px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 38 พี่ชายคนนี้โหดจริง


ตอนที่ 38 พี่ชายคนนี้โหดจริง

 

ในวันถัดมา ฟางหมิงเจียงและฟางฉางจวงนำของกำนัลไปที่บ้านของตระกูลหวังเพื่อเป็นการขอขมากับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งตระกูลหวังก็ไม่ได้เมินเฉยและรับของกำนัลเอาไว้อย่างสุภาพ พวกเขาพูดคุยกันต่ออีกสักพักหนึ่งก่อนที่จะขอตัวกลับ

 

ระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน ฟางฉางจวงมองบุตรชายคนโตของตนด้วยอาการหวาดหวั่น ภาพที่หมิงเจียงใช้แส้ฟาดลงบนร่างกายของน้องชายยังคงติดตาของผู้เป็นพ่ออย่างยิ่ง

 

ฟางหมิงเจียงสังเกตเห็นว่าผู้เป็นพ่อทำตัวแปลกประหลาด เขาถามออกมาอย่างสับสน “ท่านพ่อ ! ท่านกังวลสิ่งใดหรือ ? ”

 

ฟางฉางจวงส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ข้าไม่ได้เป็นอะไร” แต่หลังจากคิดขึ้นมาแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “เมื่อวานนี้เจ้าหนักมือกับฮ่งเอ๋อมากเกินไป เขายังเล็กนัก จะสามารถรับเรี่ยวแรงของผู้ใหญ่ได้เยี่ยงไร ? ”

 

ฟางฉางจวงรู้สึกทุกข์ใจมากเมื่อนึกถึงภาพลูกชายคนเล็ก

 

ฟางหมิงเจียงหยุดเท้าของเขาลง เมื่อคืนนี้ที่ผ่านมาไม่มีใครสักคนพูดคุยกับเขาเลย แม้แต่ฟางเถียนยังไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำไป ทุกคนตกอยู่ในสภาวะเงียบงัน

 

ฟางหมิงเจียงปล่อยลมหายใจยาวออกมา “ท่านพ่ออย่าได้กล่าวโทษว่าข้าโหดร้ายเลย การที่ฮ่งเอ๋อกระทำสิ่งเลวร้ายอย่างมากเช่นนี้ได้เป็นเพราะท่านแม่ ท่านปู่และท่านย่าคอยให้ท้ายตลอดเวลา และพวกท่านเองก็ไม่สามารถจัดการสั่งสอนเขาได้ เมื่อวานมีชาวบ้านมากมายหยิบยกเรื่องนี้กล่าวออกไปอย่างกว้างขวาง ว่าเด็กตัวเล็กเพียงแค่นี้ถึงขนาดกล้าที่จะปาหินก้อนใหญ่ใส่หัวของญาติพี่น้องตนเอง ท่านพ่อลองคิดดูเถิดว่าถ้าไม่ใช้การลงโทษที่รุนแรงเช่นนี้ ฮ่งเอ๋อจะสามารถกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้หรือไม่ ? ข้าจะต้องสอนเขาอย่างไรล่ะ ? ถ้าวันไหนเขากล้าที่จะใช้มีดแทงคนอื่นจะทำอย่างไร ? ข้าจะต้องสอนเขาตั้งแต่วันนี้และใช้ความโหดเหี้ยมนี่แหละทำให้เขากลับมาเป็นเด็กดี อีกอย่างที่หมอลี่ได้บอกคือเขาไม่ได้เป็นอะไรเพียงแค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้นเอง หลังจากนี้ไปเขาจะไม่กล้าทำสิ่งเลวร้ายแบบนั้นอีก เขาจะรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและไม่มีอคติกับผู้ใด ฮ่งเอ๋อจะต้องดีขึ้นและมันก็จะดีกับอนาคตของน้องชายข้าแน่”

 

ทันทีที่ฟางฉางจวงได้ยินเช่นนั้น เขาตระหนักทันทีว่าฮ่งเอ๋อถูกเลี้ยงมาแบบตามใจและไร้ระเบียบวินัยอย่างถึงที่สุด

 

พี่ชายใหญ่เปรียบได้กับพ่อของเขาอีกคน ซึ่งเขาควรจะได้รับการสั่งสอนจากพี่ชายของตนเองด้วยเช่นกัน

 

เมื่อคิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน ฟางฉางจวงพยักหน้ารับ “งั้นกลับไปบอกท่านแม่และท่านย่าของเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เถอะ”

 

