px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 33 เงินอั่งเปา


ตอนที่ 33 เงินอั่งเปา

 

ไม่กี่วันก่อนเทศกาลปีใหม่ ตระกูลฟางได้ส่งเนื้อหมู 10 กิโลกรัมมาให้เนื่องจากมันคือสัญญาตอนแยกบ้านออกมา ฟางฮั่นหั่นเนื้อหมูเป็นทางยาวหมักกับซอสและทาเกลือ จากนั้นนางตากมันจนแห้งเพื่อที่จะทำหมูรมควันสักหน่อย ในวันส่งท้ายปีเก่านี้ฟางฮั่นมีความตั้งใจว่าจะนำหมูรมควันบางส่วนมาปรุงอาหารเย็นให้หรูหราเป็นพิเศษเสียหน่อย

 

นางจัดการเอาหมูรมควันมาพันรอบหน่อไม้และใช้มันหมูทาที่ก้นหม้อให้ฉ่ำไปด้วยน้ำมัน หมูรมควันถูกผัดพร้อมกับยอดหน่อไม้ส่งกลิ่นหอม จากนั้นนางเอากระดูกท่อนใหญ่ที่ซื้อมาจากพ่อค้าขายหมูในหมู่บ้านใส่ลงในหม้อพร้อมด้วยหั่นหัวไชเท้าลงไปทำเป็นต้มซุปกระดูกหัวไชเท้า จากนั้นกระเทียมและไข่ถูกทำเป็นไส้และมันถูกห่อด้วยแผ่นเกี๊ยว

 

นางเอาเหรียญสองสามชิ้นใส่ในไส้ของเกี๊ยวเพื่อดูว่าใครจะเป็นผู้โชคดี

 

ขณะที่อาหารกำลังถูกนำมาวางบนโต๊ะ น้ำลายของฟางหมิงหวยแทบจะย้อยออกจากปากอย่างกลั้นไม่อยู่

 

ในตอนนี้เขาจำเป็นจะต้องไหว้บรรพบุรุษก่อนถึงจะสามารถกินอาหารได้ ฟางฮั่นจุดธูปและให้ฟางฉือและฟางหมิงหวยกราบไหว้บรรพบุรุษ นางภาวนาอยู่ภายในใจตนเองเพื่อบอกกล่าวกับพวกเขาว่าตอนนี้นางจะใช้ร่างกายของบุตรสาวของพวกเขาให้ดีที่สุดและจะดูแลฟางฉือและหมิงหวยอย่างดี

 

พี่น้องทั้งสามคนกินอาหารเย็นส่งท้ายปีเก่าอย่างมีความสุข อาจเพราะฟางฮั่นห่อเหรียญอีแปะไว้ด้านในหลายชิ้น จึงทำให้พวกเขายิ่งมีความสุขมากขึ้นหลายเท่า

 

หลังมื้ออาหารแห่งค่ำคืนที่มีความสุขผ่านพ้นไป ฟางฮั่นใช้ไม้ไผ่ยาวพร้อมกับแขวนประทัดเอาไว้ เมื่อไม่กี่วันก่อนฟางหมิงหวยคือผู้กล้าหาญต้องการที่จะจุดประทัดด้วยตนเอง วันนี้เขาหยิบไม้ขีดไฟและแตะที่ปลายของประทัดพร้อมหันหลังวิ่งออกมาทันที

 

นี่คือการจุดประทัดครั้งแรกของเขา

 

ท่ามกลางเสียงประทัดที่ดังสนั่น ฟางฮั่นเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เปิดโล่งอย่างเงียบเชียบ

 

นางภาวนาว่าประทัดจะขับไล่โชคร้ายต่าง ๆ ออกไป และในปีใหม่นี้ขอให้นางสามพี่น้องได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

 

หลังจากจุดประทัดแล้ว ฟางฮั่นหยิบดอกไม้ไฟที่นางซื้อมาและยื่นมันให้กับฟางฉือ อีกฝ่ายอิดออดที่จะเล่นมันนิดหน่อยเพราะกลัวอันตราย แต่ฟางฉือไม่สามารถอดทนต่อเสียงรบเร้าของน้องชายตัวเล็กได้ไหว นางถือไม้ขีดเล่มเล็กพร้อมกับเดินไปจุดดอกไม้ไฟด้วยท่าทีที่หวาดกลัว เมื่อปลายไม้ขีดแตะกับดอกไม้ไฟ นางหันหลังและวิ่งสุดกำลัง ท้ายที่สุดเปลวไฟวิ่งไปตามเส้นทางของมันและพลุระเบิดขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเบ่งบานออกอย่างสวยงาม เด็กน้อยทั้งสองกอดกันกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขในสนามหญ้าของบ้าน

