ตอนที่ 11 – บทแนะนำ (9) 2
ขณะนั้นเองยอนอูหยุดเดิน และหันหลังกลับมามอง
ยุลสะดุ้งไปครู่หนึ่ง พร้อมกับสงสัยว่าทำอะไรผิดไปรึเปล่า
“ลองไปที่สวนดอกไม้พรีเซียดูสิ”
“อะไรนะครับ?”
“ที่นั่นน่าจะให้ประโยชน์กับนายได้”
ยอนอูทิ้งท้ายคำเหล่านี้ไว้ และก็โบกมือลาโดยไม่พูดอะไรต่อ
ยุลยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั่นครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าก็รู้ว่าเขากำลังสื่อถึงอะไร จึงทำให้กำหมัดแน่น
‘สวนดอกไม้พรีเซียงั้นเหรอ?’
ราวกับว่าได้ปฏิญาณตนกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ชำเลืองมองไปยังอีกด้านหนึ่งของห้อง
* * *
“โอ้! ดูสิว่าเจออะไรเข้า?”
ณ สถานที่แห่งนี้มีผู้เล่นที่หยุดเล่นกลางคันอยู่มาก ชายคนหนึ่งหาวเป็นครั้งคราว และหมอบลงอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง อุทานออกมาด้วยความชื่นชม
ทั้งผมที่ดูยุ่งเหยิง เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม และกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ซึ่งไม่ใช่ลักษณะที่คนอื่นเห็นแล้วจะประทับใจได้เลย
แต่แล้วท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เมื่อได้พบสิ่งที่น่าสนใจตรงบริเวณประตู
มันเหมือนกับเด็กที่ได้เจอกับของเล่นแสนสนุก
“เฮ้ย เฮ้ย! หยุดนอน และลุกขึ้นได้แล้ว”
“เฮ้อ! อะไรอีกอ่ะ? จะไม่ให้ผมนอนเลยหรือไง?”
ชายหนุ่มที่มีทรงผมยุ่งเหยิงเตะเด็กชายอีกคน ที่กำลังนอนพลิกตัวไปมา
จากนั้นเด็กชายที่มีหน้าตาอ่อนเยาว์ก็ลุกขึ้น และทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อย พร้อมกับขยี้ตา
ทั้งหัวยังฟู และดวงตาก็ยังดูง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
ถึงกระนั้นใบหน้าเขาก็ยังคงสวย จนทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นต้องตกอยู่ในภวังค์ ถ้าไม่เป็นเพราะลูกกระเดือกก็คงคิดว่าเขาคือผู้หญิงเป็นแน่
“นายเห็นอะไรไหม?”
“เห็นอะไรล่ะ?”
“เอ้า! ก็ไอ้พวกที่คุยโม้โอ้อวดเรื่องการเข้าร่วมกลุ่มกับอารังดัลไง พวกมันเพิ่งโดนโจมตีเมื่อกี้เอง”
“เห้อ”
เด็กชายหาว
“มันแปลกตรงไหน? ผมคาดไว้ว่า…”
ผมก็คาดไว้อยู่แล้วล่ะ ว่าพวกมันจะต้องเจอคนจริง และโดนโจมตีเข้าสักวัน แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่มีไหวพริบ หรือความสามารถอะไรมากเลย นอกจากเอาแต่ทำตัวกร่างไปทั่ว
เด็กชายกำลังจะกล่าวสิ่งนี้ออกไป แต่แล้วเมื่อชายหนุ่มพูดประโยคต่อมา เขาจึงจ้องมอง และสงบปากลง
“แต่เมื่อกี้เขาชนะพวกมันด้วยตัวคนเดียวเลยนะ”
“ห้ะ?”
ทันใดนั้นดวงตาที่ดูเหมือนง่วงนอนตลอดเวลา ก็เปล่งประกายขึ้นทันที
“ด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ?”
