px

เรื่อง : แม่สาวชาวสวน **(จบแล้ว)**
ตอนที่ 44 ผ้าเช็ดหน้า


ตอนที่ 44 ผ้าเช็ดหน้า

 

ฟางเซียงหยู่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการเวียนหัวเล็กน้อย จากนั้นนางรู้สึกถึงความเจ็บปวดบริเวณท้องน้อย ฉับพลันใบหน้าซีดเซียวกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเอามือกุมท้องเอาไว้แน่น

 

นางค่อย ๆ นึกเรื่องราวต่าง ๆ ดูเหมือนว่าครั้งสุดท้ายนางจะอยู่ในบ้านของฟางฮั่น....

 

สีหน้าของฟางเซียงหยู่เปลี่ยนไปทันที นางพูดผ่านไรฟันออกมา “ฟางฮั่น นังตัวดี….”

 

เพี๊ยะ !

 

ใบหน้าของฟางเซียงหยู่สะบัดไปตามแรงตบ ร่างกายของนางสั่นสะท้านพร้อมกับหันกลับมาและมองเห็นฟางเถียนซึ่งกำลังชี้หน้าของนางอยู่ เสียงแผ่วดังขึ้นจากปากของนางด้วยสับสน “ท่านแม่… ท่าน ท่านตบข้าทำไม…”

 

เพี๊ยะ!

 

นางถูกตบอีกครั้งอย่างหนักหน่วง !

 

ฟางเซียงหยู่ถูกตบโดยไร้คำบอกกล่าวใด ๆ

 

สำหรับฉากตรงหน้านี้ ฟางฮั่นไม่ได้มีความรู้สึกอะไร นอกจากออกจะรื่นเริงเล็กน้อยด้วยซ้ำ

 

นางมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ทุกสิ่งล้วนเชื่องช้าราวกับภาพสโลวโมชั่น… หน้ามือตามด้วยหลังมือ…

ใครก็ตามที่สาดเทน้ำสกปรกใส่นางล้วนแต่ต้องได้รับผลของการกระทำตนเอง

 

แต่ขณะที่นางกำลังมีความสุข ฉับพลันนึกถึงเด็กที่อยู่ในท้องของฟางเซียงหยู่… ฟางฮั่นจึงรีบตะโกนอย่างรวดเร็ว “ท่านย่า ! ระวังกระทบเด็กในท้อง ! ”

 

“หุบปาก ! ” ฟางเถียนตะคอกใส่ฟางฮั่นพร้อมกับหันไปหาฟางเซียงหยู่อย่างเกรี้ยวกราด “นังตัวดี จงพูดออกมาว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง ! ”

 

ฟางเถียนชี้หน้าของฟางเซียงหยู่ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด อารมณ์ของนางเดือดดาลเสียยิ่งกว่าอะไร น้ำลายมากมายกระเด็นใส่หน้าของฟางเซียงหยู่อย่างไม่มีอะไรขวางกั้น

 

ฟางเซียงหยู่ราวกับถูกฟ้าผ่า “ข้า… ข้าท้องงั้นหรือ ? ”

 

จากนั้นนางพลันนึกถึงสิ่งต่าง ๆ และนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่นางจะเป็นลมไป มีเลือดไหลออกมาจากหว่างขาของตนเอง… ในตอนนั้นนางคิดเพียงว่ามันคือรอบเดือนเท่านั้น

 

“ข้า… ข้าท้องหรือ?” ฟางเซียงหยู่พึมพำพร้อมกับลูบท้องตนเอง “ข้าท้องแล้ว ข้ามีลูกของพี่ชางอยู่ในนี้”

 

รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวอย่างไม่รู้ตัว

 

เมื่อเห็นว่าบุตรสาวไม่มีท่าทีสลดใจหรือสำนึกผิดใด ๆ ฟางเถียนยิ่งโกรธจัดจนแทบจะเป็นลม “นังตัวดี แกท้องตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ! ขายขี้หน้าเหลือเกิน อย่าอยู่เลย ! ”

 

นางโกรธจัดจนพุ่งเข้าไปทุบตีที่ท้องของฟางเซียงหยู่

 

ฟางเซียงหยู่กรีดร้องพร้อมกับปกป้องท้องตนเอง “ท่านแม่ฟังข้าก่อน พี่ชางจะแต่งงานกับข้า ! เราจะแต่งงานกัน ! ”

 

ฟางฉางจวงรีบหยุดฟางเถียนเอาไว้

 

เขาเกรงว่าแม่จะฆ่าลูกของน้องสาวตนเองจริง ๆ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถทำร้ายครอบครัวตนเองได้ลง จากนั้นพี่ชายหันกลับมาถามน้องสาวอย่างจริงจัง “หยู่เอ๋อ บอกพวกเรามาตามตรงว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้องเจ้า ? ”

 

ฟางเซียงหยู่ต้องการที่จะให้พ่อและแม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของตนเองกับพี่ชาง นางจึงรีบกล่าวออกไป “ข้าพูดแล้ว… เขาเป็นพี่ชายคนโตในตระกูลใหญ่ อาศัยอยู่ในเมือง เขามีชื่อว่าหลู่ยวี่ชาง พี่ชางปฏิบัติกับข้าด้วยดีเสมอมา เขาเคยขอข้าแต่งงานแล้วด้วยการพูดว่า… แต่งงานกันเถอะนะ ! ”

 

เมื่อได้ยินว่าเขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลใหญ่ สีหน้าของฟางเถียนเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ใบหน้าของนางผ่อนคลายลงพร้อมกล่าวอย่างไม่มั่นใจ “เป็นบุตรชายของตระกูลใหญ่งั้นหรือ ? ”

 

ฟางเซียงหยู่พยักหน้าซ้ำไปมาจนคอแทบหัก

 

ฟางเถียนยังคงไม่เชื่อถือ “ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมเขายังไม่มาขอเจ้าแต่งงานสักที ? ”

 

ฟางเซียงหยู่แสดงความเขินอายออกมาเล็กน้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะปกป้องคนรักของตนเอง “ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวใหญ่และเขาก็ประพฤติตัวอยู่ในกรอบที่ถูกต้องเสมอมา แม้ว่าข้าจะอยู่ในหมู่บ้านฟางเจีย แต่เมื่อดู ๆ แล้วบ้านของเรานั้นดีกว่าคนอื่น ๆ มากโข… พี่ชางไม่ได้รังเกียจข้าและกำลังต่อสู้กับครอบครัวเพื่อข้าอยู่ เขาบอกว่าเมื่อเขาพร้อม เขาจะพาครอบครัวมาที่บ้านของเราเพื่อขอข้าแต่งงาน...”

 

สีหน้าของฟางเถียนผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 

คราวนี้ฟางฉางจวงขัดจังหวะขึ้นมา “แล้วเมื่อไหร่เขาจะพร้อม ? ”

 

ใบหน้าของฟางเถียนที่เริ่มดีขึ้นพลันมืดดำลงอีกครั้ง ฟางเซียงหยู่รีบกล่าวอย่างรวดเร็ว “อีกไม่นาน หลังจากที่หมิงเจียงสามารถสอบผ่านระดับซิ่วไฉ ครอบครัวของเราก็จะกลายเป็นครอบครัวที่มีการศึกษา และครอบครัวของเราก็จะไม่เป็นสองรองใคร ไม่ต่ำกว่าตระกูลของเขา พี่ชางบอกว่าถึงวันนั้นพ่อแม่ของเขาจะยินยอมให้เราแต่งงานกัน”

 

ทุกคนในครอบครัวล้วนแต่คิดว่าฟางหมิงเจียงนั้นมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมและเขาจะต้องทำได้แน่นอน เมื่อได้ยินฟางเซียงหยู่กล่าวออกมาอย่างนั้น ดูเหมือนว่าตระกูลของอีกฝ่ายก็ค่อนข้างที่จะอยู่ในระดับที่ดีเช่นกัน

 

ในที่สุดฟางเถียนก็ยิ้มได้และนั่งลงข้าง ๆ ฟางเซียงหยู่ นางยังคงตีแขนลูกสาวของตนเองด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กโง่ แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีงามเช่นกัน ทำไมเจ้าจึงไม่บอกกล่าวกับเขาล่ะ ? ตอนนี้เจ้ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลู่อยู่ในท้องแล้ว ให้เขากลับไปที่บ้านและมาขอเจ้าแต่งงานให้เร็วที่สุด ! ”

 

ฟางเซียงหยู่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน นางรู้สึกว่าอาการปวดท้องบรรเทาลงไปนิดหน่อย สายตานางกวาดไปรอบ ๆ พร้อมหยุดลงที่ฟางฮั่นซึ่งกำลังนั่งฟังเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลิน สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกรีดร้องเสียงดัง “ท่านแม่ ข้าจะฆ่านังสารเลวนั่น มันกล้าที่จะมายั่วยวนพี่ชางของข้า ! ”

 

ฟางเถียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย นางเห็นลูกสาวตนเองชี้นิ้วไปที่ฟางฮั่นด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด เสียงหนึ่งดังขึ้นภายในใจอย่างสับสน ‘เด็กคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายของลูกสาวข้า? ใครกันที่จะกล้านอนกับผู้ชายตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ? ’

 

ดวงตาร้ายกาจของฟางเถียนจับจ้องที่ฟางฮั่นซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างพิจารณา

 

ฟางฮั่นที่กำลังนั่งฟังเรื่องราวของชาวบ้านอย่างสนุกสนานเกิดการสะดุดในทันที นางไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลับมาเผาตัวนางรวดเร็วเช่นนี้ ขาน้อย ๆ ก้าวถอยหลังพร้อมตะโกนเสียงดังอีกครั้ง “ข้าอายุเพียง 10 ขวบเองนะ ! ”

 

สายตาของฟางเถียนเริ่มมองฟางฮั่นในแง่ลบ ดวงตาร้ายกาจหยุดลงที่หน้าอกของเด็กหญิงซึ่งดูเหมือนจะมีพัฒนาการ ใบหน้าของอีกฝ่ายก็สวยงามอย่างอิ่มเอมผิดปกติ

 

“10 ขวบไม่ใช่เด็กแล้ว ! ”

 

ฟางฮั่นแทบจะกระโดดตัวโยนด้วยความโกรธ

 

นี่มันความคิดของครอบครัวบ้าอะไรกัน !

 

นางรู้สึกคลื่นไส้กับเรื่องราวตรงหน้าเต็มทนพร้อมกล่าวออกมาอย่างไม่เข้าใจ “พี่ชางอะไรนั่นพูดถึงข้าว่าอย่างไร ข้าไม่เคยเห็นเขาเลยสักครั้ง เฮ้อ ข้าจะต้องพูดอย่างไรกับเรื่องนี้ ? ”

 

ฟางเซียงหยู่กรีดร้องออกมาอีกครั้ง “นังบ้า แกกล้าเรียกเขาว่าพี่ชางงั้นหรือ ! ไร้ยางอาย ! ”

 

ฟางฮั่นรู้สึกอยากจะเอาหัวกระแทกกับพื้นให้มันจบสิ้นไปเสียที นางไม่สามารถเรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำกับเซียงหยู่ได้งั้นหรือ ?

 

ฟางเถียนรีบปลอบใจฟางเซียงหยู่อย่างเร่งรีบ “เจ้ามีลูกอยู่ในท้องนะ จะต้องใจเย็นให้มากกว่านี้ หมอบอกว่าเด็กที่อยู่ในท้องของเจ้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก”

 

ฟางเซียงหยู่เอามือกุมท้องของตนเองด้วยความตื่นตระหนก

 

เมื่อคิดได้ว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งท้อง ฟางฮั่นพยายามสงบสติและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “เอาล่ะ ลูกชายคนโตในตระกูลหลู่ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร สูง เตี้ย ผอมหรืออย่างไร ข้าไม่เคยพบเขาเลย ! ”

 

ฟางเซียงหยู่เลิกคิ้วขึ้นสูงและต้องการที่จะด่าหลานสาวตนเองอีกครั้ง ฟางเถียนจึงรีบเตือนซ้ำ ๆ “ลูกในท้อง”

 

ฟางฉางจวงรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศนี้อย่างมาก เขาพลันคิดขึ้นได้ว่าหมอสั่งให้ออกไปตามเมื่อฟางเซียงหยู่ฟื้นขึ้น เขาจึงรีบออกจากห้องไปทันทีเพราะไม่อาจทนฟังน้องสาวตัวเองหึงหวงสามีกับหลานสาวอายุเพียง 10 ขวบ

 

ฟางเซียงหยู่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธ “ข้าได้ยินว่าเจ้าเข้าเมืองหลายครั้ง เจ้าไม่ได้มาเพื่อยั่วยวนพี่ชางงั้นหรือ ! ”

 

ฟางฮั่นแทบจะเข่าทรุดอีกครั้ง “ผู้คนมากมายล้วนแต่เข้ามาในเขตเมือง ท่านอาเล็กคิดว่าใครก็ตามที่เข้าเมืองนั่นเป็นเพราะต้องการจะยั่วยวนบุตรชายคนโตของตระกูลหลู่งั้นหรือ ? ”

 

ฟางเซียงหยู่ชี้หน้าของฟางฮั่นอีกครั้งพร้อมกับต้องการจะสาปแช่ง ฟางเถียนกังวลมากเกี่ยวกับเด็กในท้องเกรงว่าเด็กจะเป็นอันตราย นางพยายามฉุดรั้งบุตรสาวให้นั่งลง ดูเหมือนบุตรสาวจะคิดได้ว่ามีเด็กอยู่ในท้อง แม้นางจะโกรธจัดแต่ก็ยอมนั่งอยู่กับที่แต่โดยดี จากนั้นยังคงพ่นคำใส่ฟางฮั่นอย่างไร้เหตุผล “เจ้ายังมาแสร้งตีหน้าซื่อ ! ถ้าเจ้าไม่รู้จักพี่ชางแล้วเขาจะมีผ้าเช็ดหน้าของเจ้าอยู่ในแขนเสื้อของเขาได้อย่างไร ? ! ข้าเคยเห็นผ้าเช็ดหน้าของเจ้า มีรูปดอกบัวปักอยู่บนผ้าผืนนั้น มีเพียงเจ้าคนเดียวที่จะสามารถปักรูปแปลก ๆ ได้ ! ”

 

เปรี้ยง !

 

ราวกับฟ้าผ่าลงกลางสมองของฟางฮั่น อวัยวะทุกสิ่งล้วนแต่ถูกเผาไหม้จนเกรียมในประโยคเดียว

 

นางจำได้ดีว่านางเคยปักดอกบัวลงบนผ้าเช็ดหน้าและทำมันเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนหลังจากออกจากบ้านของน้าฟาง นางได้เจอกับหวังซิ่งฮวาที่กำลังร้องไห้อยู่ จากนั้นนางมอบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นให้กับอีกฝ่ายเพราะทนไม่ได้ที่ใบหน้าหวังซิ่งฮวาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา แล้วนางก็เดินจากมาโดยไม่ได้หยิบผ้าผืนนั้นกลับคืน

 

กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอยู่ในมือของหวังซิ่งฮวาและตอนนี้มันไปอยู่กับหลู่ยวี่ชาง ดังนั้นฟางเซียงหยู่จึงคิดว่านางกำลังพูดคุยอยู่กับพี่หลู่คนนั้น !

