ตอนที่ 17 เงื่อนงำ
ในความทรงจำเก่า นางเคยเข้าเมืองไปกับพ่อเพื่อไปขายหญ้า เวลานั้นฟางฮั่นถามกับผู้เป็นพ่ออย่างไร้เดียงสาว่า “หญ้าสามารถขายได้ด้วยหรือ ? ” คำถามนี้ทำให้พ่อของนางหัวเราะร่วนออกมา
หลังจากที่ฟางฮั่นคนเก่าจากไปและมีฟางฮั่นคนใหม่มาแทนที่ นางใช้เวลาสักพักกว่าจะย่อยความทรงจำนั้นเสร็จสิ้น เมื่อคิดถึงคำว่า ’หญ้า’ ในวันนั้น นางตระหนักรู้ได้ทันทีว่ามันคือสมุนไพร !
ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้าจะควรเปลี่ยนมันเป็นเงินดีหรือไม่ ?
ถึงตอนนี้ฟางฮั่นรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ แต่นางก็จำได้ว่าหน่อไม้ฝรั่งนั้นมีบันทึกอยู่ในตำราโบราณ นางเคยอ่านมันอย่างละเอียดและรู้ว่าหนังสือทางการแพทย์มากมายล้วนแต่พูดถึงสรรพคุณของหน่อไม้ฝรั่ง เห็นได้ชัดว่าหน่อไม้ฝรั่งนั้นถูกค้นพบว่าสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ตั้งนานแล้ว
ฟางฮั่นนั่งพักอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่นางจะลุกขึ้นเอาแป้งไปนวดให้เข้ากันและวางมันไว้บนโต๊ะ จะต้องหมักมันไว้ก่อนสักพักหนึ่ง จากนั้นนางเดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อไปร้านขายผัก จากนั้นใช้เงิน 2 อีแปะเพื่อซื้อกระเทียมกลับมาที่บ้าน
นางใช้น้ำมันหมูจากไขมันที่คนขายเนื้อมอบให้ตั้งแต่เมื่อวานเทลงในชามขนาดเล็กอย่างระมัดระวัง น้ำมันหมูที่ผ่านการเจียวนั้นมีกลิ่นหอมมาก ฟางฮั่นใช้มือแตะน้ำมันเล็กน้อยและส่งมันเข้าปากของฉือเหนียงที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ
เด็กหญิงยิ้มแย้มพร้อมกล่าวอุทานเสียงดัง “พี่ใหญ่ มันหวานมากเลย ! ”
แน่นอนว่ากลิ่นของมันหอมมาก แต่ความหวานของมันก็เป็นเลิศด้วยเช่นกัน
ฟางฮั่นลองชิ้มบ้างพร้อมรับรู้รสชาติระหว่างลิ้นกับฟันอย่างชัดเจน
นางเริ่มสับกระเทียมที่ล้างแล้วลงไปเจียวกับน้ำมัน จากนั้นเติมเกลือ นี่คือการทำไส้ซาลาเปา
ฉือเหนียงนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างไปไหน นางไม่ต้องการที่จะพลาดทุกการเคลื่อนไหวของพี่สาวตนแม้แต่วินาที
แป้งที่นวดไว้ขึ้นฟูได้ที่แล้ว จากนั้นนางเริ่มห่อไส้มันเอาไว้ด้านในและยกไปใส่หม้อนึ่ง
เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ กลิ่นของมันโชยไปทั่วบริเวณทำให้หวยเอ๋อตื่นขึ้นมา
เขาเริ่มขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนที่จะทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นที่โชยมาในอากาศอย่างใคร่รู้ “พี่ใหญ่… ทำอะไรงั้นเหรอ มันหอมเหลือเกิน”
ฟางฮั่นยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูพร้อมกับบีบจมูกน้องชายเบา ๆ “ตื่นมากินซาลาเปาก่อนเร็ว”
หวยเอ๋อกระโดดขึ้นจากเตียงด้วยความตื่นเต้น เขากำลังจะยื่นมือไปคว้าอาหารตรงหน้าแต่ถูกจับไว้โดยฉือเหนียงอย่างรวดเร็ว นางจับมือน้องชายไว้แน่นพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไปล้างมือก่อน”
ฟางหมิงหวยกลืนน้ำลายอึกใจลงคออย่างยากลำบาก เขารีบวิ่งออกไปล้างมืออย่างรวดเร็วและสับขากลับมานั่งตรงหน้าโต๊ะ ซาลาเปาก้อนใหญ่วางอยู่ตรงหน้า มือทั้งสองคว้าเอาไว้อย่างมั่นเหมาะพร้อมกับกัดลงไปบนพื้นผิว ความอร่อยของมันแทบจะทำให้น้ำตาของเด็กน้อยไหลพราก
สำหรับมื้อนี้ฟางหมิงหวยกินซาลาเปาไป 3 ก้อนใหญ่และเขาก็รู้สึกอิ่มเสียที ฟางฮั่นรู้สึกว่าถ้าเขาต้องการจะกินมันอีก นางคงไม่สามารถอนุญาตให้เขากินได้ เพราะสิ่งนี้จะต้องเก็บมันไว้กินในมื้อต่อไปด้วยเช่นกัน
“จะต้องเหลือไว้กินในมื้อต่อไปบ้างสิ เจ้าจะตะกละมากไม่ได้นะ” ฟางฮั่นบ่นออกมาอย่างทุกข์ใจ
“ขอรับ ! ” หวยเอ๋อตอบรับพร้อมกับบิดลำตัวไปมาอย่างเขินอาย
หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสามช่วยกันล้างรากหน่อไม้ฝรั่ง หลังจากตัดแต่งรากมันเรียบร้อย มันถูกวางลงไปในตะแกรงที่เต็มไปด้วยลูกพลัมสีแดง
หลังจากนั้นสองสามวัน บ่ายวันหนึ่งอาหกผลักเกวียนมาจนถึงบ้านของฟางฮั่น เขานำกิ่งก้านเถาวัลย์และกิ่งไม้แห้งจำนวนมากมาเต็มเกวียน เห็นได้ชัดว่าเขาใช้เวลาในการเก็บมันอยู่หลายวัน ฟางฮั่นกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ “อาหก ข้าสร้างภาระให้อาอีกแล้ว”
ฟางฉางชิ่งถูมือไปมาและกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ไม่มีปัญหาอะไรเลย ของพวกนี้ไม่ได้มีราคาอะไรและมันมีอยู่ในทุกหนแห่ง แค่ใช้ความพยายามเล็กน้อยเท่านั้นเอง เอาล่ะ เดี๋ยวอาจะช่วยขึ้นรั้วให้เจ้าก่อน” ฟางฮั่นได้ฟังก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อนอกจากปล่อยให้อาหกจัดการ
เขาใช้ค้อนหนักตอกกิ่งไม้หนาลงไปในดิน
จากนั้นใช้เถาวัลย์ที่ตายแล้วพาดยาวกับกิ่งไม้ที่ฝังดินเอาไว้คล้ายกับเสารั้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่เหนื่อยอะไรเลย มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยและไม่ได้รู้สึกลำบากนัก
พี่น้องทั้งสามก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขาช่วยเหลืออาหกอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าแดดจะร้อนมากแค่ไหน แต่ทุกคนก็ช่วยเหลือกันจนผ่านพ้นมันไปได้
ฟางเซียงหยู่เดินออกมาเห็นเรื่องราวทั้งหมด นางเมินเฉยพร้อมกับเบะปากอย่างขุ่นเคืองใจ
หมิงหวยที่ยังเด็กกล่าวออกมาอย่างไร้เดียงสา “วันนี้น้าเล็กแต่งตัวน่ารักเหลือเกิน อีกทั้งยังหอมมากด้วย”
จากนั้นเขาหันกลับมามองพี่สาวทั้งสองของตน พวกนางอยู่ในชุดลินินโทรม ๆ มีกิ่งไม้อยู่ในมือพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปรอะเปื้อน หัวใจของเด็กชายถูกบีบรัดด้วยความรู้สึกบางอย่างที่กำลังจู่โจมเขาอย่างรุนแรง… เขาไม่รู้เลยว่าความเจ็บปวดนี้มันมาจากไหน
ริมฝีปากของเข้าเม้มแน่นเข้าหากัน หัวใจเล็ก ๆ นั้นลอบสาบานอย่างลับ ๆ ว่าจะต้องทำให้พี่สาวของตนได้ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ที่มีกลิ่นหอมพวกนั้นให้ได้ !
รั้วถูกตั้งไว้เสร็จสมบูรณ์และมีประตูเล็ก ๆ อยู่ด้านข้างของบ้าน ฟางฉางชิ่งใช้ประตูเก่าแค่หนึ่งบานสำหรับรั้วแห่งนี้ ครอบครัวของลูกชายคนรองแยกตัวออกจากตระกูลฟางอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเดินผ่านทางเข้าออกของบ้านหลังใหญ่อีกต่อไปและตระกูลฟางก็จะไม่สามารถมายุ่งย่ามพวกเขาได้เช่นกัน
หลังจากที่ฟางฉางชิ่งเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เขารู้สึกพอใจกับรั้วนี้อย่างมากพร้อมกับเข็นเกวียนออกไปเพื่อจะกลับบ้าน แต่เขาถูกขวางไว้โดยฟางฉือ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เปล่งเสียงออกมาอย่างสดใส “อาหกรอก่อน”
ฟางฉางชิ่งนั้นจดจำบุตรสาวของตนเองที่ตายไปก่อนหน้านี้ได้ เมื่อเขาเห็นฉือเหนียง เขาจะนึกถึงลูกสาวของตนเองตลอด นางอาจจะเป็นเด็กที่กลับชาติมาเกิดในท้องของคนอื่นก็ย่อมได้ น้ำเสียงของเขาอ่อนลงพร้อมกล่าวถามเด็กน้อย “มีอะไรงั้นหรือ ? ”
ฟางฮั่นเดินออกจากบ้านมาพร้อมกับสิ่งของบางอย่าง “ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนเลย แต่อาหกเอาสิ่งนี้ไปแทนเถิด” จากนั้นนางยัดถุงใส่มือของฟางฉางชิ่งอย่างรวบรัด
ฟางฉางชิ่งขมวดคิ้วแน่นพร้อมกล่าวอย่างปลดปลง “มันคืออะไรเหรอ ? สิ่งของบางอย่างล้วนแต่จำเป็นต่อพวกเจ้าอย่างมาก ทำไมจึงไม่เก็บมันไว้ใช้เอง ไม่ต้องมอบมันให้กับอาหรอก”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ข้าเพียงทำซาลาเปาไว้มากมายและอยากจะให้ป้าหกกับพี่หรูลองชิมสักหน่อยว่ามันอร่อยหรือไม่…” ฟางฮั่นกล่าวออกมาอย่างละอายใจ “ข้าอยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง ตอนนี้ข้ายังเป็นภาระให้กับครอบครัวอาหกอยู่มากโข…”
ฟางฉางชิ่งได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเงอะงะทำอะไรไม่ถูกทันที เขาคิดไตร่ตรองสักครู่หนึ่งจึงตระหนักได้ว่าหลานสาวต้องการจะมอบมันให้เขาด้วยใจจริง เขาไม่ควรจะปฏิเสธนาง เช่นนี้รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้าพร้อมกับเข็นเกวียนกลับบ้าน
หลังจากที่ฟางฉางชิ่งออกไปแล้ว ฟางเซียงหยู่ก็เดินกลับเข้ามา
แก้มของฟางเซียงหยู่แดงเรื่อเพราะเป็นหญิงสาวที่โตเต็มวัยแล้ว ดวงตาของนางอ่อนไหวราวกับหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ผลิ ดวงใจของนางกำลังเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวในขณะที่เกือบจะชนกับฟางหมิงหวยที่ประตู
ฟางฮั่นรีบคว้าร่างกายเล็ก ๆ ของหวยเอ๋อเอาไว้พร้อมกับจ้องมองท่าทีของฟางเซียงหยู่
แม้ว่านางจะไม่เคยมีความรัก แต่นางก็ไม่เคยวิ่งหามันและพยายามที่จะประเคนร่างกายตัวเองให้ใคร นางเคยดูละครและเห็นนางร้ายชอบทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ เรียกสั้น ๆ ได้สี่คำ…
วารีดำเนิน !
มันคือความรักงั้นเหรอ ? !
ฟางฮั่นค่อนข้างตื่นตระหนกกับภาพตรงหน้า
ต้นเหตุที่นางรู้เป็นเพราะเสียงซุบซิบนินทาของเด็ก ๆ ในหมู่บ้านเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของบุรุษและสตรี ทว่าเด็กหญิงที่อายุอย่างเช่นน้าเล็กของนางนี้ถ้าหากกำลังมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับบุรุษสักคน มันอาจจะเป็นช่วงจังหวะของความต้องการเท่านั้น…
แน่นอนว่านางค่อนข้างที่จะเป็นคนร้อนแรง แต่นางสามารถมีความรักอย่างอิสระโดยไร้การควบคุมได้จริง ๆ งั้นเหรอ ? น้าเล็กคนนี้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จริง ๆ หรือนี่ ?
แม้ว่าฟางเซียงหยู่จะทำตัวไม่ค่อยดีกับครอบครัวของฟางฮั่นมากนัก แต่นางก็ยังสวมใส่ปิ่นปักผมของแม่นางอยู่… ฟางฮั่นไม่ต้องการจะเห็นหญิงสาวถูกตีตราว่าเป็นผู้หญิงสำส่อนเพียงแค่นางตกหลุมรักคนผิด
มันไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร
แต่… จะเตือนนางอย่างไรดี ?
ทั้งสองก็ไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีต่อกันนัก
ฟางเซียงหยู่เห็นพี่น้องทั้งสามกำลังยืนอยู่ที่รั้วใหม่ของตนเอง นางจ้องเขม็งพร้อมกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็จิ้งจอกตาขาวนั่นเอง ว่าแต่พวกเจ้าทำอะไรกัน ? ล้อมรั้วงั้นหรือ ? อ้อ คิดว่าพวกเราจะบุกเข้าไปขโมยสิ่งของในบ้านตัวเองน่ะ ? ช่างคิดไปได้ ! ”
ฟางฮั่นซึ่งกำลังกังวลกับเรื่องอื่นอยู่ยังไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไป “….”
ฟางเซียงหยู่เดินสะบัดหน้าออกไปพร้อมกับทิ้งสายตาเย็นชาเอาไว้
ฟางฉือเอ่ยปากออกมา “ดูเหมือนว่าน้าเล็กจะทำผ้าคลุมหน้าหายไป นางเลยอารมณ์ไม่ค่อยดี...”
ฟางฮั่นยังคงเงียบ “….”
อนิจจัง! หวังว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่ข้ากำลังคิดอยู่หรอกนะ เฮอะ เจ้าคิดเกี่ยวกับความรักอย่างไรกัน ? ความรักคืออะไร ? ความศรัทธาเหรอ ? !
ฟางหมิงหวยกล่าวต่ออย่างไร้เดียงสาว่า “มีจุดสีแดงเล็ก ๆ บนคอของน้าน้อยด้วย… แปลกจัง ในฤดูหนาวอย่างนี้มียุงด้วยเหรอ…”
ฟางฮั่นยังคงพูดไม่ออก “.....”
อนิจจา อนิจจา ! ? หวังว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่ข้ากำลังคิดหรอกนะ ! ?