 

“มันสวยมาก…” ฟางฉืออุทานออกมาพร้อมดวงตาเปล่งประกาย

 

หลังจากทั้งสามจุดประทัดและดอกไม้ไฟเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาล้วนแต่อ่อนล้าเนื่องจากยังเด็กอยู่ ฟางฮั่นพาเด็กน้อยทั้งสองเข้านอน หลังจากพวกเขาหลับสนิท นางแอบย่องลงจากเตียงและหยิบซองสีแดงมีตราประทับเล็ก ๆ ออกมา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่นางตระเตรียมไว้เมื่อสองสามวันก่อน ในซองของน้องชายมี 50 อีแปะ ส่วนของน้องสาวมี 70 อีแปะ นางยัดมันใส่ใต้หมอนของทั้งคู่และค่อย ๆ ก้าวขึ้นเตียงอีกครั้ง

 

ทั้งสามหลับสนิทตลอดคืน

 

เช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันปีใหม่… ฟางฮั่นถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงตะโกนของฟางหมิงหวย “พี่ใหญ่ ! มีเงินอยู่ใต้หมอนของข้า ! ”

 

ฟางฮั่นขยี้ตาก่อนจะเห็นว่าฟางหมิงหวยกำลังถือซองสีแดงไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งมีเหรียญสองสามอันและตั๋วแลกเงินไม่กี่ใบ เขากำลังกระโดดไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นจนทำให้ฟางฉือลืมตาขึ้นมา

 

หลังจากนั้นฟางฉือจึงรู้ว่าใต้หมอนของนางก็ได้รับซองเล็กที่มีตราประทับสีแดงด้วยเช่นกัน

 

เด็กทั้งสองคนมีความสุขอย่างมาก ในอดีตที่ผ่านมาครอบครัวของพวกเขายากจน เงินทั้งหมดที่ผู้เป็นพ่อหามาได้ถูกยกให้กับปู่ย่าจนหมดสิ้น เช่นนี้จึงไม่มีอะไรเหลือให้กับครอบครัวของตนเอง บางครั้งพ่อดิ้นรนหาเงินจนป่วยหนักด้วยซ้ำ… อีกทั้งก่อนที่ฟางหมิงหวยจะเกิดมา ผู้เป็นพ่อได้หายตัวไปอย่างลึกลับและครอบครัวก็แย่ลงทันที นี่คือปีใหม่ที่ดีที่สุดของฟางหมิงหวย เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับเงินอั่งเปา จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงตื่นเต้นมากขนาดนั้น

 

หลังจากฟางหมิงหวยกระโดดจนพอใจแล้ว เขายื่นซองสีแดงให้กับฟางฮั่นอย่างไม่ลังเล รอยยิ้มหวานจากความประหม่าเกิดขึ้นบนใบหน้าของเด็กชาย “พี่ใหญ่ รับนี่ไปสิ ข้าขออวยพรให้พี่ใหญ่มีความสุขมาก ๆ ในปีใหม่นี้”

 

ฟางฉือก็ทำเช่นเดียวกัน

 

ฟางฮั่นประทับใจอย่างมาก นางโอบกอดเด็กทั้งสองคนเอาไว้พร้อมกับหอมแก้มพวกเขาฟอดใหญ่หลายที “เงินพวกนี้คือเงินอั่งเปาของพวกเจ้า จงเก็บมันไว้ให้ดี ถ้าเราเข้าเมืองกันรอบหน้า เจ้าค่อยใช้มันเพื่อซื้อของให้กับข้าแทนนะ”

 

เมื่อกล่าวถึงการซื้อของด้วยเงินของตนเอง เด็กทั้งสองตื่นเต้นมากพร้อมกับพยักหน้ารับทันที

 

ฟางฮั่นดึงเสื้อผ้าที่นางเพิ่งซื้อมาจากในตัวเมืองเมื่อหลายวันก่อนออกมา มันไม่ได้แพงมากนักแต่ให้ความสบายกับร่างกายส่วนบนอย่างมาก ฟางฮั่นเลือกสีเหลืองอ่อน ๆ ให้ตัวเอง ส่วนฟางฉือชอบสีชมพู นางจึงได้รับชุดสีชมพู ส่วนฟางหมิงหวยดูเหมือนจะไม่เข้าใจ เขาต้องการที่จะได้รับสีชมพูเหมือนกับพี่สาวด้วยเช่นกัน

 

พี่สาวทั้งสองสบตากันก่อนที่จะบิดหูของหมิงหวยอย่างหมั่นไส้ หูของเขาแดงก่ำจนคล้ายกับตุ๊กตาอาแปะ จากนั้นฟางฮั่นหยิบชุดสีแดงของหมิงหวยออกมาให้เขาสวมใส่เอาไว้

 

หลังจากที่ทั้งหมดเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว ฟางฮั่นเริ่มถักเปียสองข้างให้กับฟางฉือและสวมมงกุฎดอกไม้บนหัวของเด็กน้อย เมื่อรวมเข้ากับชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนทำให้ฟางฮั่นรู้สึกว่านางกำลังหัวใจละลายเมื่อมองน้องสาวของตนเอง

 

ฟางฮั่นอดไม่ได้ที่จะดึงร่างน้อย ๆ เข้ามาหอมแก้มก่อนที่จะกอดไว้อย่างเหนียวแน่น

 

โชคดีที่นี่คือน้องสาวของนางเอง มิฉะนั้นฟางฮั่นจะต้องถูกตัดสินต้องโทษประหารแน่นอนจากการกระทำเช่นนี้…

 

ส่วนฟางฮั่นนั้นยังมีกิ๊บติดผมดอกกำมะหยี่แห่งฤดูหนาวด้วย สีเหลืองอ่อนของมันเข้ากับชุดที่นางสวมใส่พอดิบพอดี เช่นนี้ยิ่งทำให้นางดูอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น

 

ฉับพลันมีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในศีรษะของนาง “ยัยแก่หนังเหนียวกำลังทำตัวไม่เหมาะสมรึเปล่า…”

 

ไม่สิ… ฟางฮั่นสลัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้คือนางเด็กน้อยน่ารักวัย 9 ปี นางแต่งตัวได้อยู่ไม่ใช่หรือ ? !

 

อาหารเช้าในวันนี้คือเกี๊ยวที่เหลือจากเมื่อคืน ฟางฮั่นผัดหัวหอม กระเทียมและไข่ด้วยกัน จากนั้นพวกเขาจิ้มมันลงไปในโชยุตามแบบฉบับโบราณ ความอร่อยแผ่ซ่านไปทั่วปากอย่างน่าตื่นเต้น

 

หลังจากรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จสิ้นแล้ว ฟางฮั่นยืนขึ้นพร้อมกับสำรวจร่างกาย นางจับน้องชายและน้องสาวแต่งตัวใหม่และพาทั้งคู่ไปที่ตระกูลใหญ่

 

ไม่ว่านางจะทะเลาะกับผู้อาวุโสในตระกูลมากขนาดไหน แต่ฟางฮั่นยังเข้าใจได้ดีว่าเด็ก ๆ ก็ต้องกราบไหว้บรรพบุรุษ ไม่ว่าอย่างไรเหล่าผู้อาวุโสก็ไม่มีสิทธิขัดขวางพวกนางทั้งสาม

 

ทั้งฟางเถียนและฟางจงโยว่ล้วนแต่เป็นผู้อาวุโสในหมู่บ้านฟางเจีย ประเพณีของหมู่บ้านคือคนรุ่นใหม่จะเข้ามาทำความเคารพผู้อาวุโสในช่วงปีใหม่ เช่นนี้ตอนเช้าลานบ้านของตระกูลฟางจะถูกเปิดออกเพื่อรอคนมาเยี่ยมในเทศกาลปีใหม่นี้

 

เมื่อฟางฮั่นพาน้องทั้งสองคนเดินเข้ามาในลานบ้านตระกูลฟาง นางได้พบกับครอบครัวหนึ่งซึ่งมาอวยพรปีใหม่ให้กับฟางเถียน หลังจากพวกเขาเดินออกจากประตูมา เด็ก ๆ ในครอบครัวนั้นซึ่งอายุเพียงสามหรือสี่ขวบถือซองแดงเล็ก ๆ และเงยหน้าขึ้นกล่าวกับแม่ของตนเอง “ท่านยายฟางช่างตระหนี่นัก ในซองแดงมีแค่เหรียญอีแปะ 2 เหรียญเท่านั้น”

 

