px

เรื่อง : มเหสียอดนักฆ่า
ตอนที่7 ผู้ท้าทายดินแดนธารบรรพต


ตอนที่7 ผู้ท้าทายดินแดนธารบรรพต

 

แม้หลู่เชียนสุ่ยจะเต็มไปด้วยความอยากรู้ผสมกับความสับสนในเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลหลู่แห่งธารบรรพตมากเพียงใด แต่นางก็มิได้กล่าววาจาขัดชายชราแต่อย่างใด

 

เพราะเรือนร่างของชายชรานั้นเลือนลางยิ่งนัก ราวกับว่าพูดอีกเพียงแค่คำเดียวร่างนั้นก็จะสามารถอันตธานหายไปได้ทันที ภาพเลือนลางของชายชราตรงหน้าค่อยๆจางหายไปเรื่อยๆ ดูคล้ายกับว่าเขาคงจะรักษาภาพเงานี้ไว้ได้อีกไม่นานนัก

 

“เวลาของข้าหมดลงเรื่อยๆแล้ว ข้าคงไม่สามารถบอกเล่าสิ่งใดให้เจ้าฟังได้มากนัก ข้าจะบอกเรื่องสำคัญสามเรื่อง เจ้าต้องจดจำไว้ให้ดี!”

 

หลู่เชียนสุ่ยพยักหน้า สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ร่างเลือนลางนั้นแน่นิ่ง

 

“เรื่องแรก ที่นี่คือดินแดนธารบรรพต ส่วนผืนกระดาษทองในจุดตันเถียนของเจ้า มีเพียงทายาทตระกูลหลู่แห่งธารบรรพตเท่านั้นที่จะสามารถปลุกสิ่งล้ำค่านี้ให้ตื่นได้ ถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนแห่งเวทย์มนต์ ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ว่าเวลาในดินแดนแห่งนี้จะหมุนเร็วกว่าด้านนอกนับสิบเท่า ระหว่างที่รอคอยเจ้ากลับเข้าดินแดนธารบรรพต ดินแดนแห่งนี้จึงได้ย่อขนาดลงเหลือเพียงแค่ขนาดเท่าเศษผงเท่านั้น สายตาของมนุษย์ทั่วไปจึงมิอาจพบเห็นได้ ส่วนรายละเอียดอื่นในดินแดนนี้ข้าไม่มีเวลาที่จะอธิบายให้เจ้าฟัง เจ้าจักต้องค้นหาด้วยตัวเองต่อไป..”

 

หมุนเร็วกว่าด้านสิบเท่า! ดวงตาของหลู่เชียนสุ่ยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ร่างทั้งร่างของนางสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น

 

สิ่งใดมีค่าที่สุดบนโลกอย่างนั้นรึ? คำตอบคือเวลา! และตอนนี้.. นางก็มีเวลามากกว่าผู้อื่นถึงสิบเท่า! ในขณะที่ผู้อื่นฝึกฝนหนึ่งวัน ตัวนางซึ่งอยู่ในดินแดนธารบรรพตแห่งนี้กลับฝึกฝนไปนานถึงสิบวัน

 

หลู่เชียนสุ่ยตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก นางพยายามสงบจิตสงบใจให้บรรเทาลง สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างเลือนลางของชายชรา พร้อมกับคิดอยู่ในว่าอีกสองเรื่องก็คงจะอัศจรรย์ไม่น้อยเช่นกัน

 

“เรื่องที่สอง ศิลาธารบรรพตที่อยู่ตรงหน้าเจ้าเวลานี้ มันคือรากฐานทั้งหมดของตระกูลหลู่แห่งธารบรรพต! ศิลาธารบรรพตถูกสร้างขึ้นจากศิลาทรงจำ บรรดาผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศของตระกูลหลู่ได้ทำการปลูกถ่ายชิ้นส่วนความทรงจำของตนลงไปภายในศิลาก้อนนี้ ในวันข้างหน้าไม่ว่าเจ้าจะฝึกวรยุทธ หลอมโอสถ หรือตียุทธภัณฑ์ ศิลาธารบรรพตนี้จักเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดของเจ้า..”

 

“เมื่อใดที่พลังจิตของเจ้าทรงพลังและแก่กล้า เจ้าจงใช้พลังจิตอันแก่กล้านี้เจาะเข้าไปภายในศิลาธารบรรพต จากนั้นจงหลอมรวมพลังจิตของเจ้าเข้ากับความทรงจำต่างๆที่ฝังอยู่ภายในศิลานี้”

 

….ชิ้นส่วนความทรงจำของผู้มีพรสวรรค์งั้นรึ? หลอมรวมความทรงจำ? นี่ย่อมหมายความว่าอาจารย์ได้ถ่ายทอดวิชาด้วยการสำเนาความทรงจำของตนเข้าไปในดวงจิตของผู้เป็นศิษย์? นี่อาจเรียกว่ากลโกงก็ไม่น่าจะผิดนัก อีกทั้งยังขัดต่อกฏแห่งธรรมชาติด้วย!

 

แม้หลู่เชียนสุ่ยจะทะเยอทะยานและมุ่งมั่นมากเพียงใด แต่วิธีการที่น่าทึ่งเช่นนี้ก็ทำให้นางแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามีอยู่จริง!

 

“เรื่องที่สาม เพลงกระบี่ธารบรรพตนี้เป็นวิชาพื้นฐานของตระกูลหลู่ มีทั้งหมดหกขั้น ศิษย์ตระกูลหลู่แห่งธารบรรพตทั้งหมดจะได้ฝึกเพียงแค่สามขั้นแรกเท่านั้น มีเพียงผู้ที่สามารถปลุกดินแดนธารบรรพตนี้ได้ จึงจะได้รับอีกสามขั้นที่เหลือ”

ทันทีที่ชายชราพูดจบ เรือนร่างของเขาก็ปรากฏแสงสีดำแผ่ออกมา แววตาของหลู่เชียนสุ่ยเป็นประกายด้วยความตื่เต้น

 

“ข้าจะมอบเพลงกระบี่ธารบรรพตอีกสามขั้นที่เหลือพร้อมคัมภีร์เทวะให้กับเจ้า คัมภีร์หลอมสวรรค์นี้จะช่วยให้เจ้าฝึกฝนจิตวิญญาณให้แข็งแกร่ง จงจำไว้ให้ดีว่ามีเพียงผู้ที่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเท่านั้น จึงจะสามารถหลอมรวมความทรงจำที่อยู่ภายในศิลาขอบเขตธารบรรพตนี้ได้ หากดวงจิตของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ แต่กลับพยายามที่จะหลอมรวมความทรงจำภายในศิลานี้แล้วล่ะก็ เจ้าอาจจะต้องตกใจและกลายเป็นคนเสียสติในที่สุด!”

 

หลู่เชียนสุ่ยถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ยังมีเพลงกระบี่ธารบรรพตอีกสามขั้นงั้นรึ? “ฮ่า ฮ่า หญิงชั่วช้าเจ้าเล่ห์อย่างหลู่ซิงเฉินคงคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่หลอกลวงข้ามานานถึงหกปี ท้ายที่สุดนางกลับยังไม่สำเร็จเพลงกระบี่ธารบรรพตขั้นสุดยอดอย่างแท้จริง!”

 

หลังจากที่ชายชราบอกเล่าสามเรื่องสำคัญให้หลู่เชียนสุ่ยฟังจนหมดแล้ว ร่างที่เลือนลางนั้นก็ค่อยๆสลายหายไปเหลือเพียงแค่หมอกสีขาวเท่านั้น

 

“เอาล่ะ ข้าไม่อาจฝืนได้นานกว่านี้แล้ว แม่นาง เจ้าจงหมั่นฝึกฝน เมื่อใดที่เจ้าฝึกจนแข็งแกร่งถึงกระดับหนึ่ง ข้าจึงจะตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ตระกูลหลู่แห่งธารบรรพตต้องผิดหวัง จงเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผู้ชนะตลอดกาลและครอบครองโลกนี้!”

 

แม้ชายชราจะยังคงกล่าววาจาไปเรื่อยๆ แต่น้ำเสียงของเขากลับอ่อนแรงและเบาลงตามลำดับ “อย่าได้บอกกล่าวเรื่องดินแดนแห่งนี้ให้ผู้ใดล่วงรู้โดยเด็ดขาด..”

 

หลู่เชียนสุ่ยนิ่งรออีกนาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงของชายชราดังขึ้นอีกเลย นางจึงได้แต่ร้องตะโกนออกไป “อาวุโส!”

 

“อาวุโสท่านยังอยู่ที่นี่หรือไม่?” แต่กลับไม่มีเสียงตอบใดๆอีกเลย

 

หลู่เชียนสุ่ยรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเล็กน้อย นางไม่สนใจว่าสิ่งที่ชายชรากล่าวมาทั้งหมดนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ นางรับรู้ได้ว่าชายชราผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาชั่วร้ายต่อนาง และประวัติอันยิ่งใหญ่ของตระกูลหลู่แห่งธารบรรพตนี้ ก็ทำให้หลู่เชียนสุ่ยตกใจไม่น้อย

 

หลังจากที่เศร้าไปครู่หนึ่ง หลู่เชียนสุ่ยจึงรวบรวมกำลังใจที่่เหลือสร้างความฮึกเหิมให้ตนเอง เวลานี้สิ่งที่นางปรารถนายิ่งคือการได้กลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ เพื่อที่จะกลับไปทวงคืนความยุติธรรมให้กับท่านแม่และตัวนางเอง

รีวิวผู้อ่าน