px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
บทที่ 19 ไม่ง่ายเลย


บทที่ 19 ไม่ง่ายเลย

 

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฟางฮั่นจัดการกับหน่อไม้ฝรั่งอย่างเรียบง่าย ลูกพลัมป่าสีแดงที่ตากไว้ก็แห้งได้ที่แล้วเช่นกัน นางหยิบพวกมันทั้งสองบรรจุในกระสอบใหญ่หลายถุงในเช้าวันนี้ จากนั้นนางต้องใช้เงินกว่าสิบห้าอีแปะเพื่อนั่งรถม้าเข้าสู่เขตตัวเมือง

 

คนขับรถม้ามองดูสาวน้อยที่ตัวเล็กกว่ากระสอบอย่างเอ็นดู เขาเป็นคนจิตใจดีและชอบช่วยเหลือ จึงได้ช่วยนางยกกระสอบที่มีไว้บนรถและถามว่านางจะส่งของไปที่ไหน เขาจะไปส่งมันให้กับนาง

 

ฟางฮั่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งพร้อมกับรื้อความทรงจำของฟางฮั่นคนเก่าอย่างละเอียด จนท้ายที่สุดนางพบว่าไม่มีความทรงจำในส่วนนั้นอยู่บนแม้แต่น้อย ปากของนางอ้าออกพร้อมกล่าวอย่างเขินอาย “ท่านลุงรู้หรือไม่ว่าในเมืองมีร้านขายยาร้านใดที่รับซื้อสมุนไพรบ้าง ? แค่บอกข้ามาก็พอ”

 

สีหน้าของคนขับรถม้าตื่นตระหนกทันที “ในกระสอบเหล่านี้มีสมุนไพรงั้นเหรอ ถ้างั้นข้าจะพาเจ้าไปที่ร้านขายยาฮุ่ยเฟิงโดยตรงเลยแล้วกัน เจ้าของร้านขายยานั้นค่อนข้างที่จะเป็นคนดี เมื่อนานมาแล้วภรรยาของข้าป่วยหนักและได้ยาจากร้านนั้นจึงรอดมาได้น่ะ”

 

แววตาของฟางฮั่นทอประกายขอบคุณพร้อมกับรีบขึ้นรถม้าอย่างตื่นเต้น

 

ม้าค่อย ๆ ขยับตัวและลากดึงเพื่อเคลื่อนที่ ลมพัดมาจากทุกทิศทางในขณะที่ฟางฮั่นนั่งอยู่บนรถ นางรู้สึกดีใจที่วันนี้นางสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาพอสมควร หลังจากนั้นไม่นานนางรู้สึกว่าร่างกายทั้งหมดกำลังเขย่าอย่างหนักราวกับอวัยวะทั้งหมดของนางกำลังจะหลอมรวมกลายเป็นก้อนเดียวกันเสียแล้ว ใบหน้าซีดขาวและเริ่มรู้สึกเวียนหัวอยากจะสำรอกของเหลวออกจากปาก

 

มีผู้หญิงอีกคนอยู่บนรถม้านี้ด้วยเช่นกัน นางมองฟางฮั่นมาตั้งแต่ก้าวขาขึ้นรถแล้ว แม้ว่านางจะไม่ได้ตั้งใจมองอะไร แต่ฟางฮั่นก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังมองนางอยู่

 

ฟางฮั่นพยายามฝืนความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายตัวและเริ่มกล่าวสนทนากับผู้อื่น “ป้าจะไปที่เขตไหนหรือ ? ”

 

หญิงตรงหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ฟางฮั่น จำข้าไม่ได้งั้นหรือ ? แต่จะว่าไปเราก็ไม่ได้พบเจอกันมานานหลายปีแล้ว ข้าเป็นแม่ของเฉิงเจิ้งไค๋น่ะ”

 

นางเป็นแม่ของเด็กผู้ชายคนนั้น…

 

ฟางฮั่นเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่หลังจากนั้นรถม้ากลับตกกระแทกหลุมขนาดใหญ่ ทำให้ใบหน้าของฟางฮั่นกระตุกพร้อมกับปิดปากอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าดูเหมือนมันจะช้าไป…

 

แม่ของเฉิงเจิ้งไค๋ทำได้เพียงมองแต่ก็ไม่กล่าวอะไร

 

เมื่อท่าทางของฟางฮั่นเริ่มดีขึ้น แม่ของเฉิงเจิ้งไค๋กล่าวต่อ “ในครอบครัวเรา พ่อของเขาเสียชีวิตไปนานแล้ว...”

 

จิตวิญญาณของฟางฮั่นยังคงสั่นไหวแต่ก็พยายามคิดตามอย่างคลุมเครือ พ่อของนางก็ตายไปตั้งนานแล้วเช่นกัน

 

แม่ของเฉิงเจิ้งไค๋กล่าวต่อ “ข้าโตมาจากการเย็บปักถักร้อยและมันคือทักษะที่ข้าใช้หาเงินมาโดยตลอด”

 

หัวใจของฟางฮั่นสั่นไหว แววตาทอประกายอย่างเข้าอกเข้าใจ สำหรับนางที่มีน้องสาวและน้องชายอยู่ข้างหลังนั้นก็ไม่ง่ายเลยที่จะใช้ชีวิตและหาเลี้ยงพวกเขาให้ดี นางรู้สึกเข้าใจผู้หญิงตรงหน้าอย่างมาก !

 

แม่ของเฉิงเจิ้งไค๋เห็นว่าฟางฮั่นเงียบไปสักพัก สีหน้าของนางเริ่มแสดงออกถึงความกังวลใจและเริ่มกล่าวต่อ “ตอนนี้เฉิงเจิ้งไค๋กำลังเรียนอยู่และเขาใกล้ที่จะสำเร็จการศึกษาแล้ว ข้าไม่ต้องการให้เขาถูกรบกวนจากสิ่งอื่น ๆ น่ะ เจ้าพอจะเข้าใจข้าบ้างหรือไม่ ? ”

 

ฟางฮั่นนั้นค่อนข้างที่จะฉลาดและเข้าใจสถานการณ์อย่างดี ภาพเหตุการณ์ที่เด็กในหมู่บ้านโห่ร้องเพื่อล้อเลียนนางผุดขึ้นมาอีกครั้ง นางเข้าใจทันทีว่าแม่ของเฉิงเจิ้งไค๋กำลังสื่อถึงอะไร เช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ

 

ให้ตายเถอะ พวกเราสองคนยังเด็กน้อยอยู่เลย คิดมากเกินไปรึเปล่าน่ะ !

 

ร่างกายของฟางฮั่นยืดตั้งตรง นางอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อยแต่ทว่ารถม้ากลับตกหลุมอีกครั้งทำให้ใบหน้าของนางเริ่มย่ำแย่และเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

 

แม่ของเฉิงเจิ้งไค๋ที่เห็นใบหน้าของฟางฮั่นบิดเบี้ยว นางถอนหายใจออกมาพร้อมกับคิดว่าเด็กหญิงคนนี้คงหวังที่จะจับลูกชายของนางจริง ๆ ใครกันที่พาลูกชายนางไปพบเจอกับผู้หญิงเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรฟางฮั่นก็ไม่มีวันที่จะได้เข้าสู่บ้านของนางอย่างแน่นอน เด็กผู้หญิงที่หัวรั้นและไม่เชื่อฟังผู้อาวุโสในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่ผิดแปลก อีกทั้งยังขอแยกตัวออกจากตระกูลอย่างเย่อหยิ่งอีกด้วยและนางยังมีน้องอีก 2 คนที่แบกเอาไว้บนหลัง เรื่องนี้ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่งที่จะนำพานางเข้าสู่ตระกูล เป็นไปไม่ได้เลย !

 

แม่ของเฉิงเจิ้งไค๋ละสายตาออกจากฟางฮั่นพร้อมกับทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ “การที่พวกเจ้าสองคนจะรักกันนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก” จากนั้นนางมองออกไปไกลลิบพร้อมกับไม่สนใจเด็กหญิงตรงหน้าอีกต่อไป

 

ส่วนฟางฮั่นกำลังต่อสู้กับอาการเมารถอย่างบ้าคลั่ง นางคลื่นไส้และไร้เรี่ยวแรงจะตอบโต้อีกฝ่าย

หลังจากเข้าสู่เขตเมือง

 

รถม้าหยุดลงพร้อมกับฟางฮั่นที่รีบวิ่งลงมาจากรถพร้อมกับสำรอกออกมาขณะยืนอยู่ข้างถนน

 

แม่ของเฉิงเจิ้งไค๋นั้นคิดว่าฟางฮั่นกำลังเจ็บปวดที่ถูกนางปฏิเสธให้คบหากับลูกชาย นางถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับแบกสัมภาระของตนเองเดินออกไป

 

นางรีบร้อนที่จะจัดการกับงานเย็บปักถักร้อยและไม่มีเวลาที่จะมาสนใจกับฟางฮั่น

 

หลังจากที่อาเจียนเป็นเวลานาน ฟางฮั่นยืดตัวขึ้นพร้อมกับใบหน้าซีดเซียว คนขับรถม้าอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา “เด็กน้อย… เจ้ากำลังมีอาการเมารถอย่างรุนแรง รีบไปซื้อยาแก้อาการเมารถจากร้านขายยาเถิด ตอนนี้เราอยู่ไม่ไกลจากร้านขายยาฮุ่ยเฟิงมากนัก เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะช่วยยกกระสอบนี้ไปให้เจ้าเอง”

 

ฟางฮั่นโค้งให้คนขับรถม้าอย่างซาบซึ้งใจ

 

หลังจากที่เขาพาฟางฮั่นมาถึงร้านขายยาฮุ่ยเฟิงเสร็จสิ้น เขาก็ขึ้นรถและกลับออกไป

 

ฟางฮั่นเดินไปตามถนนซึ่งตอนนี้นางมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของร้านขายยา ยังไม่ทันที่นางจะได้กล่าวอะไร คนจากในร้านมองนางพร้อมกระสอบด้วยความฉับไวพร้อมกล่าวต้อนรับอย่างอบอุ่น “สวัสดีแขกตัวน้อย ที่นี่มีอะไรที่เจ้าต้องการหรือไม่ ? ”

 

ร้านขายยานี้ค่อนข้างที่จะเป็นมิตรอย่างมาก นางทั้งสวมใส่เสื้อผ้าเก่าและราคาถูก ถ้าหากว่าเขาจะดูแคลนก็ไม่ผิดนัก

 

ฟางฮั่นลอบขอบคุณคนขับรถม้าอยู่ในใจที่แนะนำร้านที่ดีให้กับนาง

 

นางเงยหน้าขึ้นและมองบุคคลตรงหน้าพร้อมเอ่ยปาก “ข้ามาเพื่อขายสมุนไพรบางอย่าง”

 

สายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ฟางฮั่นไม่รอช้านางรีบเปิดกระสอบเผยให้เห็นรากหน่อไม้ฝรั่งแห้งอยู่ภายใน

 

ชายตรงหน้าเผยใบหน้าตกตะลึง พร้อมอุทานว่า “โอ้ หน่อไม้ฝรั่งในสภาพที่ยอดเยี่ยม! ข้าต้องเรียกท่านเจ้าของร้านมาดูมัน ! ”

 

ฟางฮั่นพยักหน้ารับ สักพักหนึ่งเจ้าของร้านเดินออกมาพร้อมกับตรวจสอบหน่อไม้ฝรั่งในกระสอบอย่างระมัดระวัง รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ข้าไอหนักมากในช่วงฤดูหนาว อีกทั้งในร้านก็ยังขาดแคลนหน่อไม้ฝรั่งมากโข เด็กน้อยเจ้ามาจากร้านไหนหรือ ? ใครเป็นคนส่งเจ้ามาที่นี่ ? ”

 

ฟางฮั่นเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับปล่อยให้เจ้าของร้านคาดเดาถึงภูมิหลังของนางเอาเอง “ท่านเจ้าของร้าน… หน่อไม้ฝรั่งพวกนี้ขายได้ราคาเท่าไหร่หรือ ? ” นางไม่ได้เรียกชื่อเป็นทางการของมัน เพียงแต่กล่าวในชื่อที่ทุกคนล้วนเข้าใจตรงกันออกมา

 

“ปกติแล้วครอบครัวของข้าจะรับซื้อหน่อไม้ฝรั่งในราคา 80 อีแปะต่อ 1 จินน่ะ” เจ้าของร้านครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะกล่าวต่อ “ข้ารู้สึกว่าหน่อไม้ฝรั่งของเจ้าอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยมและผ่านกระบวนการที่ค่อนข้างจะสะอาดพอสมควร เอาล่ะ ถ้ามันเป็น 90 อีแปะต่อ 1 จินล่ะ เจ้าตกลงหรือไม่ ? ”

 

ฟางฮั่นครุ่นคิดอยู่สักครู่หลังจากนั้นนางอุทานออกมาพร้อมพยักหน้า “แน่นอน ! ”

 

ใบหน้าของเจ้าของร้านปรากฏรอยยิ้มอบอุ่น เขารู้สึกมีความสุขในขณะที่จับจ้องเด็กหญิงคนนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ทราบถึงเบื้องหลังของนาง แต่เขาก็รู้สึกดีอย่างมาก สายตาพลันเหลือบไปหาผู้ชายด้านข้างพร้อมกับโบกมือเป็นสัญญาณให้เขาไปหยิบตาชั่งออกมาเพื่อชั่งน้ำหนักหน่อไม้พวกนี้

 

ฟางฮั่นนำหน่อไม้ฝรั่งมาสองกระสอบรวมกันแล้วน้ำหนักกว่า 66 จิน ฝ่ายเจ้าของร้านก็ชื่นชอบนางมากพร้อมกับหยิบเงินให้นางอย่างง่ายดาย

 

เป็นจำนวนเงิน 6 ตำลึง !

 

ฟางฮั่นพยายามจะอยู่ในความสงบ ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

แน่นอนว่ายาสมุนไพรจีนเป็นสิ่งที่สามารถขายได้เสมอ มันสร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ ! แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือหน่อไม้ฝรั่งที่อยู่ในเขาเทพธิดาแทบจะถูกขุดออกไปจนหมดสิ้นโดยตัวนางเอง หลังจากนี้มันจำเป็นจะต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อเจริญเติบโตขึ้นมาอีกครั้ง

 

จากนั้นชายเจ้าของร้านชี้ไปที่กระสอบอีกใบพร้อมกับถามอย่างสงสัย “เด็กน้อย ในกระสอบใบนั้นมันมีอะไรงั้นหรือ ? ”

 

ฟางฮั่นเปิดกระสอบออกอย่างกระตือรือร้นพร้อมกล่าวว่า “มันคือลูกพลัมป่าสีแดงที่ข้าตากแห้งไว้น่ะ เดี๋ยวจะเอามันไปเสนอขายให้กับร้านขายน้ำชาดูหน่อย ข้าก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะรับซื้อมันหรือไม่”

 

เจ้าของร้านขายยาหัวเราะร่วนออกมา “สาวน้อย ทำไมเจ้าจะต้องไปที่ร้านขายน้ำชาที่อื่น ชาสมุนไพรลูกพลัมสีแดงก็เป็นสิ่งที่ร้านของเราทำอยู่เช่นกัน ข้าทำเกี่ยวกับบ๊วยตากแห้งอยู่น่ะ”

 

ฟางฮั่นเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเพราะคาดไม่ถึงว่าจะประสบกับเรื่องราวที่น่ายินดีเช่นนี้ “ถ้าอย่างนั้นข้าขอรบกวนนายท่านทั้งสองช่วยตรวจสอบให้ทีว่าทั้งหมดนี้เป็นราคาเท่าไหร่”

 

ฟางฮั่นรู้สึกว่าเจ้าของร้านขายยาคนนี้ใจกว้างและเต็มไปด้วยทัศคติที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าเขาจะเห็นนางอยู่ในสภาพทรุดโทรมดูต่ำต้อยแต่ก็ยังปฏิบัติกับนางอย่างเท่าเทียมโดยไม่มีการดูแคลนแม้แต่น้อย ส่วนเจ้าของร้านก็รู้สึกดีกับเด็กหญิงตรงหน้าด้วยเช่นกัน เขาสามารถบอกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นนางว่านางไม่ได้เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย เขารู้สึกมีความสุขที่ได้มอบสิ่งดี ๆ ให้กับนาง จากนั้นเขาจึงเสนอราคา 58 อีแปะต่อ 1 จินออกไป

 

ลูกพลัมป่าสีแดงนี้เป็นกลีบเล็บลีบซึ่งมีน้ำหนักบางเบา หลังจากผ่านการอบแห้งน้ำหนักก็จะยิ่งเบาลงไปอีกมาก ในกระสอบนี้มีเพียง 4 จินเท่านั้น ซึ่งราคาขายของมันจะอยู่ประมานสองถึงสามตำลึง

 

หลังจากแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้นแล้ว ฟางฮั่นพลันนึกถึงเรื่องที่คนขับรถม้าได้บอกกล่าวก่อนหน้านี้ นางรีบถามเจ้าของร้านขายยาทันทีเกี่ยวกับอาการเมารถ

 

เจ้าของร้านหัวเราะร่วนออกมาพร้อมกับบอกคนข้าง ๆ ให้ไปหยิบยาซองเล็กที่โต๊ะมา จากนั้นเขายื่นมันให้ฟางฮั่น “ราคาแค่นี้เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับหน่อไม้ฝรั่งที่เจ้านำมาในวันนี้”

 

ฟางฮั่นรับมันมาพร้อมกับถือเงิน 8 ตำลึงไว้ในมืออย่างชื่นมื่น ภายในใจของนางกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่ง !

รีวิวผู้อ่าน

bumbimonarnin
1258 วันที่แล้ว

เรื่องนี้แหระที่จะมาแทน เรื่องทุ่งรวงทอง สนุกมาก


  แสดงความคิดเห็น