โดยปกติแล้ว ซองสีแดงแบบนี้สำหรับเด็กรุ่นหลานในหมู่บ้านมักจะได้รับคือ 10 อีแปะ แม้ว่าจะยากจนสักแค่ไหนก็จะต้องได้สัก 5 อีแปะจากครอบครัวนั้น ถ้าหากมีน้อยกว่านี้มันจะดีกว่าที่จะไม่ให้…

 

ปากของผู้เป็นแม่เงียบงันอย่างพูดไม่ออก รอยยิ้มจาง ๆ เผยออกมาพร้อมกับลูบหัวเด็กชายอย่างปลอบใจ ภายในใจของนางได้แต่คิดว่า ‘ท่านยายฟางนั้นโหดร้ายกับลูกหลานมากเพียงใดใครก็รู้ การที่เจ้าได้รับมา 2 อีแปะนั้นถือว่าโชคดีมากแล้ว’

 

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ไม่สามารถใช้บอกกล่าวกับเด็ก ๆ ได้ แม่ของเขาเริ่มคิดในระหว่างกลับบ้านว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อที่จะหาเงินมาเติมให้กับลูก ๆ ฉับพลันนางเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเห็นฟางฮั่นเดินเข้ามา ‘หลานของย่าฟางงั้นหรือ ? ’

 

แต่ทำไมวันนี้เด็กทั้งสามมาในชุดที่ใหม่เอี่ยมและดูน่ารักอย่างมาก

 

แม่ของเด็กคนนั้นเผยรอยยิ้มกว้างอย่างไม่สามารถปิดกั้น “โอ้ ฟางฮั่น เจ้าดูดีขึ้นมากเชียว”

 

จากนั้นนางจับจ้องที่หมิงหวยอย่างรวดเร็วพร้อมกับไม่สามารถหลบซ่อนแววตาแห่งความปรารถนาที่อยากจะโอบกอดเด็กชายแสนน่ารักตรงหน้าได้

 

ฟางฮั่นยิ้มพร้อมกับลูบหัวเด็กทั้งสองและกล่าวตอบอย่างอ่อนน้อม “ขอบคุณสำหรับคำชมของท่านป้า ข้าขอสวัสดีปีใหม่”

 

ทั้งสามคนเมื่อเผยรอยยิ้มพร้อมกันแล้วก็ไม่มีใครสามารถต้านทานความน่ารักของพวกเขาได้เลย ความเจริญหูเจริญตาได้มาเยือนผู้พบเห็นอย่างช่วยไม่ได้ แม่ของเด็กคนนั้นหยิบซองสีแดงเล็ก ๆ ออกมา 3 ซองก่อนจะยื่นให้ทั้งสามคน “เป็นเด็กดีนะ อ่ะรับไปคนละ 1 ซอง เอาไว้ซื้อขนมกิน”

 

ฟางฮั่นพาน้องทั้งสองขอบคุณท่านป้าคนนั้นอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปในลานบ้านของตระกูลฟาง

 

ฟางอ้ายออกตามหาฟางเซียงหยู่ทั่วหมู่บ้านแต่ก็ไม่พบ หญิงสาวเพิ่งจะกลับบ้านมาเมื่อวานนี้นี่เอง เมื่อคืนนี้นางถูกฟางเถียนดุอย่างช่วยไม่ได้ เป็นเพราะมันคือคืนส่งท้ายปีใหม่ ย่าจะไม่ปล่อยให้นางออกไปนอนที่อื่นเด็ดขาด

 

ในวันปีใหม่นี้ใบหน้าของฟางเซียงหยู่เหงาหงอยอย่างมาก แม้ว่านางจะอยู่ในชุดกระโปรงสีชมพูที่สวยงามแต่ใบหน้าของนางก็ยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

 

นางไม่สนใจว่าใครจะมาเยี่ยมมาอวยพรในช่วงปีใหม่ เพราะมันจะเป็นเช่นนี้ทุกปี ไม่มีใครพูดอะไรถ้าหากไม่เข้าไปทักทายนางเอง ฟางเซียงหยู่ไม่สนใจเทศกาลปีใหม่และนางเดินออกมานอกบ้านพร้อมกับพ่อแม่ของตนและหาวฟอดใหญ่ จากนั้นเห็นพวกฟางฮั่นเดินเข้ามา ทุกคนใส่เสื้อผ้าใหม่ที่ดูสดใส

 

“พวกนังคางคกขึ้นวอ” ฟางเซียงหยู่ส่ายศีรษะพร้อมกับโบกผ้าเช็ดหน้าไปมาอย่างไม่หยี่ระ นางไม่สนใจทั้งสามและเดินตรงไปที่บ้านหลังใหญ่ทันที

 

ทันทีที่ขึ้นไปบนบ้าน ฟางเซียงหยู่บ่นกับฟางเถียนทันที “เด็กตัวเหม็น 3 คนมาที่นี่”

 

ใบหน้าของฟางเถียนมืดมนทันทีที่ได้ยิน เด็กพวกนั้นต้องการนำพาความโชคร้ายมาให้ตนงั้นหรือ ?