“ใช่ และฉันคิดว่าเขาผ่านด่าน A มาได้ด้วยตัวคนเดียวเหมือนกัน”
เด็กชายร้องอุทานออกมาว่า ‘โอ้ว!’ จากนั้นก็ฉีกยิ้มราวกับกำลังอาย พร้อมกับมองไปทางประตูกั้นด่าน A
รอยยิ้มที่น่ารักนั้นสามารถทำให้หัวใจชายหลายคนเต้นรัว
“จริงเหรอ? ด้วยเวลาแบบนี้เนี่ยนะ? โคตรเจ๋ง~ ผมคิดว่าไม่น่าจะมีคนมาเพิ่มแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ ถ้ามาจัดการคนแบบคานได้ ยังไงมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”
จากนั้นเด็กชายผู้น่ารักก็เงยหน้าขึ้น
“แต่นายบอกว่าชายคนนั้นอ้างถึงอารังดัล ถ้าชองฮวารู้คงบ้าคลั่งตายเลยใช่ไหม?”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
“ก็คงจะอย่างงั้นแหละ แต่ยังไงแล้วพวกเขาก็เป็นแค่ผู้สมัครเท่านั้น ฮะ ฮ่า และอีกอย่างฉันก็ไม่เคยคาดหวังอะไรจากที่นี่ แต่ตอนนี้ฉันได้เห็นอะไรสนุก ๆ เริ่มเกิดขึ้นแล้ว นายล่ะคิดว่าไง?”
“อะไรนะ?”
“ให้เขามาร่วมกลุ่มกับเราไง นายคิดว่าเขาจะตกลงไหมล่ะ? ถ้าเป็นผู้เล่นเดี่ยวก็แปลว่าเขายังไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มไหน และฉันคิดว่าไม่มีใครที่เหมือนเขาอีกแล้วแน่นอน”
“มันก็ดีนะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี เพราะผมเกรงว่าจะได้ไปปะทะกับพวกชองฮวาน่ะสิ”
“ฮ่า! เดี๋ยวนี้เริ่มสนใจเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“ฮิฮิ นั่นสิเนอะ”
“งั้นเราออกไปตามหาเขากันเลยดีไหม?”
“พี่นี่งานอดิเรกแย่ชะมัด”
“งั้นแสดงว่าจะไม่ไป?”
เด็กชายทำแก้มป่อง แล้วจึงตอบคำถามชายหนุ่ม
“ก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะไม่ไป”
จากนั้นก็ยิ้มอย่างเขินอาย
“พี่คงไม่รู้หรอก ว่าผมชอบเรื่องพวกนี้มากกว่าที่พี่ชอบเสียอีก ฮี่ฮี่”
* * *
‘เขาพูดว่าขอบคุณ…’
ยอนอูหัวเราะเล็กน้อย ขณะที่นึกถึงคำพูดของยุล
หนทางยังอีกยาวไกล ทำให้เขาไม่ค่อยสนใจความสัมพันธ์ในช่วงระยะสั้นเช่นนี้นัก แต่มันก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้น คือเขาได้มองดูความสามารถทางสายเลือดของยุลผ่านเนตรมังกร
เขาเป็นผู้วิเศษ
‘มันเป็นความสามารถที่ทำให้เขาซึมซับได้ถึงบุคคล หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับมานา ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้’
หึ! หึ!
เขารู้สึกได้ถึงความสามารพิเศษ ที่แม้แต้ในหอคอยยังหาได้ยาก
‘ถ้าเราเก็บเขาไว้ใกล้ตัว…’
มันคงจะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต
‘แน่นอนสิ แต่เขาต้องผ่านด่านนี้ไปอย่างปลอดภัยให้ได้ก่อนนะ’
ทุกครั้งที่ยอนอูจำภาพลักษณ์ของยุลได้ ก็ไม่มีครั้งไหนที่สามารถลบรอยยิ้มออกจากใบหน้าได้เลย
‘ว่าแต่’
ยอนอูหยุดเดิน แล้วมองไปโดยรอบ
‘ข้อความที่จะนำเราไปยังด่าน B อยู่ตรงไหนนะ?’
