ตอนที่ 40 มอบของขวัญ
หวังซิ่งฮวายังคงเผยใบหน้าขมขื่นออกมา “ตอนนี้เจ้าอ้วนหลี่อายุ 30 ปีแล้ว ภรรยาคนล่าสุดของเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกับเขาได้เพราะใบหน้าที่แปลกประหลาด นางจึงได้หนีไปกับผู้ชายคนใหม่พร้อมกับทิ้งลูกสาววัย 8 ขวบเอาไว้”
ร่างกายของฟางฮั่นแข็งทื่อในทันที… ช่างเป็นเรื่องราวน่าปวดหัวอะไรเยี่ยงนี้ นอกจากจะเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน้อยแล้ว นี่คือการแต่งงานครั้งที่สองของเขา อีกทั้งเขายังมีลูกติดด้วย !
เรื่องนี้มันช่าง…
ใบหน้าของหวังซิ่งฮวายังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตา นางใช้ผ้าเช็ดหน้าของฟางฮั่นเช็ดน้ำตาพร้อมบ่น “ถ้าข้าแต่งงานกับเขา ลูกสาวของเขาก็จะต้องเรียกข้าว่าแม่… ซ้ำอายุของนางใกล้เคียงกับข้าอย่างมาก....”
พลันคิดถึงเรื่องนี้ หวังซิ่งฮวาก็ร่ำไห้ออกมาอย่างไม่อาย นางสั่งน้ำมูกฟอดใหญ่ใส่ผ้าเช็ดหน้าของฟางฮั่นจนเต็มคราบ
ความจริงแล้วคนที่จัดการเรื่องนี้ทั้งหมดคือพ่อแม่ของนางเอง เช่นนี้นางจึงไม่มีสิทธิ์มีเสียงจะตัดสินใจอะไรได้
ฟางฮั่นยืนมองผ้าเช็ดหน้าที่นางเพิ่งซื้อมันมาจากในเมืองอย่างหดหู่ มันคือผ้าที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ตอนนี้มันเต็มไปด้วย… เอ่อ น้ำมูก แทนที่ดอกบัวซึ่งนางพยายามนั่งปักมันในตลอดทั้งวัน
ช่างมันเถอะ…อย่างน้อยก็ต้องทำตามมารยาท
ฟางฮั่นกล่าวออกมาอย่างสุภาพ “พี่ซิ่งฮวา เดี๋ยวข้าต้องกลับแล้ว น้อง ๆ ของข้าอยู่ที่บ้านลำพัง”
หวังซิ่งฮวาเพียงแค่เล่าเรื่องนี้เพื่อระบายความทุกข์ใจออกไปเท่านั้น นางไม่ได้คาดหวังว่าเด็กน้อยไร้ครอบครัวคนนี้จะสามารถยื่นมือมาช่วยเหลืออะไรนางได้ มือเรียวของนางโบกขึ้นอย่างไม่ค่อยใส่ใจมากนักพร้อมกับจมอยู่ในความเศร้าของตนเองต่อไป
ฟางฮั่นไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
นางนับวันเวลาเพื่อเฝ้ารอสบู่ควบแน่นจนสามารถที่ได้นำไปขายได้ วันนี้ความคิดที่จะหาเงินกลับมาอีกครั้งเมื่อนางมาเยี่ยมอาหกและน้าฟาง
เมื่อกลับถึงบ้าน นางเดินเข้าไปในห้องเก็บของอย่างรวดเร็วและหยิบเอาสบู่ออกมาอย่างระมัดระวัง การทำเช่นนี้ก็เพื่อตรวจสอบคุณภาพของสบู่ว่าพร้อมที่จะใช้งานแล้วหรือยัง
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางฮั่น สบู่ทั้งหมดนี้เกิดการควบแน่นจนสมบูรณ์และสามารถละลายน้ำได้แล้ว อย่างไรก็ตามพวกมันเพิ่งถูกสร้างขึ้นเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ฟางฮั่นรู้สึกว่าควรจะใช้เวลาอีกสักสองสามวันจึงจะนำมันไปขายได้
แน่นอนว่าก่อนที่จะขายมัน นางจะต้องลองใช้มันด้วยตัวเองเสียก่อน
ฟางฮั่นหยิบสบู่ของตนเองขึ้นมาวางบนมือน้อย ๆ อย่างถะนุถนอม นางกำลังพิจารณาสบู่ดอกเหมยของตัวเองว่าช่างมีกลิ่นหอมสดชื่นและขนาดพอเหมาะอย่างยิ่ง แม้แต่เด็กอายุน้อยก็ยังสามารถถือสิ่งของชิ้นนี้ไว้ในมือได้อย่างง่ายดาย
ฟางฮั่นตักน้ำในโอ่งออกมาและลองใช้สบู่ดอกเหมยเป็นครั้งแรก
สัมผัสแรกคือกลิ่นหอมที่พุ่งแตะจมูกอย่างเย้ายวน นางกำลังถูสบู่อยู่ในมือและกลิ่นของมันหอมฟุ้งไปทั่ว มันไม่มีกลิ่นสาปใด ๆ เลยแม้แต่น้อย กลิ่นของมันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าสิ่งของที่มีอยู่ในยุคนี้ ฟางฮั่นลองล้างหน้าด้วยสบู่ดอกเหมย ทันทีที่นางล้างหน้าเสร็จ นางรู้สึกว่าผิวหน้าของนางนั้นเกลี้ยงเกลาและเนียนนุ่มทันที ความรู้สึกนี้ห่างหายไปเนิ่นนาน นางรู้สึกว่าใบหน้าของนางไม่ได้สะอาดแบบนี้มานานมากแล้ว
ความรู้สึกที่สดใหม่นี้มันคือผลของกลีเซอรีน
“ยังไม่ต้องกล่าวถึงการใช้ไวท์เทนนิ่งเลย แค่การใช้มอยส์เจอไรเซอร์แบบนี้ก็ต้องขายดิบขายดีแน่”
ฟางฮั่นตื่นเต้นอย่างมากกับผลการทดลองครั้งนี้
ฟางฮั่นยื่นสบู่ให้ฟางหมิงหวยและฟางฉือเพื่อให้พวกเขาได้ทดลองใช้ สำหรับหมิงหวยเขาคิดว่าพี่สาวนั้นได้สร้างสิ่งที่มหัศจรรย์เหลือเกิน มันไม่เหมือนกับสบู่ที่เขาเคยใช้มาก่อน
หลังจากล้างหน้าด้วยสบู่ดอกเหมยนี้แล้ว เขารู้สึกว่าใบหน้าของเขาอ่อนนุ่มขึ้นเล็กน้อย
หมิงหวยรู้สึกชื่นชอบกลิ่นของมันมากและเขาต้องการจะใช้มันล้างหน้าล้างตัวตลอดเวลา
ไม่กี่วันถัดมา ฟางฮั่นรู้สึกได้ว่าผิวของฟางฉือนั้นอ่อนนุ่มอย่างมากราวกับได้รับการบำรุงด้วยน้ำนม
ส่วนฟางฉือก็กล่าวตอบสาวใหญ่ของตนเองด้วยความเขินอายว่าพี่สาวก็ดูดีและสดใสมากขึ้นเช่นกัน
ฟางฮั่นรู้สึกมั่นใจในผลผลิตของตนเองมากขึ้น นางนำมันไปมอบให้กับครอบครัวอาหกทันที
ตอนนี้สิ่งเดียวที่นางกำลังเผชิญคือ… นางจะเปิดตลาดของสบู่ใหม่นี้ได้อย่างไร ?
นางคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วและรู้สึกว่าจะต้องใช้บุคคลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมารับรองสรรพคุณของมันสักหน่อย เช่นนี้นางจึงเริ่มที่จะหาคนทดลองใช้ก่อนเป็นอันดับแรก
คน ๆ นั้นก็คือภรรยาของผู้พิพากษาไงล่ะ !
ก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาคนนั้นพยายามที่จะชักชวนให้นางเข้าไปพบภรรยาของเขาที่บ้านเพื่อสร้างสัมพันธ์ แต่ฟางฮั่นรู้สึกว่าไม่สามารถยอมรับความหวังดีได้ แต่นางก็ยังไม่ได้ปฏิเสธมันไปทั้งหมด ซึ่งผู้พิพากษาก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากนางด้วยเช่นกัน
ตอนนี้แหละที่นางต้องการจะใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย
ฟางฮั่นไม่ได้รู้สึกละอายใจแต่อย่างใด นางเพียงแค่ว่าจะส่งของขวัญไปให้ภรรยาของเขาก็เท่านั้น มันก็แค่สิ่งของต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึง ไม่จำเป็นต้องละอายใจอะไรทั้งนั้น
ฟางฮั่นเลือกวันที่ค่อนข้างแจ่มใส
นางสวมใส่เสื้อสีเหลืองอ่อนสดใสที่ซื้อมาในช่วงตรุษจีน สบู่ดอกเหมย 5 ก้อนบรรจุในหีบห่อเล็ก ๆ อย่างสวยงาม จากนั้นยังมีติ่มซำสี่สีเพื่อนำไปมอบให้กับภรรยาผู้พิพากษาอีกด้วย
คนรับใช้หยุดฟางฮั่นเอาไว้พร้อมกับถามว่า “บัตรนัดหมายอยู่ไหน ? ”
ฟางฮั่นตกตะลึงพร้อมอุทาน “นี่มันคือการทักทายแบบไหนกัน ? ”
เขาเห็นว่านางเป็นเพียงเด็กน้อยและน่ารักดี แต่นางไม่สามารถเอาบัตรที่เขาต้องการออกมาได้ ลมหายใจยาวถูกพ่นออกมาก่อนจะบ่น “ก็เจ้ามาเยี่ยมภรรยาของท่านผู้พิพากษาเป็นครั้งแรก เจ้าควรจะมีบัตรนัดหมายสักหน่อยก่อนที่จะเข้ามาที่นี่ ถ้าหากเจ้าไม่มี ข้าก็ไม่สามารถปล่อยเจ้าเข้าไปด้านในได้”
ฟางฮั่นไม่พยายามที่จะทำให้คนรับใช้ผู้นี้ต้องลำบากใจ นางรู้ดีว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องปฏิบัติตามกฎและนางก็ต้องปฏิบัติตามด้วยเช่นกัน ถ้าหากกฎถูกทำลายลงเพียงเพราะความเอาแต่ใจของนาง เขาผู้นี้จะตกที่นั่งลำบากทันทีเพราะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