 

ฟางฮั่นเดินตามฟางเซียงหยู่เข้ามา แน่นอนว่านางย่อมได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่นางไม่สนใจเรื่องนั้นเพราะนางกับน้องทั้งสองได้ออกจากบ้านหลังนี้แล้ว

 

หลังจากเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดของฟางเถียน ฟางฮั่นรู้สึกชื่นมื่นอย่างมาก

 

การได้เห็นคนที่เกลียดนั้นอารมณ์เสียในวันดี ๆ แบบนี้เป็นสิ่งที่มีความสุขซะจริง

 

ฟางฮั่นอารมณ์ดีมาก นางพาน้องชายและน้องสาวคุกเข่าลงตรงหน้าของปู่และย่า “ท่านปู่ ท่านย่า สวัสดีปีใหม่ ! ” เสียงหวานตะโกนขึ้น

 

หลังจากตะโกนเสร็จแล้ว ฟางฮั่นไม่รอให้อีกฝ่ายได้กล่าวอะไร นางพาน้องทั้งสองคนลุกขึ้น ใบหน้าของฟางเถียนแดงก่ำด้วยความโกรธ ส่วนฟางจงโยว่ผู้เป็นปู่ได้แต่หลับตาลงราวกับไม่เห็นอะไร ปากของเขาคาบบุหรี่เอาไว้พร้อมกับสูดมันเข้าไปฟอดใหญ่

 

ฟางฮั่นไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมอบเงินอั่งเปาให้ตามประเพณี หลังจากกล่าวจบทั้งสามลุกขึ้นยืนและออกไปทันที ฟางเถียนโกรธมากจนตบโต๊ะเสียงดังพร้อมกับพยายามนึกคำเพื่อสาปแช่ง ความโกรธนี้ทำให้ฟางเถียนแน่นหน้าอกอย่างไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมา ส่วนฟางฮั่นพาน้องทั้งสองเดินออกไปอย่างสง่างาม พวกเขาทั้งสามล้วนตื่นเต้นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ทำเช่นนี้

 

ขณะกำลังก้าวออกไป ฟางอ้ายวิ่งตามมาพร้อมกับพยายามเอื้อมมือไปหยุดทั้งสาม

 

ฟางอ้ายมองฟางฮั่นในเสื้อผ้าชุดใหม่อย่างอิจฉา ราวกับนางได้รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้ดูดีกว่านางมาก... ไม่สิ จริง ๆ แล้วนางรู้อยู่แล้วว่าฟางฮั่นดูดีมาก นั่นเป็นเหตุผลที่นางไม่ชอบใจฟางฮั่นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

 

“หลังจากซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้ว เงินคงจะหมดแล้วสิท่า ? ” ฟางอ้ายกล่าวเยาะเย้ยออกมาอย่างคึกคะนอง สายตาของนางจับจ้องอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

 

“ข้าคิดว่าสิ่งที่พวกเจ้าควรจะซื้อควรจะเป็นเมล็ดพันธุ์สำหรับทำไร่ในฤดูใบไม้ผลิเสียมากกว่า ! ”

 

มุมปากของฟางฮั่นยกยิ้มขึ้นอย่างไม่หยี่ระ “นั่นไม่ใช่ธุระของเจ้า อ่า โทษทีนะ ข้าต้องไปเยี่ยมเพื่อนในวันปีใหม่ต่อน่ะ”

 

ฟางอ้ายเพียงแค่ต้องการจะแหย่อีกฝ่ายเพื่อต้องการแสดงชัยชนะ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มเย็นชานั้นอีกครั้ง หัวใจของนางหล่นวูบทันที ฟางอ้ายถอยหลังกลับอย่างไม่รู้ตัวพร้อมถามออกไป “แกคิดจะทำอะไร ! ”

 

รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นโดยปราศจากคำพูดใด…


 

รีวิวผู้อ่าน