บทที่ 400 : พรสวรรค์ของโม่อี้
"โม่อี้ เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเล่า ข้าไม่ได้มาแถวนี้เสียนาน" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพร้อมยิ้มให้กับ ชายหนุ่มมอมแมมมือถือแปรงขัดม้าที่กำลังเดินเข้ามา
แน่นอนว่าศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวที่ยิ้มกว้างเห็นฟันขาวคนนี้ คือโม่อี้ที่มีอายุใกล้เคียงกับเขา และเป็นคนที่เคยทำหน้าที่ดูแลอาชาเหงื่อโลหิตของเขา...
หลังจากที่โม่อี้ทักทายต้วนหลิงเทียนแล้ว ก็หันไปมองต้าเผิงที่อยู่ใกล้ๆ มันอดไม่ได้ ถึงกับต้องตกตะลึงอ้าปากกว้างในทันใด!
ตั้งแต่เกิดมามันเคยได้เห็นสัตว์อสูรบินได้ ขนาดตัวมหึมาเช่นนี้เมื่อไหร่กันเล่า?
มันสามารถจินตนาการได้เลย ว่าหากสัตว์ปีกขนาดมหึมาตัวนี้กางปีกออก มันยอมกว้างใหญ่ราวกับจะปกคลุมผืนฟ้าได้แน่นอน!
ในขณะเดียวกันนั้น หลิ่งหูจิ่นหง ที่ยืนอยู่บนหลังของต้าเผิงเช่นกัน ก็หันไปจับจ้องโม่อี้ด้วยความประหลาดใจไม่น้อย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสนใจ “ต้วนหลิงเทียน สหายที่เจ้าอยากพบ คือเด็กน้อยคนนี้หรือ?”
"ท่านเป็นผู้ใดหรือ ขอรับ?" โม่อี้เองก็หันไปมองหลิ่งหูจิ่นหงทันที ใบหน้าของมันเผยความสงสัยออกมา เห็นได้ชัดว่ามันไม่รู้จักหลิ่งหูจิ่นหง...
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวแนะนำออกมานั้นเอง...
"ศิษย์พี่โม่อี้ตัวน้อยขอรับ...นี่คือ...ท่านประมุขนิกาย ของนิกายกระบี่ 7 ดาวเราขอรับ" ศิษย์สายนอกของนิกายกระบี่ 7 ดาวที่อยู่ใกล้ๆ และจดจำหลิ่งหูจิ่นหงได้ อดไม่ได้ที่จะกระซิบกล่าวบอกโม่อี้ออกมาด้วยท่าทางเกรงกลัว ศิษย์พี่อายุน้อยของมันคนนี้ น่าตีนัก!
"อะไร? ทะ..ท่านประมุขนิกายหรือ?" โม่อี้ถึงกับตกตะลึงมือปล่อยแปรงขัดม้าร่วงหล่นพื้นดังตุบ หลังจากที่อึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อฟื้นตัวได้ มันก็รีบกล่าวคำทักทายด้วยความเคารพด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนทันที "โม่ ... โม่อี้ คาระท่านประมุข ขอรับ"
หลิ่งหูจิ่นหงส่ายหัวออกมาพร้อมยิ้มบางๆ เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนปนเคารพของโม่อี้ ที่แลดูแล้วขบขันไม่น้อย ความโศกเศร้าบนใบหน้าเองก็จางลงไปเล็กน้อย
สายตาของต้วนหลิงเทียนตั้งแต่แรก ยังไม่ได้ละออกจากร่างของโม่อี้
และเมื่อเขาใช้พลังวิญญาณแผ่ซ่านออกไปด้วยจิตสัมผัส และลองส่งพลังวิญญาณไปหยั่งระดับบ่มเพาะของโม่อี้ดู ด้วยประสบการณ์ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เขาย่อมสัมผัสได้ในทันใดว่าระดับบ่มเพาะในปัจจุบันของโม่อี้ตอนนี้มันอยู่ที่...
ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6?
"โม่อี้ ... นี่เจ้าตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 แล้วหรือ?" ต้วนหลิงเทียนอดที่จะตกใจออกมาไม่ได้!
นี่ความก้าวหน้าของโม่อี้ จะไม่รวดเร็วเกินไปหน่อยหรือ?
เขาจำได้ว่า 2 ปีที่แล้ว...ตอนนั้นที่เขาจำต้องเดินทางออกจากนิกายกระบี่ 7 ดาว ไปยังยอดเขาเดียวดาย โม่อี้ยังพึ่งตัดผ่านมายังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรก เท่านั้นเอง...
และเมื่อ 1 ปีที่แล้ว เขาเดินทางกลับมาจากยอดเขาเดียวดาย พบเจอโม่อี้อีกครั้ง มันก็ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 แล้ว...นั่นก็ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย..!
ตอนนี้เมื่อพ้นผ่านไปเพียงอีกปี ระดับบ่มเพาะของโม่อี้ ก็สามารถทะลวงผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 ได้แล้ว!
"แหะๆ" โม่อี้ ยิ้มเขินอายออกมาพร้อมลูบหลังศีรษะป้อยๆ เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียน ค้นพบระดับบ่มเพาะของตัวเอง
"หืม? ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6?" คำกล่าวของต้วนหลิงเทียนนั้น นับว่าดึงดูดความสนใจของหลิ่งหูจิ่นหง ในทันใด และมันต้องหันกลับมามองโม่อี้ใหม่อีกครั้ง
ศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวคนนี้ดูเหมือนจะมีอายุพอๆกันกับต้วนหลิงเทียน แต่มันกลับมีระดับบ่มเพาะถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 แล้วเช่นนั้นหรือ?
ตัวมันยังจดจำได้ดี ว่าหวงจี้ที่ทรยศไป ในยามที่ยังมีอายุ 22 ปี หวงจี้ยังมีระดับบ่มเพาะเพียงแค่ ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 เท่านั้น!
กล่าวได้ว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์ของศิษย์คนนี้ เหนือล้ำยิ่งกว่าหวงจี้นั่นไกลโข!
"ตัวประหลาดอีกคนแล้วหรือ..." เมิ่งชิวและเจิ้งซงหันกันมามองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นถึงความนัยที่เผยออกมาในแววตาของอีกฝ่าย อันละม้ายคล้ายกัน
"เด็กน้อย เจ้ามีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 แล้วหรือ?" เจิ้งฝานอดไม่ได้ที่จะมองโม่อี้ใหม่อีกครั้ง และกล่าวถามออกมาอย่างไม่ค่อยจะเชื่อ
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ยังมีอายุแค่ 22 ปี แต่อยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 นั้นเป็นอะไรที่ทำให้มันตกตะลึงไม่น้อยจริงๆ...!
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากเย็นกระทั่งไม่เคยพบพานมา จึงอย่าได้ใช้ตรรกะใดๆไปหยั่งวัด เพราะนั่นมันอเหนือสามัญสำนึกตามปกติไปไกลโขแล้ว...
"ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 ด้วยวัย 22 ปี ...ในแง่พรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์เช่นนี้ กล่าวได้ว่าทัดเทียมกับ1 หรือ 2 นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 แล้ว จริงๆหรือ? " เคอเจิ้นมองไปยังโม่อี้ด้วยสายตาร้อนแรงราวกับจะมองให้ทะลุร่างของมันอย่างไรอย่างนั้น
"โม่อี้ ไหนเจ้าแสดงความแข็งแกร่งยามนี้ของเจ้า ให้ประมุขนิกายและปรมาจารย์ขุนเขาชมดูเสียหน่อย" ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงความสงสัยและยังไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร จากวาจาของเจิ้งฝานและเคอเจิ้น เขาจึงหันไปมองโม่อี้ กล่าวคำพร้อมยิ้มบางๆ
โม่อี้พยักหน้าตอบรับ
มันย่อมเชื่อฟังต้วนหลิงเทียน และไม่คิดสงสัยอะไร คำของบุรุษผู้เป็นแบบอย่างที่มันเคารพ ไม่ว่าสิ่งใดกระทำตามไว้ย่อมดีแน่นอน!
ทันใดนั้นเอง
วู้มมมม!
พลังงานฟ้าดินตอบรับพลังงานต้นกำเนิดที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างโม่อี้ เริ่มก่อเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งโม่อี้ออกมาอย่างชัดเจน ด้วยจำนวน 80 ช้างแมมมอธโบราณ!
"อา! เป็นระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 จริงๆ!" เจิ้งฝานตกใจไม่น้อย "พรสวรรค์ตามธรรมชาติเช่นนี้ ...มองไปทั่วทั้งนิกายกระบี่ 7 ดาว มันเพียงด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนผู้เดียวเท่านั้น!"
"เจิ้งฝาน... เรื่องนี้เกรงว่าเจ้าต้องผิดแล้ว" หลิ่งหูจิ่นหงส่ายหน้าเล็กน้อย ค่อยๆกล่าวคำออกมา “ปรมาจารย์ขุนเขาเหยากวง ฉินเซียง ...ได้รับศิษย์ส่วนตัวมาคนหนึ่งนามว่าเค่อเอ๋อ ...และอาวุโสฝ่ายนอกขุนเขาเหยากวงเองก็รับศิษย์ส่วนตัว มาคนหนึ่งนามว่าลี่เฟยเช่นกัน...พวกนางทั้ง 2 คน คนหนึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับต้วนหลิงเทียน อีกคนมากกว่าต้วนหลิงเทียน 2 ปี แต่ทั้งคู่ล้วนตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งได้แล้ว”
คำกล่าวของหลิ่งหูจิ่นหง ทำให้เจิ้งฝานต้องตกตะลึง
ม่านตาของเคอเจิ้นเองก็หดแคบลงโดยพลัน กล่าวออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน “ข้าเองก็ได้ยินมานานแล้วว่าปรมาจารย์ฉินเซียง ได้รับศิษย์ที่มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติอันโดดเด่นมาคนหนึ่ง แต่ข้ามิเคยคาดคิดเลยว่านางจักสามารถตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นแรกได้ตั้งแต่มีอายุ 22 ปีเช่นนี้! ตลอดทั้งนิกายกระบี่ 7 ดาว...ไม่สิต่อให้เป็นทั่วทั้งอาณาจักรพนาคราม พรสวรรค์ตามธรรมชาติเช่นนี้ ยังเพียงด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนผู้เดียวเท่านั้น”
เมิ่งชิวและเจิ้งซงตอนนี้ก็อึ้งถึงกับผงะไปเช่นกัน
พวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนก็ประหลาดแล้ว
แต่พวกมันไม่คิดเลยว่า ยังจะมีสตรีที่ประหลาดเช่นนี้อีก 2 คน
"อา...ข้ามิเคยคิดเลย ว่าวันหนึ่งพวกเราจักต้องแพ้พ่ายศิษย์น้องหญิงพร้อมกันถึง 2 คนเช่นนี้" เมิ่งชิวหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
เจิ้งซงเองก็พยักหน้ารับคำ เป็นเชิงเห็นด้วยกับมัน
ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้ว่า เค่อเอ๋อกับลี่เฟย ได้ตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งได้สำเร็จ ก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังนิกายบัวปีศาจคมมีด เมื่อเดือนที่แล้ว
แน่นอนว่ายามนี้พรสวรรค์ตามธรรมชาติของทั้ง 2 สาวย่อมไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา และพวกนางก็ได้บ่มเพาะพลังด้วยวิชาบ่มเพาะอันเยี่ยมยอด ที่กล่าวได้ว่าอยู่ในระดับชั้นนำของทวีปเมฆาล่องอีกด้วย! ดังนั้นเรื่องที่พวกนางจะมีความก้าวหน้ารวดเร็ว จึงไม่ได้เป็นเรื่องน่าแปลกใจอะไร
แต่สิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจนั้น กลับเป็นความก้าวหน้า ของระดับบ่มเพาะโม่อี้ มากกว่า "โม่อี้ ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงก้าวหน้าขึ้นมากนักเล่า?"
โม่อี้ลูบหลังศีรษะป้อยๆอีกครั้ง ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูลำบากใจเล็กน้อย “ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน...เรื่องนี้ มิใช่เพราะว่าเป็นท่านที่มอบเงินให้ข้ามากมายถึง 1,000,000 เหรียญเงินก้อนหน้านี้หรอกหรือ? ข้าก็นำมันไปซื้อหาโอสถ เร่งพลังกำเนิดมากินอยู่บ้าง ทำให้ระดับบ่มเพาะของข้าก้าวหน้าเร็วขึ้นอย่างไรเล่า...”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอึ้งไปเมื่อได้ฟังคำกล่าวของโม่อี้ "เจ้า ... หรือแต่ก่อนเจ้าไม่เคยได้ใช้โอสถเร่งพลังกำเนิดช่วยบ่มเพาะฝึกฝนเลย?"
สีหน้าของโม่อี้ สลดลงเล็กน้อย "ฐานะของครอบครัวข้านั้นต่ำต้อย มิได้มีเงินทองให้จับจ่ายสิ้นเปลืองใดๆ...โอสถสมุนไพรที่ช่วยส่งเสริมการบ่มเพาะพลังนั้น...ล้วนมีราคาแพงทั้งสิ้น พวกมันไกลเกินกว่าฐานะของข้าจะไขว่คว้านัก... ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องยากที่ท่านจะจินตนาการได้... แต่ในยามที่ข้าอยู่ในระดับก่อกำเนิดข้ามีโอกาสกินโอสถเพิ่มกำเนิดไปไม่ถึง 30 เม็ด”
“ต่อมาเมื่อข้ามาถึงนิกายกระบี่ 7 ดาว ข้าก็พบว่ามีการจ้างคนงานดูแลม้า ข้าก็เลยกลายมาเป็นผู้ดูแลม้า...แต่จะอย่างไรก็ตามถึงแม้ข้าจะได้รับเงินเดือน แต่มันก็แทบมิพอจะนำไปซื้อหาโอสถ เร่งพลังกำเนิดมาใช้...ทว่า 1 ปีที่ผ่านมา เหตุผลที่ข้าตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 ได้นั้น เพราะว่าข้ามีโอกาสได้ใช้โอสถเร่งพลังกำเนิดอยู่บ้าง”
เมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้ โม่อี้ก็ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ “และตั้งแต่วันนั้น ที่ข้าได้เงินจากท่าน ข้าก็ใช้มันซื้อโอสถเพื่อบ่มเพาะพลังมาเรื่อย...พอมาถึงวันนี้เมื่อข้ามีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 แล้ว...ข้าก็สามารถเข้าไปยังป่าแรกเริ่มได้ลึกขึ้น สามารถหารายได้จากสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นแกนอสูร ผิวของมัน เนื้อของมัน ชิ้นส่วนต่างๆอีกมากมาย ทั้งหมดล้วนขายได้ราคางามทั้งสิ้น นั่นจึงทำให้ข้าเหลือเงินมากพอที่จะซื้อโอสถมาช่วยในการบ่มเพาะพลัง ทำให้ก้าวหน้ามากขึ้น”
โอสถเร่งพลังกำเนิดนี้...นับเป็นโอสถที่ไม่ว่าผู้ฝึกยุทธ์คนใดล้วนใช้งานมันทั้งสิ้น เพราะมันช่วยส่งเสริมความเร็วบ่มเพาะพลังได้ในระดับหนึ่ง ปกติทุกคนก็กินมันวันละไม่ต่ำกว่า 1 เม็ดอยู่แล้ว...
โอสถเร่งพลังกำเนิดนี้ ในสายตาต้วนหลิงเทียน หลิ่งหูจิ่นหง รวมถึงคนอื่นๆ ล้วนไม่ได้มีความสำคัญต้องพูดถึง ไม่ต่างจากอาหารทานเล่นด้วยซ้ำ...
ในสายตาของพวกเขา โอสถราคาเท่านี้จะยังนับเป็นอะไร
แต่ในสายตาของโม่อี้... หรือในสายตาของโม่อี้ในอดีต พวกมันล้วนทรงคุณค่า และมีราคาสูงเกินจะไขว่คว้า..
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน หากมิใช่เพราะเงิน 1,000,000 เหรียญเงินของท่าน ที่มอบให้ข้าเมื่อปีที่แล้ว คงเป็นไปมิได้เลยที่ข้าจะสามารถก้าวมาถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 ได้เร็วถึงเพียงนี้...และคงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะหาเงินเลี้ยงครอบครัวและตัวเองได้เช่นนี้!” โม่อี้มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาตื้นตัน เต็มไปด้วยความสำนึกบุญคุณ
ในตอนนั้นเอง ศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวที่อยู่ใกล้ๆ ก็อดที่จะกล่าวแทรกบอกต้วนหลิงเทียนขึ้นมาไม่ได้ “ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน เดิมที ศิษย์พี่โม่อี้ ที่มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 แล้ว สมควรที่จะเป็นศิษย์อันโดดเด่นของขุนเขาเรา และมิสมควรมายังคอกม้านี่แล้ว... แต่เขาก็ยังมาที่นี่ทุกๆ 2-3 วัน เพื่อมาดูแลอาชาเหงื่อโลหิตของท่านกับศิษย์พี่หญิง ลี่เฟย”
ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็สะอึกไปเล็กน้อย
เข้าไม่เคยคิดเลยว่า...เงินเพียงแค่ 1,000,000 เหรียญเงินที่เขาให้โม่อี้ไว้ จะช่วยโม่อี้ได้มากมายถึงขนาดนี้ กระทั่งคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่ามันจะมีความหมายมากมายอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายตื้นตัน จนเก็บเอามาเป็นหนี้บุญคุณ กระทั่งอีกฝ่ายมีระดับบ่มเพาะกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 จนกลายเป็นศิษย์ที่โดดเด่นคนหนึ่งแล้ว อีกฝ่ายยังไม่ลืมที่จะมาดูแลอาชาเหงื่อโลหิตของเขาไม่เคยขาดเช่นนี้...!
เนื้อแท้ของโม่อี้ล้วนกระจ่างแจ้งอย่างชัดเจน จากการกระทำที่มันแสดงออกมา...
ต้วนหลิงเทียนยกมือขั้นมาวางไว้บนไหล่ของโม่อี้ ก่อนที่จะตบเบาๆ ระบายลมหายใจออกมาเล็กน้อย “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีอดีตเช่นนี้....เช่นนั้นหมายความว่า ระดับบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ มันนับว่ายังด้อยกว่าที่ควรจะเป็นอยู่ไม่น้อย...มิฉะนั้นด้วยพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ของเจ้า หากมีโอสถส่งเสริมเพียบพร้อมตั้งแต่แรกแล้วล่ะก็ ระดับบ่มเพาะของเจ้าสมควรเหนือกว่านี้...”
"แหะๆ ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ท่านกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว" โม่อี้บีบจมูกตัวเองด้วยความเขินอาย นิสัยของมันนับว่าเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวไม่น้อย
ในตอนนี้ทุกคน ไม่เว้นกระทั่งหลิ่งหูจิ่นหงล้วนตะลึงงันราวกับจะแข็งเป็นหินไปแล้ว...
จากที่โม่อี้กล่าว นั่นหมายความว่า ขนาดมันไม่ค่อยได้ใช้โอสถบ่มเพาะอันใด ...มันยังมีระดับบ่มเพาะถึงขั้นนี้?
"หากว่าที่มันกล่าวเป็นความจริง ... มิใช่ว่าหากมันได้ทรัพยากรบ่มเพาะเท่าเทียมกับข้าตั้งแต่แรก... ป่านนี้มันมีระดับบ่มเพาะเหนือกว่าระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ขึ้นไปแล้วหรือไร? เจิ้งซงที่ฟื้นจากอาการตกตะลึง กล่าวออกมาด้วยความตกใจ
สำหรับหลิ่งหูจิ่นหงและปรมาจารย์ขุนเขาอีก 2 คน กระทั่งเมิ่งชิวเอง ทุกคนก็ล้วนคิดเช่นนี้ทั้งสิ้น
พวกมันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีทองคำ ฝังอยู่ที่คอกม้าของนิกายกระบี่ 7 ดาวเช่นนี้!
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าขอให้อาวุโสเผิงแวะที่นี่ก่อน...ใช่เป็นเพราะเจ้าต้องการให้ข้าได้มีโอกาสพบเจอเขาหรือไม่?”หลิ่งหูจิ่นหงหรี่ตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ และภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาครั้งนี้ ยังแฝงความตื้นตันเอาไว้อย่างที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้
"ใช่ เป็นข้าตั้งใจ..." ต้วนหลิงเทียน ยิ้มบางๆ พร้อมพยักหน้า "แล้วท่านประมุข คิดเห็นเช่นไรเล่า?"
เรื่องราวตรงหน้าทำให้โม่อี้ ตะลึงงันคล้ายตัวโง่งม
ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน พาท่านประมุข มาหาข้าหรือ?
มาหาข้าทำอะไรเล่า?
มันเริ่มสงสัยในใจ...
หลิ่งหูจิ่นหงค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกยาว ก่อนที่จะระบายลมหายใจออกมาช้าๆ มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสั่นเครือ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณเจ้าแล้ว...”
แม้ว่าจะเป็นก่อนหน้านี้ในยามที่ต้วนหลิงเทียน ได้รับชัยชนะอันดับ 1 ของการประลองแข่งขันระหว่าง 5 นิกาย ที่นิกายบัวปีศาจคมมีด หลิ่งหูจิ่นหงยังกล่าวคำขอบคุณต้วนหลิงเทียนผ่านพลังงานต้นกำเนิด
แต่ในตอนนี้มันถึงกับกล่าวคำขอบคุณออกมาต่อหน้าผู้คนมากมาย..!
คำกล่าวขอบคุณที่ลั่นออกมาจากปากของประมุขนิกายหลิ่งหูจิ่นหงนั้น อาจกล่าวได้ว่า มันหนักแน่นดั่งขุนเขา...
ตอนนี้เจิ้งฝานกับเคอเจิ้น ก็หันมามองหน้ากันเองและอดไม่ได้ที่จะสะทกสะท้อนอย่างช่วยไม่ได้
แน่นอนว่าพวกมันย่อมสัมผัสได้ถึงความสุขที่อยู่ในน้ำเสียงประมุขนิกาย และในน้ำเสียงยังแฝงความรู้สึกตื้นตันใจเอาไว้ด้วย..
"ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ...ท่านกับท่านประมุขกล่าวถึงเรื่องอันใดกันหรือ?" เมิ่งชิวเผยสีหน้าสับสนระคนสงสัยออกมา
เจิ้งซงเองก็เผยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน เพราะมันก็ยังงุนงงตามเรื่องราวไม่ทันอยู่บ้าง...
เพี๊ยะ!!
เคอเจิ้นที่อยู่ไม่ไกล เดินไปประทานฝ่ามือฟาดเปรี้ยงยังหลังหัวของเมิ่งชิว ก่อนที่จะกล่าวเย้ยหยันออกมา “เด็กเอ๊ย เท่านี้เจ้าก็คิดมิออกแล้วหรือ ต้วนหลิงเทียนกำลังเลือกหาศิษย์ส่วนตัวให้ท่านประมุขอย่างไรเล่า!...ว่าแต่เด็กน้อยผู้นี้ก็นับว่ามิเลวจริงๆ หากทุกสิ่งก่อนหน้าที่มันกล่าวออกเป็นความจริงแล้วล่ะก็ พรสวรรค์ตามธรรมชาติของมัน หาได้ด้อยกว่าผู้ใดในบรรดานายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 แม้แต่น้อย...”
"แต่ถึงแม้ว่ามันจะกล่าวคำโป้ปดไม่จริงออกมา ... จะอย่างไรพรสวรรค์ตามธรรมชาติของมัน ก็ยังนับว่าเหนือกว่าเดรัจฉานอย่างหวงจี้หลายขุมนัก!" เจิ้งฝานที่อยู่ไม่ไกลกล่าวเสริมออกมา
ตอนนี้เมิ่งชิวกับเจิ้งฝานก็เข้าใจได้ทันที
ส่วนทางด้านโม่อี้นั้น มันยังอึ้งค้างอยู่ และท่าทางจะอึ้งไปอีกนาน...
"ต้วนหลิงเทียนกำลังเลือกหาศิษย์ส่วนตัวให้ท่านประมุข... ต้วนหลิงเทียนกำลังเลือกหาศิษย์ส่วนตัวให้ท่านประมุข ... " คำกล่าวของเคอเจิ้นยังคงดังซ้ำไปซ้ำมาในหัวมัน...
เลือกหาศิษย์ส่วนตัวให้ท่านประมุข?
ที่พวกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายกำลังกล่าวกันอยู่นี่ เกี่ยวข้องกับข้าหรือไม่?
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่