หลังจากได้ฟังความในใจของลูกชาย ฟางฉางจวงรู้สึกผ่อนคลายและเขาเพิ่มความเร็วในการเดินขึ้นเล็กน้อย

 

ฟางหมิงเจียงมองหน้าของผู้เป็นพ่อพร้อมกับพยักหน้ารับ

 

สิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกไปอีกอย่างก็คือ การที่ฮ่งเอ๋อทำตัวเช่นนี้มันส่อสกุลถึงคนในบ้าน ทุกคนคงจะเหมารวมว่านิสัยเช่นนี้คงจะได้รับมาจากครอบครัว “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”

 

เขาออกไปอยู่ในเมืองมาเนิ่นนานแรมปีและเข้าใจพฤติกรรมที่เลวร้ายของน้องชายเป็นอย่างดี หลังจากแส้ได้ลงหลังของน้องชายเขาแล้ว เด็กชายจะไม่กล้าทำตัวเลวทรามเช่นนั้นอีกแน่ แล้วหลังจากนี้ใครจะสามารถนินทาว่าร้ายเขาได้อีก ?

 

เขาเป็นคนฉลาดและถือว่าเป็นอัจฉริยะ แต่กลับมีน้องชายที่เหลวแหลกงั้นหรือ…

 

ฟางหมิงเจียงคิดพึมพำอยู่ในใจ เขาหวังว่าแส้เมื่อวานนี้จะช่วยให้ฮ่งเอ๋อเป็นเด็กดีมากยิ่งขึ้นและหยุดทำตัวให้เขาเดือดร้อนสักที

 

ไม่กี่วันถัดมา ฟางฮั่นพาฟางฉือและฟางหมิงหวยไปที่บ้านของตระกูลหวังเพื่อมอบของกำนัลมากมาย

ตระกูลหวังกระตือรือร้นที่จะต้อนรับเด็กทั้งสามคนเป็นอย่างดี พวกเขาไม่มีอคติใด ๆ เลย แม้ว่าทั้งสามจะไม่มีผู้ใหญ่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะเหล่าผู้หญิงในตระกูลหวังล้วนแต่เห็นอกเห็นใจฟางฮั่นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่านางคงจะไม่ได้อยากแยกออกจากบ้านแน่ถ้าหากไม่พบเจอเหตุการณ์ร้าย ๆ อีกทั้งฟางฮั่นยังถือว่าเป็นเด็ก นางยังไม่ใช่หญิงสาววัยแรกรุ่นด้วยซ้ำ การออกจากบ้านเช่นนี้นับว่าหัวใจของนางแข็งแกร่งอย่างมาก คาดเดาได้ว่านางคงจะไม่สามารถอดทนกับการข่มเหงจากบ้านหลังใหญ่ได้ จึงต้องออกมาตายเอาดาบหน้าเช่นนี้

 

หวังเหล่าซิ่วนั้นพูดคุยกับฟางฮั่นอย่างปกติ เขาเหล่ตาครู่หนึ่งก่อนยกชาขึ้นจิบ “สาวน้อย วันนั้นข้าเห็นเจ้าพูดจาฉะฉานอย่างมาก เจ้ามาจากครอบครัวไหนงั้นหรือ ? ”

 

เขาเห็นแล้วว่าพฤติกรรมของตระกูลฟางไร้เหตุผลมากเพียงใด เด็กหญิงคนนี้สง่างามทั้งรูปและพฤติกรรม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ไม่ได้ตกทอดมาจากปู่และย่า มันควรจะมาจากแม่ของนางเสียมากกว่า

 

ฟางฮั่นส่ายหน้าอย่างหดหู่ “แม่ของข้าล้มหัวกระแทกกับพื้นจนจำเรื่องราวใด ๆ เกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลย ข้าไม่รู้เช่นกันว่าครอบครัวของท่านแม่อยู่ที่ไหน” หลังจากนั้นนางพยายามนึกเรื่องนี้และพึมพำขึ้นมา “แม่สอนอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับข้า”

 

นางรู้ดีว่าคำพูดคำจาของนางนั้นไม่เหมือนกับหญิงสาวชาวบ้านทั่วไปและมันยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยได้ง่าย แต่นางก็ไม่สามารถปรับอารมณ์ให้กลายเป็นคนในยุคนี้ได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน เช่นนั้นการที่แม่ตายไปแล้วจึงเป็นเกราะกำบังให้นางเอาไว้ใช้เป็นข้ออ้างได้

 

ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่ใช่คนโกหก อีกทั้งแม่ของเจ้าของร่างนั้นพร่ำสอนบุตรสาวของตนอย่างดีเสมอมา แต่เจ้าของร่างนั้นตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเป็นเวลานานเกินไป

 

หวังเหล่าซิ่วยิ้มออกมาขณะจับจ้องที่ฟางฮั่นอย่างพอใจ จากนั้นเขามองฟางฉือและฟางหมิงหวยซึ่งนั่งกินผลไม้อย่างเงียบเชียบอยู่ด้านข้าง เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเด็ก ๆ ในใจว่าอย่างน้อยตระกูลฟางก็ยังมีต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมอยู่

 

“หลังจากเกิดเรื่องแล้วไม่มีใครในครอบครัวทวงถามความยุติธรรมให้กับพวกเจ้าเลยหรือ ? ” หวังเหล่าซิ่วถามออกมา

 

“มีครอบครัวฟางลิ่วที่เข้ามาช่วยเหลือ พวกเขาโกรธมากเมื่อรู้ข่าว ทั้งสองพุ่งไปที่ลานบ้านใหญ่เพื่อร้องขอความยุติธรรม แต่ฟางหมิงหวยร้องไห้อย่างทรมานจนทำให้พวกเขาต้องยอมแพ้” ฟางฮั่นกล่าว

 

หวังเหล่าซิ่วพยักหน้าอย่างเข้าใจ ในที่สุดก็พอจะมีเรื่องที่เขารู้สึกรับได้บ้าง

 

หวังอี้เฟยที่นั่งอยู่เงียบ ๆ หลังจากเฝ้ามองฟางฉือมาสักพัก เขาเอ่ยปากถาม “น้องฟางฉือ เจ้าได้เอาผ้าคลุมให้กับเพื่อนเจ้าหรือยัง ? ”

 

เมื่อเห็นว่าหวังอี้เฟยนั้นดูแลเพื่อนของนางเป็นอย่างดี รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าเด็กหญิง “ข้ามอบให้กับนางแล้ว กุ้ยฟ่งดีใจมากแล้วก็พูดไม่หยุดปากว่ามันสวยมากเลยน่ะ”

 

ความจริงแล้วกุ้ยฟ่งมีความสุขมากว่าในที่สุดนางก็สามารถอธิบายให้กับครอบครัวฟังได้แล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แม้ว่านางยังเด็กแต่ก็รู้วิธีที่จะบอกกล่าวกับผู้ใหญ่ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้โดยที่ฟางฉือไม่มีความผิดอีกด้วย

 

ฟางฉือหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป “พี่อี้เฟยหายดีแล้วหรือยัง ? ”

 

หวังอี้เฟยหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เดี๋ยวมันตกสะเก็ดเมื่อไหร่ มันก็จะดีขึ้น”

 

ฟางหมิงหวยเห็นว่าพี่ใหญ่ของเขาเริ่มหายดีแล้ว เขาจึงรีบกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น “พี่อี้เฟย เรื่องราวที่ท่านได้เล่าออกมาครั้งสุดท้ายนั้นยังไม่จบเลย…”

 

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฟางหมิงหวยได้ฟังหวังอี้เฟยเล่านิทานพื้นบ้านเรื่องมารดาเมิ่งจื่อย้ายบ้านสามครา เรื่องราวถูกเล่าออกไปแล้วครึ่งหนึ่งแต่มันเป็นเพราะฟางหมิงฮ่งสร้างเรื่องวุ่นวายขึ้นมาก่อนจึงชะงักไป

 

ฟางหมิงหวยต้องการจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวเมิ่งฉือกันแน่ ซึ่งเขารอโอกาสที่จะถามเรื่องนี้ต่อมาหลายวันแล้ว

 

หวังอี้เฟยเล่าเรื่องทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง ทั้งฟางหมิงหวยและฟางฉือต่างก็นั่งฟังเรื่องราวนั้นอย่างสนุกสนาน

 

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ตระกูลหวังยังกระตือรือร้นที่จะชวนพวกนางสามคนรับประทานอาหารด้วยกัน ทั้งสามไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงจำเป็นต้องเดินทางไปร่วมทานข้าวกับพวกเขา

 

หลังจากที่ทั้งสามคนกลับมาจากบ้านของตระกูลหวัง พวกเขาได้บังเอิญพบกับฟางหมิงเจียงที่ยืนอยู่ที่ประตูรั้วของพวกเขา

 

ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ฟางหมิงเจียงขมวดคิ้วแน่น “พวกเจ้าไปไหนมา ? ”

 

นี่คือพี่ชายใหญ่แห่งตระกูลฟาง

 

เนื่องจากภาพโหดเหี้ยมเมื่อวานนี้ยังคงติดตาเด็กทั้งสองอยู่ พวกเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของฟางฮั่นทันที

 

ฟางฮั่นรู้สึกว่าพี่ชายใหญ่คนนี้ซับซ้อนมากขึ้นทุกที

 

ในคราวแรก ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนั้นเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มต่อพี่ชายใหญ่ เพราะเขาทั้งฉลาดและเป็นอัจฉริยะของตระกูล พี่ชายใหญ่อุทิศตนให้กับการสอบและเป็นบุคคลที่มีอนาคตสดใส แม้เขาจะมีบุคลิกเย็นชาแต่ก็เพื่อความเป็นใหญ่ในอนาคต ตอนแรกนางใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อร้องขอความเมตตาและกรุณาให้คนในบ้านหลังใหญ่ปล่อยนางออกมา นางขู่จะทำลายชื่อเสียงของเขาและท่านย่าจึงยอมไม่แตะต้องนางอีกหลังจากวันนั้น แต่ต่อมาหลาย ๆ สิ่งกลับทำให้นางรู้สึกสับสน ฟางฮั่นรู้สึกได้ว่าพี่ชายใหญ่คนนี้ไม่ได้ใส่ใจใครเลยทั้งสิ้น แม้แต่คนในตระกูลหลักก็ตามที เขาไม่สนใจใครเลยยกเว้นตัวเอง นางจึงเลิกยุ่งกับเขาไปโดยปริยายเพราะรู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร

 

ตอนนี้ฟางฮั่นรู้สึกว่าฟางหมิงเจียงก็เป็นเหมือนกับคนอื่น ๆ ในตระกูลฟาง เขาไม่ได้แตกต่างอะไรเลย

นางไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขาอยู่แล้วตั้งแต่แรก จึงไม่ได้ผิดหวังอะไรมากนัก

 

การลงมืออย่างโหดร้ายเมื่อวานนี้ทำให้ฟางฮั่นรู้สึกหวาดกลัวต่อเขาเล็กน้อย นางคิดว่ามันเลวร้ายมากเกินไปและนางจะไม่ทำอย่างนี้แน่ถ้าหากนางมีลูก หรือถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับน้องทั้งสองนางก็คงจะไม่เลือกใช้วิธีที่รุนแรงเช่นนั้น มันไม่ถึงกับต้องใช้แส้เพื่อลงมือกับเด็กตัวเล็ก ๆ

 

พี่ชายใหญ่เป็นคนโหดเหี้ยมเกินไป !

 

เหตุการณ์นองเลือดเมื่อวานยังติดอยู่ในหัวของนางอย่างเหนียวแน่น !

 

ฟางฮั่นไม่ต้องการที่จะมีสัมพันธ์กับบุคคลที่โหดร้ายเช่นนี้อยู่แล้ว เท่าที่นางคิดก็คือนางจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน ปกติแล้วการแยกกันอยู่เช่นนี้ก็ไม่ทำให้พวกเขาได้พบปะกันอยู่แล้ว แต่วันนี้ฟางหมิงเจียงกลับปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านของนาง ความประหลาดใจจึงผุดขึ้นมาในใจของเด็กหญิงเล็กน้อย

 

ฟางฮั่นจับน้องชายทั้งสองเอาไว้พร้อมกับจ้องหน้าพี่ชายใหญ่ก่อนจะกล่าว “ข้า... พาฟางฉือและหวยเอ๋อไปที่บ้านของตระกูลหวังเพื่อขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตฟางฉือเอาไว้”

 

ฟางหมิงเจี่ยงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อตอนเที่ยงเขามาที่นี่และพบว่าเด็ก ๆ ออกไปจากบ้านหมดแล้ว จากนั้นเขาก็กลับมาที่นี่อีกครั้งและคิดว่ามันเย็นแล้ว พวกเขาคงจะได้ร่วมรับประทานอาหารเย็นกันที่นั่น

 

ฟางหมิงเจียงคิดถึงสิ่งที่ตระกูลหวังปฏิบัติกับเขาเมื่อสองสามวันก่อนขึ้นมา พลันเขารู้สึกอึดอัดในหัวใจทันที…

 

มันไม่เท่าเทียม !

 

รีวิวผู้อ่าน