px

เรื่อง : มเหสียอดนักฆ่า
ตอนที่5 ปีศาจแสนเย็นชา


บทที่ 5 : ปีศาจแสนเย็นชา

 

โลหิตในมือของหลู่เชียนสุ่ยยังคงไหลหยดไปตลอดทาง แต่สีหน้าท่าทางและแววตายังคงเย็นชาถมึงทึงจนน่าหวาดกลัว ทุกคนที่พบเห็นต่างก็พากันหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้

 

แต่เมื่อนางกลับไปถึงสวนในเรือนของตนเอง..

“เจ้าเองรึ?”

 

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในสวน จู่ๆเสียงทุ้มต่ำฟังดูเย็นชาของบุรุษก็ดังขึ้น เชียนสุ่ยสะดุ้งตกใจพร้อมเหลือบมองไปทางต้นเสียงทันที และเมื่อได้เห็นภาพของบุรุษตรงหน้า ความเย็นยะเยือกก็แล่นเข้าใจขั้วหัวใจของนางทันที

 

บุรุษผู้นี้ยืนอยู่บนกำแพงสูง ที่หน้าผากของเขามีรอยเลือดแปลกประหลาดปรากฏอยู่ ผิวพรรณผ่องใสนวลเนียนไร้ที่ติ สีหน้านิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก บุรุษผู้นี้แต่งกายด้วยชุดสีขาวแต่กลับสกปรกยิ่งนัก รังสีน่ากลัวแผ่ซ่านราวกับจะประกาศต่อผู้คนว่า “อย่าได้ย่างกรายเข้ามาใกล้ข้า!”

บุรุษผู้นี้ไม่ต่างจากภูเขาน้ำแข็งเย็นยะเยือกเคลื่อนที่ได้!

 

เย็นชาและน่ากลัวดั่งปีศาจ!

 

สายตาดุดันเย็นชานั้นจับจ้องอยู่ที่โลหิตซึ่งกำลังไหลหยดจากฝ่ามือของหลู่เชียนสุ่ย ชุดขาวสะบัดเล็กน้อย แต่เพียงชั่วพริบตาร่างของบุรุษนั้นกลับมาปรากฏตรงหน้าหญิงสาวแล้ว

 

หัวใจของหลู่เชียนสุ่ยแทบหยุดเต้น นางอยากจะหันหลังวิ่งหนีออกไป แต่กลับพบว่าเรือนร่างของตนราวกับถูกตรึงไว้จนสูญเสียการควบคุม และไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย

 

สีหน้าของหลู่เชียนสุ่ยเปลี่ยนเป็นหวาดผวายิ่งนักเมื่อบุรุษผู้นี้ปรากฏอยู่ตรงหน้า แล้วนิ้วที่เรียวยาวแต่ซีดเซียวของอีกฝ่าย ก็ได้คว้าคอเสื้อของนางไว้พร้อมกระชากลงมา

พรึบ!

 

ภายใต้เสื้อคลุมที่ถูกกระชากลงมานั้น เผยให้เห็นช่วงไหล่นวลเนียนงดงามและขาวราวหิมะไปจนถึงลำคอยาวระหงส์

 

นิ้วมือซีดเซียวทั้งห้าลูบไร้ไปตามผิวขาวนวลเนียนของหลู่เชียนสุ่ย ความเย็นของนิ้วทั้งห้าทำให้นางถึงกับสั่นสะท้านด้วยความกลัว

 

นางไม่เคยถูกกระทำอย่างเหยียดหยันเช่นนี้มาก่อน ผิวขาวราวหิมะตั้งแต่ไหล่ไปจนถึงใบหน้างดงามเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ นางร้องตะโกนออกไปเสียงดัง “หยุดนะ!”

 

“อย่าห้ามข้าเลย!”

 

แต่บุรุษผู้นี้กลับไม่ฟังคำพูดของนางเลยแม้แต่น้อย ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขากดลงที่ไหล่ทั้งสองข้างของนาง พร้อมกับก้าวเท้าเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงเอื้อมมือโอบกอดร่างของนางไว้ แล้วค่อยๆโน้มศรีษะของเขาลงมา...

 

พลันปรากฏความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นที่ลำคอของหลู่เชียนสุ่ย..

 

“ห๊ะ?”

หลู่เชียนสุ่ยเข้าใจได้ทันทีว่ากำลังเกิดสิ่งใดขึ้น ดูเหมือนชายผู้นี้กำลังกัดที่ลำคอของนาง และดูคล้ายกับกำลังดูดเลือดของนางด้วย...

 

คลื่นวิ่งเวียนปะทุขึ้นในศรีษะ แต่ในระหว่างที่หลู่เชียนสุ่ยรู้สึกคล้ายจะเป็นลมหมดสตินั้น ชายหนุ่มผู้นี้ก็ผลักร่างของนางอย่างรุนแรง และปลดปล่อยนางให้เป็นอิสระ กลิ่นอายที่น่ากลัวและทรงพลังแผ่ซ่านออกมาจากร่างของบุรุษผู้นี้

 

“เป็นเจ้าจริงๆ!” บุรุษเย็นชากล่าวซ้ำอีกครั้ง น้ำเสียงของเขายังคงนิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก

 

หลู่เชียนสุ่ยไม่เข้าใจว่าบุรุษผู้นี้เหตุใดจึงได้กล่าวเช่นนั้น?  แต่เมื่อได้อิสระกลับคืน นางก็รีบถอยหลังออกไปสองก้าวทันที และรีบดึงเสื้อขึ้นมาปกปิดผิวนวลเนียนนั้นไว้เช่นเดิม นางจ้องมองบุรุษผู้นี้ด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว ในขณะที่มือก็ดึงกริชออกมา แล้วกระโจนเข้าหมายจู่โจม

 

“อวดดีนัก!”

แววตาโหดเหี้ยมเย็นชาของบุรุษผู้นี้จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลู่เชียนสุ่ย สายตาของเข้าที่จ้องมองมานั้นราวกับพยัคฆ์ที่มองมดตัวเล็กๆ เสียงตะคอกดังสนั่นของชายผู้นี้ทำให้นางถึงกับตกใจจนแทบหยุดหายใจ และหลู่เชียนสุ่ยก็ยิ่งตระหนกตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเสียง ‘พรวด’ แล้วโลหิตสีแดงสดก็ถูกพ่นออกมาจากปากของตน

 

ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าอ่อนแอเกินไป!”

 

หลู่เชียนสุ่ยไม่ยอมแพ้และพยายามที่จะต่อสู้กับเขา แต่ระหว่างนั้นนางกลับสังเกตเห็นว่ารอยเลือดสีแดงประหลาดบนหน้าผากของชายผู้นี้ได้เลือนหายไปแล้ว เวลานี้ไม่มีร่องรอยใดหลงเหลืออยู่อีกเลย นางเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

 

บุรุษผู้นี้ช่างน่าฉงนและประหลาดนัก!

 

ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก! ความจริงแล้วหลู่เชียนสุ่ยนั้นรู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุรุษผู้นี้ หากนางยังดื้อดึงดิ้นรนต่อไป อีกฝ่ายย่อมสามารถทำลายและฉีกตนออกเป็นชิ้นๆได้อย่างง่ายดาย

 

ชายหนุ่มสะบัดมือเบาๆ พลันป้ายหยกชิ้นเล็กสดใสก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลู่เชียนสุ่ย และลอยอยู่กลางอากาศเช่นนั้น

“หากเจ้าชูป้ายหยกนี้พร้อมเรียกชื่อของข้า ‘ตันไถ่หยวน’ มันจะสามารถช่วยให้เจ้ารอดชีวิตได้!”

และทันทีที่กล่าวจบ ร่างของชายชุดขาวก็หายลับไปทันที ไม่มีร่องรอยใดหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย..

 

นี่กระมังที่ผู้คนมักพูดว่าไปมาไร้ร่องรอย!

 

หากไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดบริเวณลำคอ และป้ายหยกที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศนี้ หลู่เชียนสุ่ยคงคิดว่าตนเองกำลังฝันไปเป็นแน่

 

แต่ทันทีที่บุรุษผู้นี้จากไป ความกดดันรอบกายก็ได้อันตธานหายไปด้วยเช่นกัน หลู่เทียนสุ่ยพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นางรู้สึกอัปยศอดสูใจยิ่งนัก จึงยกมือขึ้นฟาดใส่ป้ายหยกตรงหน้าด้วยความคับแค้นใจ

“ตันไถ่หยวนรึ? เจ้าคนชั่วช้า เจ้าคนสารเลว นี่เจ้ากล้าดูดเลือดของข้าจริงๆรึ! หากให้ข้าพบเจอเจ้าอีกครั้ง ข้าไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!”

 

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน