ตอนที่ 20 ระบบรักษาความปลอดภัยสมัยโบราณแย่มาก
หลังจากที่นางถูกดึงให้มาอยู่ในโลกยุคโบราณ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางฮั่นได้เข้าสู่เขตเมือง ดังนั้นนางจึงรู้สึกอยากจะเดินเล่นที่นี่ต่อสักหน่อย
สายตาของนางพลันหันมองไปรอบ ๆ อย่างใคร่รู้ ความเจริญรุ่งเรืองของเขตเมืองนี้ไม่ใช่สิ่งที่หมู่บ้านของนางจะเทียบเคียงได้เลย ฟางฮั่นรู้สึกชอบที่นี่ ทั้งทิวทัศน์ต่าง ๆ ล้วนแต่ดูสะอาดตาและเป็นระเบียบเรียบร้อย
นางนึกถึงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา ฟางฮั่นเดินไปซื้อน้ำตาลสองห่อพร้อมกับติ่มซำ 2 ถุง นางคิดว่าจะให้น้องทั้งสอง 1 ถุงและเอาไปให้ครอบครัวของอาหกด้วยอีกถุงหนึ่ง
ขณะที่นางกำลังเดินผ่านห้องแถวสีเงิน ฟางฮั่นพลันนึกถึงปิ่นปักไม้บนศีรษะของน้าหก หัวใจของนางบีบรัดเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน
ผู้ชายที่อยู่ในร้านเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อเห็นเด็กหญิงซอมซ่อเดินเข้ามา น้ำเสียงของเขาไม่ค่อยจะอบอุ่นมากนัก “สาวน้อย เจ้ามาจากที่ไหนกัน อย่าเดินไปรอบ ๆ สิ เจ้าต้องการอะไร ? ”
ฟางฮั่นไม่ได้โกรธ มันไม่แปลกที่เขาจะพูดจาแบบนั้นกับนางเพราะเสื้อผ้าของนางนั้นย่ำแย่เกินกว่าจะบรรยาย นางมองปิ่นปักผมสีเงินบนชั้นวางพร้อมถามว่า “อันนี้เท่าไหร่ ? ”
ลมหายใจแห่งความเหยียดหยามถูกพ่นออกมาจากรูจมูกของชายตรงหน้าอย่างไม่แยแส “ราคาเหรอ ! 2 ตำลึง... ถ้าเจ้าสามารถจ่ายมันได้ ! ”
ฟางฮั่นพยายามข่มอารมณ์พร้อมกล่าวอย่างใจเย็น “ห่อมันซะแล้วมาเอาเงินไป ! ”
สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง ชายอีกคนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกุลีกุจอเข้ามาพร้อมกับหยิบเงินไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขานับเงินและหัวเราะออกมา “สาวน้อยอย่าได้ถือสา รอสักครู่ข้าจะห่อมันให้เดี๋ยวนี้”
ปิ่นปักผมสีเงินบรรจุในกล่องไม้แกะสลักอย่างสวยงาม ฟางฮั่นรับของด้วยมือเดียวและหันกลับออกจากร้านโดยไม่เหลียวมองสิ่งใด
“ฮ่าฮ่า” ในห้องส่วนตัวชั้นบน มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดูงดงามราวกับหยกแกะสลักกำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้ เขาหันไปหาอีกคนซึ่งอยู่ด้วยกันพร้อมกล่าวว่า “ท่านอา…ท่านเดาซิว่าข้าเจอใคร ? ”
แต่อีกฝ่ายเกียจคร้านเกินกว่าจะตอบโต้กับเขาอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ เด็กน้อยไม่ได้โกรธเคืองแต่ยังคงกล่าวต่อ “โธ่ ท่านอา… นั่นก็คือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ข้าบอกเมื่อไม่กี่วันก่อนไง นางคุกเข่าขอร้องให้ปู่กับย่าอนุญาตให้นางออกจากบ้านพร้อมกับพี่น้องอีกสองคน ! ”
อีกฝ่ายก็ยังคงนั่งจิบชาต่อไปอย่างไม่สนใจ
“ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องไปดูนางสักหน่อย” ดวงตาของเด็กผู้ชายตัวเล็กกรอกไปมาอย่างซุกซน เขาต้องการที่จะออกไปเล่น คราวก่อนเขาแอบออกไปเล่นข้างนอกจนเป็นเหตุให้ท่านอาของเขาถูกท่านปู่ดุด่าพร้อมกับสั่งให้ออกไปพาตัวของเขากลับมา แต่กลายเป็นเรื่องโชคดีที่อาเล็กของเขาคนนี้นั้นเป็นคนไม่สนใจอะไรเลย เขาเฉยเมยและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างอิสระ มือเรียวยาวโบกอย่างไม่สนใจราวกับกำลังจะบอกว่า ‘ขอให้สนุก’
เด็กชายเห็นดังนั้นเผยรอยยิ้มกว้างพร้อมกับวิ่งลงบันไดทันที
ส่วนอีกฝ่ายวางถ้วยชาลงอย่างใจเย็น
มีการสุ่มเลือกเครื่องประดับขึ้นมากองหนึ่งอย่างลวก ๆ ชายหนุ่มโบกมือให้กับเจ้าของร้านเพื่อนำมันไปห่อให้เรียบร้อย เจ้าของร้านมีความสุขมากพร้อมกล่าวออกมาอย่างไม่รู้ตัว “นายน้อยช่างเป็นผู้ที่มีรสนิยมที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง การเลือกเครื่องประดับเช่นนี้ย่อมหมายความว่ามีนางในดวงใจแล้วอย่างแน่นอน””
อีกฝ่ายเหลือบมองเจ้าของร้านอย่างเย็นชาพร้อมกล่าว “แกกล้าที่จะวิจารย์นายน้อยงั้นหรือ ? ”
เจ้าของร้านผงะทันทีพร้อมกับตบปากของตนเบา ๆ “โอ้ ช่างปากพล่อยอะไรเช่นนี้ ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่พูดอะไรอีก”
อารักขาที่ติดตามชายหนุ่มเย็นชาคนนั้นขว้างเงินออกมาจำนวนหนึ่งลงบนกองเครื่องประดับมากมายอย่างโกรธเคืองและแสดงอำนาจ ในสายตาเขาราวกับกำลังจะบอกอีกฝ่ายว่าอย่าให้ข้าได้พบเจอแกอีกครั้ง ! ส่วนเด็กหนุ่มที่อยู่ภายในห้องหรูหราอย่างโดดเดี่ยวลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าพร้อมกับเดินลงมาด้านล่างอย่างเฉยเมย
ฟางฮั่นถือกล่องไม้แกะสลักพร้อมกับขนมในมืออย่างมั่นคง นางซื้อเชือกมัดผมจำนวนหนึ่งมาด้วย มันเหมาะกับน้องสาวของนางและตัวนางเอง ตอนนี้นางกำลังมีความสุขกับการเลือกซื้อของเหล่านี้
ขณะที่กำลังจะเดินผ่านแผงลอยที่ขายหยก ฟางฮั่นแทบจะน้ำลายไหลออกมาในขณะที่สายตาจับจ้องเครื่องประดับหยกต่าง ๆ ที่ถูกวางเรียงรายอย่างสวยงาม
อ่า… สมัยโบราณนี้เต็มไปด้วยหยกบริสุทธิ์มากมาย พวกมันล้วนแต่มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง แม้ว่าข้าจะไม่สามารถจ่ายเพื่อหยิบฉวยมันได้ ขอแค่ได้มองก็ชื่นใจนัก
ฟางฮั่นวาดฝันว่านางจะต้องหาเงินได้มากขึ้นในอนาคต จากนั้นนางจะซื้อบ้านและตกแต่งมันด้วยหยกบริสุทธิ์ วัน ๆ นางจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งจิบชาและชื่นชมหยกเหล่านั้น… เพียงแค่คิดความสุขก็ถาโถมในจิตใจอย่างบ้าคลั่งแล้ว !
ท่ามกลางความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของฟางฮั่น หัวไหล่ของนางกลับถูกครอบครองด้วยใครบางคน
“เฮ้ นังโสเภณีน้อย ! แกกล้าที่จะหนีออกมาด้านนอกงั้นเหรอ! กลับไปพร้อมข้าเดี๋ยวนี้ ! ”
ชายร่างใหญ่สองคนซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลและความเหี้ยมโหด ทั้งสองรู้สึกสะดุดตากับฟางฮั่นและต้องการจะบังคับนำตัวนางกลับไปด้วย พวกเขาพยายามเข้ามาทุบตียื้อยุดฉุดกระชากนางไป
ฟางฮั่นตกตะลึงอยู่ชั่วขณะพร้อมกับความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของนาง… นี่คือการค้ามนุษย์สมัยโบราณงั้นหรือ ?
ในตอนกลางวันแสก ๆ เนี่ยนะ ? !
ความปลอดภัยในสมัยนี้แย่เกินไปแล้ว!
ฟางฮั่นได้แต่บ่นเรื่องนี้ในใจและนางไม่ได้วางแผนจะใช้วิธีร้องขอชีวิต สายตาไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย มือของนางจับที่เข็มขัดของอีกฝ่ายพร้อมกับถีบเข้าที่กล่องดวงใจ “ข้าไม่รู้จักเจ้า ! คิดจะทำอะไร ! จะลักพาตัวงั้นเหรอ ! เจ้ากล้าที่จะลงมือในตอนกลางวันแสก ๆ ได้อย่างไร ! ”
ชายร่างใหญ่จับจ้องฟางฮั่นมาสักพักแล้ว เด็กหญิงจับจ่ายใช้สอยอย่างสบายมือและยังอยู่คนเดียว แต่ชุดของนางนั้นไม่ได้ดูดีมากแต่ก็ยังพอมีความน่ารักอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงคิดจะใช้จุดนี้ในการลักพาตัวนางไปขาย แต่ใครจะรู้ว่าเด็กหญิงผิวขาวคนนี้จะมีท่าทีดุเดือดและไม่ยอมคนเช่นนี้ เด็กหญิงทั่วไปมักจะไม่สามารถร้องตะโกนออกมาได้ทันเวลา แต่นางกลับกล้าที่จะต่อต้านพวกเขาอย่างจริงจังและเด็ดเดี่ยว
ชายร่างใหญ่ปล่อยมือพร้อมกับเกาศีรษะอย่างมึนงง ร่างของฟางฮั่นแทบจะวิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขายังคงตะโกนและเข้ามาใกล้ “หน้าไม่อาย ! เจ้ากล้าที่จะออกมาจากซ่องแถมยังขโมยเงินจากแม่เล้า ! ช่างกล้าหาญยิ่ง กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้”
พวกเขายังคงพูดต่อไปเพื่อแสดงให้คนรอบข้างเห็นว่านางหนีออกมาจากซ่องจริง ๆ
บุคคลที่เดินอยู่บนถนนเริ่มลังเลที่จะเดินออกไปจากจุดเกิดเหตุ พวกเขาทั้งหมดเกรงว่านางจะหนีออกมาจากซ่องจริง ๆ และไม่มีใครอยากมีปัญหากับคนพวกนั้น
ฟางฮั่นรู้สึกมึนงงอย่างมากในขณะที่คำพูดของอีกฝ่ายดังก้องขึ้นในโสตประสาท ไฟแห่งความโกรธลุกท่วมจากนั้นนางเริ่มทุบตีชายร่างใหญ่ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เสียงแหลมกรีดร้องพร้อมตะเบ็งออกมาอย่างดุเดือด
“ไอ้คนตาบอด ! แกกล้าพูดได้อย่างไรว่าข้าเป็นผู้หญิงสกปรกพวกนั้น ! แกรู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ! เจ้านายของข้าเป็นเจ้าหน้าที่ คำพูดที่ร้ายกาจของพวกเจ้าจะต้องถึงหูของเขาอย่างแน่นอน ข้าจะฟ้องร้องพวกเจ้าในข้อหาดูหมิ่นใส่ร้ายต่อผู้พิพากษา ! ”
ความชอบธรรมที่ฟางฮั่นกล่าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เคร่งขรึมนั้นทำให้ชายทั้งสองเริ่มลังเล คำพูดจาของนางราวกับว่านางมาจากตระกูลใหญ่อย่างแท้จริง
ฟางฮั่นเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มลังเล นางรีบเติมเชื้อไฟลงไปในใจของพวกมันอย่างเร่งรีบ “ตอนนี้มีคนจำนวนมากเห็นว่าพวกเจ้ากำลังจะลักพาตัวข้าไป เจ้านายของข้าไม่ใช่คนธรรมดาที่เพียงแต่อ่านหนังสือได้เท่านั้น เฮอะ เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะมาจับกุมพวกเจ้า แล้วคิดว่าจะหลบหนีได้เหรอ ! ”
อีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นเริ่มสับสนและมึนงง ตอนนี้มีคนจำนวนมากเห็นเหตุการณ์ เขาจึงยอมปล่อยฟางฮั่นที่ดุร้ายและวิ่งหลบหนีหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
ฟางฮั่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อยู่สักพักใหญ่ นางรู้สึกว่าร่างกายกำลังอ่อนปวกเปียกอย่างหดหู่ หลังของนางพิงเข้ากับกำแพงใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน จากนั้นมีเด็กผู้ชายวิ่งมาจากฝูงชนพร้อมกับถามไถ่กับนางอย่างตื่นเต้น “โอ้ เจ้าไม่ใช่คนในหมู่บ้านเล็ก ๆ นั้นหรอกหรือ เจ้าขายตัวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? ”
ฟางฮั่นที่เพิ่งรอดพ้นจากอันตรายกรอกตาไปมาพร้อมกล่าวตอบอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นใคร เรารู้จักกันหรือ”
เด็กชายตัวเล็กด้านหน้านี้แม้ว่าจะดูธรรมดา แต่ออร่าของความรวยและความสง่างามในแบบชนชั้นสูงของเขาไม่อาจถูกปกปิดเอาไว้ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากตระกูลใหญ่
ฟางฮั่นปฏิเสธคำพูดของเขาและเริ่มต่อต้าน นางมองว่าเขาอาจจะเป็นหนึ่งในพรรคพวกของชายหนุ่มร่างใหญ่พวกนั้นก็ได้
การตัดสินคนอื่นจากลักษณะภายนอกนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์พึงกระทำอยู่เสมอ พวกเขาไม่มองเนื้อในของใครอย่างแท้จริง…
ฟางฮั่นคิดเรื่องนี้พร้อมกับเม้มปากเข้าหากันแน่นอย่างเจ็บปวด