แต่ฟางฮั่นก็อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำออกมา “ข้าไม่รู้เลยว่ามีกฎเช่นนี้ด้วย คราวนั้นท่านผู้พิพากษาได้บอกกล่าวให้ข้าเข้ามาพบภรรยาของเขาได้ เขากล่าวมันด้วยวาจาเท่านั้นและข้าก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะพิสูจน์ว่าเขาพูดกับข้าอย่างนั้นจริง ๆ ”
เมื่อคนรับใช้ได้ยินเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะประทับใจเด็กหญิงตัวเล็กคนนี้ เป็นเพราะว่าวันนั้นเขาวิ่งไปที่ศาลและได้เห็นข่าวตีตราบนหนังสือพิมพ์ “อ๋อ เจ้าเองงั้นหรือ ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามาสองสามเดือน ดูสดใสขึ้นมากเชียว”
ฟางฮั่นยิ้มหวานออกมาอย่างมีความสุข
คนเฝ้าประตูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน ผู้พิพากษาทั้งสองนั้นค่อนข้างจะเข้มงวดอย่างมาก แม้แต่ผู้คนยังให้ความยำเกรงเขาอย่างแท้จริง แต่อย่างไรเขาก็ปฏิบัติกับเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้อย่างสุภาพ จึงไม่มีอะไรต้องกังวล
“ข้าไม่เข้าไปหรอก ท่านปฏิบัติตามกฎเถิด” ฟางฮั่นถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนที่จะยื่นของไปด้านหน้า “ถ้าอย่างนั้นข้าขอฝากของเหล่านี้ให้กับพี่ชาย เพื่อมอบมันให้กับท่านผู้หญิงแทนข้าทีเถิด”
การฝากของไว้ให้เช่นนี้มันง่ายกว่าที่จะเปิดประตูให้นางเข้าไปด้านในมากโข คนเฝ้าประตูถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกพร้อมพยักหน้าและรับของจากฟางฮั่น หลังจากนั้นเขาเดินเข้าไปด้านในและกลับออกมา มือของเขาว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าสิ่งของได้ถูกส่งต่อเข้าไปแล้ว
เขาพูดกับเด็กหญิงอย่างสุภาพ “ท่านผู้หญิงฝากขอบคุณเจ้าสำหรับของขวัญต่าง ๆ แต่ในวันนี้นางมีนัดแล้วและเกรงว่าจะไม่มีเวลาที่จะได้พบกับเจ้า”
“ไม่เป็นอะไรเลย แค่ท่านผู้หญิงรับของของข้า แค่นี้ข้าก็มีความสุขมากแล้ว” ฟางฮั่นยิ้มอย่างสดใสพร้อมกับมอบเงินเล็กน้อยให้กับคนเฝ้าประตู “ขอบคุณพี่ชายที่ดูแลข้าอย่างดี เดี๋ยวข้าจะมาใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
นางพอใจกับสถานการณ์นี้มาก
คนเฝ้าประตูก็พอใจมากด้วยเช่นกัน
แต่สิ่งที่ฟางฮั่นไม่รู้ก็คือภรรยาท่านผู้พิพากษานั้นได้รับของขวัญมากมายในช่วงเทศกาลปีใหม่ ผู้ใต้บังคับบัญชามากมายล้วนแต่ส่งของขวัญมาให้พวกเขาที่บ้านอย่างล้นหลาม ของขวัญแปลกประหลาดนั้นไม่ได้รับความสนใจจากนางเลยแม้แต่น้อย เพราะนางเห็นว่าเป็นเพียงกล่องไม้เล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน และหยาบกระด้าง นางจึงยกมันให้กับแม่บ้านของตนเองอย่างไม่ยี่หระ
แม่บ้านรู้สึกดีใจมากพร้อมกับขอบคุณเมื่อได้รับของ
แม่บ้านสาวเดินออกมาพร้อมกับเห็นว่ามันคล้ายกับมีดอกเหมยวางไว้รอบ ๆ กลิ่นหอมของมันโชยออกมาแตะจมูกอย่างไร้แรงต้าน นางจึงค่อย ๆ หยิบสบู่ดอกเหมยออกมาและเริ่มดมกลิ่นมันอย่างใคร่รู้
กลิ่นของมันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าสบู่ไหน ๆ ในเมืองแห่งนี้ ไม่มีหญิงสาวคนใดที่จะต้านทานได้แน่นอน แม่บ้านสาวตกหลุมรักสบู่ดอกเหมยของฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว นางมีความคิดริเริ่มที่จะใช้มันในชีวิตประจำวันนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป…