เจ้าจะต้องเป็นนักฆ่าส่วนตัวของข้า
เมื่อเดินออกมาจากห้องโถงนางก็ได้รับความอบอุ่นจากแสงแดดที่ตกกระทบหน้าจนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองรอบ ๆ ภายใต้ท้องนภาสีฟ้าอันสดใส ภายใต้ชายคาไม้ภาพที่เห็นตรงหน้าของนางนี้ช่างงดงาม… ปลายจมูกของนางได้กลิ่นหอมสดชื่น
สิ่งที่นางมองอยู่นี้ไม่สามารถทำให้นางคิดว่าสถานที่แห่งนี้คือโลกในนิยายได้เลย
ซึ่งก่อนหน้านี้นางเชื่อมาตลอดเลยว่าทุกอย่างถูกปรุงแต่งขึ้นมา มันไม่ใช่เรื่องจริง… นางไม่คุ้นเคยกับโลกใบนี้ในประวัติศาสตร์ของโลกที่นางจากมาเลย หรือว่า… โลกใบนี้จะเป็นโลกประวัติศาตร์ของโลกคู่ขนาน? นางไม่สนใจว่านางจะต้องฆ่าบุคคลสำคัญในโลกใบนี้ไปอีกกี่คน ถ้ามันเป็นหนทางที่ทำให้ได้กลับบ้าน ถึงจะต้องเปลี่ยนประวัติศาตร์นี้ไปเลยนางก็จะทำ!
เมื่อนึกถึงพ่อที่แสนน่ากลัว… จักรพรรดิหนุ่มในอนาคต… นางรู้ดีว่านางเพียงแต่หลุดเข้ามาในโลกแห่งนี้ที่กำลังจะเกิดสงครามก็เท่านั้น เมื่อนึกถึงการต้องค้นหา ‘แผนที่แนวพรหมแดน’ ก็ทำให้นางท้อใจเบา ๆ นางรับรู้ได้ทันทีว่าอนาคตยังอีกยาวไกล
อีกสองชั่วโมงต่อมา เย่มู่ได้ล้างความคิดทั้งหมดออกไปแล้วคิดถึงเพียงสถานการณ์ปัจจุบัน ต่อจากนี้ปัญหาที่นางจำเป็นต้องใส่ใจคือนางควรจัดการกับเด็กชายตัวละครเอกคนนั้นอย่างไร?
เมื่อนางมองไปยังเด็กชายทั้งสองด้านหน้า… เย่มู่ก็อดถอนหายใจไม่ได้เลย นางเคยเป็นทหารในหน่วยรบพิเศษมาก่อนนะ ไม่ใช่ครูอนุบาล! ทำไมชีวิตของนางต้องหลุดเข้ามาในนิยายเล่มนี้เพื่อเลี้ยงเด็กเล็กด้วย!
แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าแล้ว… ถ้าหากนางต้องการกลับไปยังโลกแห่งความจริงที่จากมา นางก็จำเป็นต้องตาหาแผนที่แนวพรหมแดนให้พบ อย่างไรก็ตาม แผนที่วิเศษนี้ถูกกำหนดให้พระเอกในเรื่องเท่านั้นเป็นผู้หาพบ เพราะเช่นนั้นนางจึงจำเป็นต้องทำให้เขาประทับใจในตัวนางให้ได้
ใบหน้าอันอ่อนโยนของเย่มู่ได้ยู่หยี่ขึ้นมาทันที ใบหน้ากลมที่ดูอ่อนโยนและบอบบางดุจหยกหิมะ ใบหน้าอันน่ารักนี้ปราศจากความร้ายกาจโดยสิ้นเชิง
ทว่าใครหลายคนก็ไม่กล้ามองใบหน้าของนางมากนัก นายน้อยหญิงมักจะถูกหวาดกลัวโดยผู้คนทั่วไป ถ้าหากไม่มีใครหวาดกลัวนางละก็ นางก็จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวเอง ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าพูดกับเย่มู่แม้แต่คำเดียว ห้องนี้เงียบสงบและทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนจนเหมือนหายใจไม่ออก
“เจ้าชื่ออะไร?”
เย่มู่เอ่ยปากถามเด็กชุดดำ เขาอายุประมาณสอบขวบ แน่นอน… เขาเพิ่งจะเคยเป็นทาส เขาช่างน่าดูแกรงขาม เป็นผู้นำ และทรงพลัง นัยน์ตาของเยาเป็นสีดำแต่เปล่งประกายสีเขียวเข้ม… เขานั้นเหมือนหมาป่าผู้ทรงพลัง ไม่แปลกใจที่ขันทีหลิวเลือกเด็กคนนี้!
เขาคุกเข่าพร้อมพูดเสียงดัง
“ขออภัยนายหญิงผู้สูงศักดิ์ ข้าไม่มีชื่อ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่มู่ก็รู้สึกสงสารเด็กคนนี้ขึ้นมาทันที เขาไม่มีแม้แต่ชื่อ! ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาคือเด็กกำพร้า
“อย่างนั้นต่อจากนี้เจ้าจะใช้นามสกุลเดียวกันกับข้า แล้วถูกเรียกว่าเย่เฉียวหลาง เจ้าจะกลายเป็นหัวหน้าฝูงหมาป่าคอยนำหมาป่าตัวอื่น ๆ”
หมาป่าเป็นสัตว์ที่ทรงพลัง เย่มู่หวังว่าเด็กน้อยคนนี้จะเติบโตไปเป็นสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง…
เย่เฉียวหลางชื่นชอบชื่อนี้มากจนดวงตาทั้งสองข้างของเขาแปล่งประกาย!
“ขอบคุณนายหญิงน้อยที่ให้ชื่อและนามสกุลแก่ข้า!”
เขาตอบรับเสียงดังฟังชัด ที่จริงแล้วนางไม่ค่อยชอบคนขี้ประจบประแจง ทว่าในตอนนี้นางไม่ควรทำตัวเหมือนนางคนก่อนและควรทำตามใจตัวเอง เป็นอิสระให้มากขึ้น
นางละสายตาไปมองโมหลินหยวน แน่นอนนามแฝงของเขาในตอนนี้คือ ‘อชิ’
ในตอนนี้เขามีผ้าพันแผลพันอยู่ทั่วตัว ใบหน้าอันหล่อเหลาและอ่อนโยนรวมุถึงตัวของเขาซีดเสียวจนน่ากลัวเนื่องจากเสียเลือดมาก ทว่าสายตาของเขาก็ยังคงมองอย่างระแวดระวัง เขานั่งหลังตรงมองไปรอบ ๆ อย่างไม่ย่อท้อ
เย่มู่คิดในใจว่าพระเอกคนนี้ต่อให้เขาต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน แต่เขาก็ยังคงมีความเฉียบคม และนั่นคือเหตุผลที่ในอนาคตเขาจะกลายเป็นจักรพรรดิที่ชอบธรรมและเที่ยงธรรม! อย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ตัวละครที่มีนิสัยหยิ่งยโสและไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ มักจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิด ในฐานะผู้หญิงที่เคยอาศัยอยู่ในกองทัพ นางชื่นชมเขาที่มีความกล้าหาญ
ทว่าพระเอกในตอนนี้ที่ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เขาไม่ไว้ใจนางมากนัก นางจึงยังไม่สามารถบอกเรื่องแผนที่วิเศษกับเขาได้
นางเอามือแตะคางของตนแล้วอุทานว่า “สำหรับเจ้า… อชิ… เจ้าต้องคอยช่วยเหลือพร้อมอยู่ข้างกายเฉียวหลาง และเป็นคนสนิทส่วนตัวของข้าด้วย! ข้าจะฝึกให้เจ้าเป็นนักฆ่าส่วนตัวของนายหญิงอย่างข้า!”