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะการต่อสู้กับพวกคานหรือเปล่า ที่ทำให้ผู้คนโดยรอบจ้องมองมา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร และจึงเดินผ่านจุดศูนย์กลางห้องพักต่อไป
ที่สุดปลายกำแพงทางด้านขวา มีประตูสี่บานตั้งเรียงกันอยู่
ขณะนั้นเขาเดินผ่านเส้นสีเหลือง ซึ่งหมายความว่าได้เข้าสู่ฝั่งด่าน B เรียบร้อยแล้ว และจึงมีข้อความอัตโนมัติปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาทันที
[ความท้าทายของด่าน B กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว]
[ด่าน B จะมีทั้งหมดสี่ทางเดิน ให้เลือกมาหนึ่งประตูและจัดการมันให้เรียบร้อย]
ปลายสุดของทางเดินในห้องว่างขนาดใหญ่ มีประตูปริศนาสี่บานตั้งเรียงกันเป็นแถว
แต่ละบานมีขนาดและรูปร่างเหมือนกัน แต่มีสีที่แตกต่างกันไป
‘งั้นเราจะเลือก…’
สีขาว น้ำเงิน แดง และดำ
‘สีดำ’
ยอนอูพิจารณาประตูแต่ละบาน แล้วจึงมุ่งหน้าไปยังประตูขวาสุดอย่างไม่ลังเล
ห้องพักด่าน B นั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นที่หยุดกลางคัน แต่ผมไม่อาจยอมแพ้ได้เหมือนพวกเขา เพราะเคยสัญญากับเพื่อนไว้แล้วว่าจะออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยให้ได้ และผมไม่ใช่ตัวคนเดียวที่จะก้าวผ่านความยากลำบากนี้อีกแล้ว ดังนั้นผมเลยกลับไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น
ต่อมาผมได้รับคำสั่งให้เลือกหนึ่งในสี่ประตู ผมก็เลย… แต่แล้วผมกลับต้องเสียใจ ที่ได้ตัดสินใจแบบนั้นไป
‘จองอูเลือกสีน้ำเงิน’
แต่ละประตูถูกออกแบบมาเพื่อนำทางผู้เล่นไปยังห้องอื่นด้วยระดับความยากที่กำหนด แต่ถ้ายิ่งไปทางขวามากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
น้องชายของเขาเลือกประตูบานที่สอง ซึ่งเป็นระดับที่ง่ายที่สุด
ด่าน A นั้นยากเกินไป ทำให้เขาและเพื่อนร่วมกลุ่มจึงตัดสินใจเลือกประตูที่ค่อนข้างง่ายเพื่อหลบหลีกมัน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเขาได้รับการคัดเลือกให้เข้าสู่หอคอย และได้รู้ถึงความลับของรอบแนะนำ มันทำให้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ตัดสินใจเลือกทางนั้นในด่าน B
ซึ่งรางวัลก็จะแตกต่างกันไปตามสีประตูในด่าน B
“หลังประตูสีดำ หรือที่รู้กันว่าเป็น ‘เส้นทางสีดำ’ นั้นมีไวท์มอส และอสุรกายรออยู่ด้านใน”
ด่าน A ทดสอบเพียงสมรรถภาพทางกายของผู้เล่นเท่านั้น
และมันแตกต่างกันเล็กน้อยกับด่าน B
ที่มีจุดประสงค์ให้ทดสอบอย่างอื่นอีก
เช่น การตัดสินใจ ความรอบรู้ การเอาใจใส่ การมีสมาธิ ความมุ่งมั่น เป็นต้น
ซึ่งแนวทางปฏิบัติ ความคิด และการตัดสินใจของผู้เล่นนั้นแตกต่างกันไป ถึงแม้จะเผชิญสภาพแวดล้อมที่เหมือนกันก็ตาม ทั้งยังต้องตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ที่กำลังเจออยู่ให้ดีที่สุดอีกด้วย
เพราะสุดท้ายวิธีการค้นหาชิ้นส่วนลับที่พวกผู้พิทักษ์นำไปซ่อนไว้ ราวกับเป็นขุมทรัพย์นั้น ต้องอาศัยความสามารถที่กล่าวมาทั้งหมดด้วย
‘ถ้าไปทางนี้เราก็จะได้ดาบดูดเลือดของบาโธรี่’
ยอนอูกลับมานึกถึงตำแหน่งที่ซ่อนชิ้นส่วนลับในด่าน B พร้อมกับวางมือลงไปไว้บนประตูสีดำอย่างเชื่องช้า