 

ซึ่งความจริงแล้วมันอาจจะเป็นพี่ซิ่งฮวา…

 

ไม่สิ… พี่ซิ่งฮวากำลังจะแต่งงาน นางไม่สามารถปล่อยให้ชื่อเสียงของอีกฝ่ายเสียหายได้ ฟางฮั่นรู้สึกอึดอัดภายในหัวใจและนางจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายพร้อมกล่าวอย่างเฉยเมย “ผ้าเช็ดหน้านั่นน่ะเหรอ... ข้าทำหายไปนานแล้ว หรือว่าพี่ใหญ่หลู่จะเก็บมันได้ ? ”

 

ตอนนี้บอกได้เพียงว่าทักษะการแสดงของฟางฮั่นยังพัฒนาขึ้นไปมาก ถ้าหากนางกลับไปยังโลกยุคปัจจุบันได้นางคงจะต้องได้รับรางวัลตุ๊กตาทองอย่างแน่นอน

 

เนื่องจากสีหน้าของฟางฮั่นเต็มไปด้วยความสมจริง ฟางเซียงหยู่เริ่มลังเลและพยายามจับผิดอีกฝ่ายแต่ก็ไม่พบสิ่งแปลกประหลาดเลย นางอดไม่ได้ที่จะคล้อยตาม “เป็นไปได้ไหมว่าพี่ชางจะเก็บมันได้ ? ”

 

อย่างไรก็ตามนางก็เป็นเพียงหญิงสาวที่กำลังมีความรัก นางจะไม่เข้าข้างคนรักและกล่าวหาว่าอีกฝ่ายนอกใจได้อย่างไร ?

 

ฟางเถียนยังคงเต็มไปด้วยข้อสงสัย “แต่เหตุผลอีกอย่างก็คือนายน้อยหลู่จะเอาผ้าเช็ดหน้าไปทำอะไร ? ”

 

ฟางเซียงหยู่ที่เพิ่งคลายสงสัยกลับกลายเป็นคิดมากขึ้นมาอีกครั้ง นางมองหน้าฟางฮั่นอย่างเคลือบแคลงใจ

 

ฟางฮั่นกระพริบตาพร้อมกับแสดงออกอย่างไร้เดียงสา “อาจจะเหมือนที่ท่านอาเล็กบอกไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ การเย็บปักของข้านั้นแปลกประหลาด ใครก็ตามที่ได้เห็นล้วนแต่ต้องสงสัยและอยากจะดูมัน”

 

ฟางเซียงหยู่ได้ยินคำพูดนั้นก็พลันนึกอะไรบางอย่างได้ นางเริ่มสงบลงพร้อมกับเผยรอยยิ้มกว้างออกมา “ใช่แล้ว ข้าเคยได้ยินพี่ชางพูดว่าที่บ้านของเขามีโรงเย็บปักถักร้อยอยู่ เขาอยากจะศึกษาลายเส้นของมันน่ะและอยากจะลองทำรูปตามธรรมชาติดูบ้าง”

 

ฟางเถียนที่ได้ยินรู้สึกสนใจทันที “มีโรงงานเย็บปักงั้นหรือ ? ถ้าหากแม่จะซื้อผ้าในอนาคต มันจะถูกกว่าที่อื่นไหม”

 

ฟางเซียงหยู่ยิ้มออกมาอย่างเคอะเขินก่อนจะกล่าวว่า “ทำไมท่านแม่จึงกล่าวเช่นนั้น ถ้าหากท่านแม่ต้องการจะซื้อจริง ๆ ข้าจะเก็บเงินกับท่านได้อย่างไร”

 

หลังจากที่ทั้งหมดได้คำตอบ ทั้งสองก็ไม่มีใครสนใจฟางฮั่นอีกเลย

 

ฟางฮั่นถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่ในใจของนางกลับกำลังสับสนว่าหวังซิ่งฮวามอบผ้าเช็ดหน้าให้กับนายน้อยหลู่หรือว่าหวังซิ่งฮวาจะทำผ้าเช็ดหน้าหายและนายน้อยหลีเก็บมันได้จริง ๆ

 

