px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 16 มันคือเงิน


ตอนที่ 16 มันคือเงิน

 

เช้าวันถัดมา ฟางฮั่นตื่นเช้าตามปกติ นางเดินไปโรยข้าวให้ไก่ในเล้าและหยิบไข่ออกมาปรุงอาหารเช้าแบบสดใหม่บนเตาที่เพิ่งสร้างขึ้น

 

จากนั้นนางจัดการทรงผมของฟางฉือให้เป็นดังโงะสองลูกอยู่บนศีรษะอย่างสดใส เชือกสีแดงถูกพันเอาไว้รอบก้อนกลม ๆ บนหัวของเด็กหญิงและยิ่งทำให้นางรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ส่วนฟางฮั่นนั้นต้องการที่จะตัดหน้าม้าให้กับตนเอง แต่ว่านางกลับทำพลาดและผมหน้าม้าของนางแหว่งขึ้นไปสูงเกินระดับ หวยเอ๋อหัวเราะอย่างขบขันเมื่อเห็นพี่ใหญ่มีหน้าตาที่แปลกไป ฟางฉือเมื่อเห็นพี่ใหญ่ทำผิดพลาด นางต้องการปลอบใจอีกฝ่ายด้วยการร้องขอให้ตัดมันให้กับนางบ้าง ฟางฮั่นจึงจัดให้นางตามคำขอและเมื่อทั้งสองเดินข้างกันมันคล้ายกับว่าทั้งคู่เป็นตุ๊กตาที่แสนจะสดใสร่าเริง

 

ปีนี้ข้าเพิ่งจะอายุ 9 ขวบเองงั้นเหรอ เก้าขวบแต่ทำตัวคล้ายกับโลลิค่อนซะได้

 

ฟางฮั่นพยายามปลอบใจตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการคิดเช่นนี้เป็นการพยายามเอาชนะความกังวลในจิตใจและนางต้องแสร้งแสดงออกว่าเป็นเด็กที่อ่อนโยน ผ้าคลุมสีแดงโพกศีรษะเพื่อปกปิดความไม่มั่นใจ นางเดินไปที่ภูเขาพร้อมน้องทั้งสองเพื่อจะหากิ่งไม้มาล้อมรั้วบ้าน

 

ฤดูหนาวนั้นมีกิ่งไม้และเถาวัลย์ที่แห้งเหี่ยวแล้วจำนวนมาก มันร่วงหล่นมากมายบนภูเขา ฟางฮั่นถือกระสอบใหญ่เอาไว้ในมือพร้อมกับเดินฝ่าหิมะมาสักพัก จากนั้นนางจึงเริ่มเก็บเกี่ยวกิ่งไม้ที่หนาพอจะทำรั้วบ้านได้

 

ฟางฮั่นจัดกิ่งไม้แห้งอันเล็กให้กับฟางฉือและหวยเอ๋อถือเอาไว้ เด็กทั้งสองเก็บรวบรวมพวกมันอย่างระมัดระวังและเดินลากมันไปกับพื้น

 

ทั้งสามเดินลากกิ่งไม้มาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งเล่นกันอยู่ ใบหน้าของทุกคนล้วนว่างเปล่าเมื่อเห็นสามพี่น้องเดินลากกิ่งไม้โตงเตงมา ฉับพลันแกนนำกลุ่มเด็ก ๆ เริ่มปรบมือและส่งเสียงร้องเพลงล้อเลียน

 

“เหล่าพี่น้องตระกูลฟาง ไม่มีทั้งพ่อ ไม่มีทั้งแม่ ปู่ย่าไล่ออกจากบ้านกลายเป็นคนไร้บ้าน สุดท้ายต้องอดทนกินรำและกระดูกของสุนัข ! ”

 

“……”

 

ฟางฮั่นใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างไม่พอใจ นางรู้สึกพูดไม่ออกกับเนื้อร้องเหล่านี้อย่างมาก ใครกันที่กล้าจะพูดประโยคพวกนี้ออกมาได้อย่างสบายปากเช่นนี้

 

แต่ฉับพลันก่อนที่ฟางฮั่นจะทันได้กล่าวอะไรออกมา มีวัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งมาพร้อมกับโบกไม้โบกมือเพื่อขับไล่เด็ก ๆ เหล่านี้อย่างเขร่งขรึม “พวกเจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกันอยู่ ไปให้พ้นเลยนะ ไปเล่นที่อื่น ! ”

 

เด็กหนุ่มคนนั้นคือเฉิงเจิ้งไค๋นั่นเอง

 

เด็กทั้งหมดหัวเราะแห้งพร้อมกับเริ่มล้อเลียนเจิ้งไค๋ “เฮ้ เฮ้ เจิ้งไค๋… เจ้ากำลังดูแลสาวตระกูลฟางงั้นเหรอ ฮ่าฮ่า คงจะรักนางมากสิท่า ! ระวังเถอะว่าต้ายาอ้วนตุ้บคนนั้นจะขุ่นเคืองใจเอาได้ ! ”

 

ใบหน้าของเจิ้งไค๋เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาคำรามเสียงดัง “ไอ้เด็กบ้า หยุดพูดจาไร้สาระ ! ”

 

เด็ก ๆ ทั้งหมดวิ่งออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ

 

เฉิงเจิ้งไค๋ยืนบิดอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกล่าวออกมาในขณะที่ยังไม่เงยหน้าขึ้น “ฟางฮั่น… เจ้าไม่ได้สนใจเรื่องไร้สาระของพวกนั้นใช่หรือไม่… พวกเด็กนั้นมันก็แค่สร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้น…”

 

ฟางฮั่นพยักหน้าพร้อมมุมปากยกยิ้ม “ไม่เป็นไรเลย ข้าขอบคุณเจ้ามากนะ”

 

เด็กบ้าพวกนั้นแก่แดดเกินไปมาก ฟางฮั่นโตกว่าและไม่คิดจะมีเรื่องกับพวกเขา อายุของทุกคนในตอนนี้มันไม่สมควรเลยที่จะกล่าวถึงเรื่องรักใคร่อะไรแบบนั้นออกมา

 

เฉิงเจิ้งไค๋เห็นท่าทีที่ไม่แยแสของฟางฮั่นแล้วก็ยังแอบกังวลใจเล็กน้อย แต่ดูแล้วนางก็ปรับตัวได้รวดเร็วเช่นกัน แต่ด้วยอารมณ์ของเขานั้นยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เท่าไหร่นัก หลังจากนั้นเขาทำได้เพียงแค่มองฟางฮั่นเดินจูงน้องสาวและน้องชายออกไป

 

ทั้งสามเดินกลับบ้านตามเส้นทางที่ทอดยาว เมื่อทั้งหมดกลับมาที่บ้าน ฟางฮั่นก็ยังเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับภูเขาอยู่สองรอบ ขณะที่กำลังจะเดินไปอีกเป็นรอบที่สาม เด็ก ๆ ทั้งสองนั้นเหนื่อยจนแทบจะขึ้นเตียงไม่ไหว นางจึงให้พวกเขาพักผ่อนและจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง

 

ฟางหมิงหวยหลับทันทีที่หัวลงหมอน ส่วนฟางฉือยังคงไม่ยอมแพ้และกล่าวอ้อนวอน “พี่ใหญ่ ข้าอยากจะไปช่วย...”

 

ฟางฮั่นลูบศีรษะของฟางฉือเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “เจ้าอยู่บ้านดีแล้ว คอยดูแลหวยเอ๋อและรอจนกว่าพี่จะกลับมาอบซาลาเปาตอนเที่ยงนะ”

 

ฟางฉือคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับ

 

ฟางฮั่นขยับไหล่ของนางเล็กน้อยอย่างเหนื่อยล้า พร้อมกับสายตาเหลือบมองลูกพลัมสีแดงที่ระเบียง พวกมันเริ่มแห้งแล้ว สายตาของนางทอประกายเจิดจ้าออกมาอย่างตื่นเต้น

 

ฟางฮั่นหยิบฟืนมาเติมในเตาอบพร้อมกับปิดปากของมันเอาไว้อย่างมิดชิดเพื่อป้องกันไม่ให้มันเผาร่างกายของหวยเอ๋อ อีกทั้งการทำเช่นนี้จะเป็นการสร้างความอบอุ่นได้อีกสักพักใหญ่

 

ฟางฮั่นเอาฟืนกลับมาใส่ที่กระสอบตามเดิม จากนั้นนางเดินไปที่มุมบ้านและพบกับพลั่วอันหนึ่ง มันคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับนางโดยเฉพาะ เช่นนี้ก็เพื่อที่จะเอาไว้ไปหาของป่าบนเขาเทพธิดา

 

รอบที่แล้วนางพลาดไปหน่อยที่ลืมหยิบมันมาด้วย แต่คราวนี้นางไม่พลาดแน่ !

 

ร่างกายของฟางฮั่นเต็มไปด้วยพลังงานและจัดการกับกิ่งไม้รอบด้านอย่างรวดเร็ว มือเรียวเล็กสองข้างบรรจงขุดเอาหน่อไม้ฝรั่งขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

 

ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่งนั้นมีมากมาย ทั้งใบ ต้นและรากของมันสามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย สิ่งที่สำคัญคือรากซึ่งสามารถทำเป็นยาได้ แต่จะต้องขุดอย่างระมัดระวัง ถ้าหากว่ารากขาดไป จะทำให้สรรพคุณของมันลดน้อยลงหรืออาจจะทำลายคุณสมบัติของยาไปเลยก็ได้ ในคราวแรกนางขุดมันอย่างเชื่องช้าและยังไม่รู้ทิศทาง แต่เมื่อขุดครั้งที่สาม สี่ ห้า นางเริ่มจะคล่องแคล่วและทำได้เร็วขึ้น

 

ดินในฤดูหนาวค่อนข้างที่จะแข็งและขุดยากมาก ร่างเล็ก ๆ ของฟางฮั่นจัดการกับหน่อไม้ฝรั่งอยู่นานเกือบ 1 ชั่วยาม นางกลัวว่ารากจะขาดและไม่กล้าดึงลำต้นของมันมากนัก เมื่อนางเก็บเกี่ยวมันได้แล้ว มือน้อย ๆ ดึงเอาลำต้นและใบไม้จำนวนมากมาห่อคลุมรากหน่อไม้ฝรั่งเอาไว้เพื่อไม่ให้มันแข็งและเย็นจนเกินไป ฟางฮั่นเก็บพลั่วเข้าที่พร้อมกับเริ่มเก็บลูกพลัมต่อ กระสอบเต็มไปด้วยฟืนและตะกร้าเต็มไปด้วยผักป่าพร้อมลูกพลัม ทุกสิ่งถึงขีดจำกัดและมันถึงเวลาที่นางจะต้องเดินทางกลับบ้านแล้ว

 

เหนื่อยไหมน่ะเหรอ ? แน่นอนว่านางเหนื่อยมาก ร่างกายของนางเพียงแค่ 9 ขวบเท่านั้น ในโลกใบเก่าตอนนางเก้าขวบ นางยังนอนเล่นอย่างผ่อนคลาย แต่ในโลกใบนี้นางกำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดพร้อมทั้งหาเลี้ยงครอบครัว

 

แน่นอนว่ารสชาติของชีวิตมันช่างขมขื่น ความทันสมัยทุกอย่างในศตวรรษที่ 21 กลับกลายเป็นยุคโบราณและล้าหลัง ไม่ต้องพูดถึงอาหารรสเลิศเลย ปัญหามันอยู่ที่จะทำอย่างไรให้อิ่มท้องในแต่ละวันเสียมากกว่า ไม่มีเรื่องอื่นให้คิดเลยนอกจากการออกไปทำงานในทุก ๆ วันเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว

 

ทว่าแม้ชีวิตนี้จะขมขื่นมากมายขนาดไหนนางก็ต้องอดทน พระเจ้ามอบโอกาสในการเกิดใหม่ให้กับนางอีกครั้ง นางจะต้องเข้าใจสถานการณ์และไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยหรือต้องขมขื่นมากขนาดไหน ทุกอย่างจะต้องคุ้มค่า ชีวิตของฟางฮั่นคนนี้จะต้องสดใส !

 

โชคชะตาแค่นี้ไม่สามารถหยุดยั้งนางได้แน่ !

 

ฟางฮั่นพลางคิดสิ่งเหล่านี้ในใจขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน นางเริ่มร่าเริงเมื่อเส้นทางหดเหลือเพียงนิดเดียวก็จะถึงบ้านแล้ว เด็ก ๆ สองสามคนในหมู่บ้านมองเห็นนางและเริ่มล้อเลียนการกระทำ เด็กหญิง 3 คนเบะปากพร้อมกับกล่าวเยาะเย้ยนางด้วยเสียงดังฟังชัด “เฮ้ ฟางฮั่น เจ้าหิวจนสมองทึบไปแล้วงั้นเหรอ? ทำไมจึงพกรากหน่อไม้กลับมาด้วยล่ะ ? สิ่งนั้นไม่ได้มีไว้กินสักหน่อย ! ”

 

แต่ฟางฮั่นไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป นางกลัวว่านางจะหมดพลังทันทีหลังจากได้กล่าวอะไรสักอย่างในตอนนี้

 

เด็กหญิงอีกคนกล่าวขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน “น่าสมเพชสิ้นดี”

 

“เฮอะ แต่ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันนะ ต้องแบกภาระที่ตัวเองก่อไว้อย่างโง่เขลา”

 

“ใช่ ลากเด็กตัวเล็ก ๆ 2 คนออกจากบ้าน ผู้อาวุโสก็ไม่เหลียวแล เฮอะ เป็นข้าคงไม่ทำเช่นนี้แน่...”

 

ฟางฮั่นฟังถ้อยคำของเด็กเหล่านั้นและกดเก็บอารมณ์เอาไว้ในใจอย่างอดกลั้น นางไม่สนใจและพยายามจะเดินกลับบ้านของตน

 

เมื่อมาถึง ร่างกายของนางทรุดลงกับพื้นพร้อมตะกร้าที่ถูกวางลง นางไม่สามารถขยับแขนขาได้อีกต่อไป ความเหนื่อยล้ากำลังถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วง

 

ฟางฉือนั้นเป็นเด็กหญิงที่เฉลียวฉลาด นางรีบเทน้ำร้อนในชามพร้อมกับยกมันมาให้พี่ใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นนางคลานไปด้านหลังและเริ่มนวดไหล่ให้กับฟางฮั่นด้วยมือเล็ก ๆ อย่างตั้งใจ

 

มุมปากของฟางฮั่นยกยิ้มขึ้นพร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก นางกินน้ำหมดในการยกเพียงครั้งเดียว ความกระหายนี้ช่างรุนแรงเหลือเกิน

 

“สบายจัง ! ”

 

ฟางฉือมองไปที่ตะกร้าพร้อมกับเห็นใบไม้มากมาย นางมองรากเล็ก ๆ ในนั้นพร้อมกับหยิบมันขึ้นมาด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ นี่คืออะไรหรือ ? ”

 

แม้ร่างกายของนางจะอ่อนล้าอย่างมาก แต่หัวใจนั้นเปี่ยมไปด้วยความสุข ฟางฮั่นขยิบตาให้กับเด็กหญิงพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับ “มันคือเงิน… เงินทั้งหมดเลย ! ”

 

รีวิวผู้อ่าน