เมื่อคิดเช่นนี้ฟางฮั่นจึงตัดสินใจที่จะไปที่บ้านของซิ่งฮวาสักหน่อยเพื่อสอบถามเรื่องราวว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในขณะเดียวกันฟางฉางจวงก็กลับมาพร้อมกับหมอ

 

ทันทีที่หมอเดินเข้ามา เขาเห็นว่าก่อนหน้านี้ฟางเถียนโกรธจัดแต่ตอนนี้กำลังโอบกอดบุตรสาวที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไว้อย่างรักใคร่ ความสับสนพลันเกิดขึ้นในสมองทันที

 

แต่หมอไม่ใช่บุคคลที่ใส่ใจเรื่องของชาวบ้านมากนัก อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเป็นหมอแต่ควรมีจรรยาบรรณ เขาเดินเข้าไปหาฟางเซียงหยู่และตรวจสอบชีพจรของนางอย่างรอบคอบ ใบหน้าของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “ร่างกายของเจ้าค่อนข้างดีขึ้นแล้วและตอนนี้ทารกเริ่มปรับตัวได้ แต่เราต้องสังเกตอาการต่อไปอีกสองถึงสามเดือน ตอนนี้เด็กในท้องยังเล็กมากไม่เหมาะสำหรับการเดินทาง เจ้าควรจะพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนสัก 3 วัน”

 

ฟางเถียนพยักหน้ารับอีกครั้งพร้อมกับถามหมออย่างซื่อตรง “หมอรู้หรือไม่ว่าบ้านตระกูลหลู่อยู่ในเขตนี้หรือเปล่า ? เขามีโรงงานเย็บผ้าเป็นชื่อตระกูลด้วย”

 

หมอเหลือบมองฟางเถียนพร้อมถามกลับ “เจ้าหมายถึงตระกูลหลู่ที่เป็นเจ้าของโรงปักจิ่นซิ่วหรือ ? ”

 

เมื่อฟางเถียนได้ยินสิ่งนั้นยิ่งรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น รนางยิ้มกว้างออกมาพร้อมถามต่อ “ในตระกูลมีเด็กชื่อหลู่ยวี่ชางหรือไม่ ? ”

 

เมื่อหมอเห็นว่าครอบครัวของหญิงตั้งครรภ์เอ่ยปากถาม เขาก็คาดเดาได้ว่านั่นคงเป็นพ่อของเด็กในท้องอย่างแน่นอน เขาพยักหน้ารับและตอบกลับ “อื้ม นั่นคือชื่อของบุตรชายคนโตของตระกูล”

 

ฟางเถียนรู้สึกมีความสุขมาก บุตรชายคนโตนั่นหมายความว่าเขาจะต้องสืบทอดกิจการของครอบครัว !

 

บุตรสาวของนางตาถึงจริง ๆ !

 

ใบหน้าของฟางเซียงหยู่นั้นแม้จะอับอายแต่ก็เต็มไปด้วยความสุขซึ่งไม่สามารถจะกักเก็บไว้ได้ พี่ชางไม่เคยบอกนางว่าเขาจะสืบทอดธุรกิจของครอบครัวเลยสักครั้ง ดูเหมือนว่าเขาคงจะกลัวนางรักเงินของเขาเสียมากกว่าแทนที่จะรักเขากระมัง ?

 

แต่ช่างโชคดีที่นางรักเขาอย่างเต็มใจและมอบทั้งชีวิตให้เขาอย่างไร้เงื่อนไขจนผ่านการทดสอบของเขาไปแล้ว

 

ใบหน้าของฟางเซียงหยู่ที่เคยซีดขาวเริ่มกลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง เมื่อคิดว่าตนเองกำลังจะได้เป็นคุณนายใหญ่แห่งโรงปักจิ่นซิ่ว…

 

เมื่อหมอเห็นลักษณะท่าทางของทุกคนเต็มไปด้วยความสุขเขาก็เริ่มแน่ใจในอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาแนะนำเพิ่มอีกสองสามประโยคและเดินออกไป

 

รีวิวผู้อ่าน