ตอนที่16 อวดดีเกินไป
“ช่างเถอะ! ข้าไม่สนว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นใดอีกแล้ว! หลู่เชียนสุ่ย ข้าจะบอกอะไรให้ฟัง เจ้าอย่าได้คิดเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อถ่วงเวลา! วันนี้เจ้าเตรียมตัวชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปได้เลย!”
“หลู่เชียนเยว่เป็นคนบอกเจ้าสินะ?”
อาการบาดเจ็บของหลูเว่ยซ่งรุนแรงขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ การที่จู่ๆเส้นเอ็นของเขาฉีกขาดนั้นเห็นได้ชัดว่ามีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวพันในเรื่องนี้ เมื่อหลู่เชียนสุ่ยครุ่นคิดและพินิจอย่างรอบคอบแล้ว นางเห็นว่าจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้อีก นอกจากหลู่เชียนเย่วและมารดาของนาง
“เป็นนางแล้วอย่างไร?”
ในระหว่างที่หญิงสาวทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น ก็เริ่มมีหลายต่อหลายคนสังเกตเห็นและเกาะกลุ่มกันมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่เข้าออกหอตำรายุทธ์ก็พากันให้ความสนใจและอดที่จะหยุดดูมิได้
“แล้วอย่างไรงั้นรึ? หลู่เซียวเซียว เจ้ามันช่างโง่จริงๆ!”
หลู่เชียนสุ่ยเอ่ยปากตอบโต้ดุดันใส่อีกฝ่ายอย่างไม่นึกเกรงใจ
“!!!”
เมื่อได้ยินวาจาตอบโต้รุนแรงของหลู่เชียนสุ่ย หลู่เซียวเซียวพลันรู้สึกถึงร่างกายของตนที่กำลังพองขึ้นด้วยความเดือดดาล
“ห๊ะ? นี่มันอะไรกัน..”
“...นี่ข้าหูฝาดไปหรือเปล่า? หลู่เชียนสุ่ยกำลังด่าหลู่เซียวเซียวว่าโง่!”
“หรือนางคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะหลู่เว่ยซ่งได้แล้ว จึงได้เริ่มเหิมเกริมและคิดว่าตนเก่งกาจจนสามารถเอาชนะหลู่เซียวเซียวได้อีกคนงั้นรึ? แต่พลังฝีมือของหลู่เซียวเซียวเหนือกว่านางถึงสองเท่า!”
“ดูท่าหลู่เชียนสุ่ยคงจะรนหาที่ตายแล้วกระมัง?”
“หลู่เชียนสุ่ย เจ้าอยากตายนักรึ?!”
หลู่เซียวเซียวโมโหอย่างมาก นางกระชับดาบยาวในมือแน่นและเตรียมโจมตีหลู่เชียนสุ่ยทันที
“หลู่เซียวเซียว! ตอนที่ข้าสู้กับน้องชายเจ้า ข้าเองก็ประมือกับเขาอย่างยุติธรรม ไม่เคยหยิบใช้อาวุธใดๆแม้สักชิ้นเดียว!”
“หึ! ย่อมได้! ข้าจะไม่ใช้ดาบ!”
หลู่เซียวเซียวขว้างดาบในมือโยนทิ้งไปทันทีด้วยความโกรธ ดาบงามเล่มนั้นตกกระแทกพื้นเสียงดัง‘เกร๊ง’ ก่อนจะกระเด็นไปอยู่ตรงพื้นใกล้กับต้นไม้ใหญ่
“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าสำแดงใช้เพลงหมัดสะบั้นบรรพตทำร้ายซ่งน้อย เช่นนั้นข้าเองก็จะใช้เพลงหมัดสะบั้นบรรพตเพื่อประมือกับเจ้าเช่นกัน!”
หลังจากที่หลู่เซียวเซียวกล่าวจบ คล้อยหลังคู่กำปั้นของนางก็กระชับแน่น และพุ่งเข้าซัดกระหน่ำจู่โจมใส่หลู่เชียนสุ่ยอย่างไร้ปราณี
ดวงตาของหลู่เชียนสุ่ยทอแสงประกายเจิดจรัส นางรีดเร้นขุมพลังอาณาจักรปรับวิญญาณระดับสามออกมาอย่างเต็มกำลัง เวลานี้คู่ต่อสู้ของนางเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรปรับวิญญาณระดับเจ็ด จึงปราศจากทางเลือกอื่นนอกจากหยิบใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีสำแดงออกมา!
บูมมม!
กำปั้นของทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าปะทะกัน เศษทรายเศษฝุ่นปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ ก่อเกิดคลื่นแรงสั่นสะเทือนรุนแรงรอบตัว เหล่าผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างพากันลุ้นระทึกจนเผลอกลั้นหายใจ
ฟุบ!
หลู่เชียนสุ่ยร่นถอยออกมาสองสามก้าว นางรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหน้าอก มุมปากปรากฏธารโลหิตไหลรินออกมาเล็กน้อย
ในขณะที่สีหน้าของหลู่เซียวเซียวดูซีดขาวลงกว่าเดิมมาก นางก้มศีรษะพร้อมเหลือบมองกำปั้นของตนที่สั่นคลอนเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ไม่เลว! เพลงหมัดสะบั้นบรรพตของเจ้าอยู่ในขอบเขตปฐพีจริงแท้! ทว่าทั้งๆที่ระดับพลังของเจ้าน้อยกว่าข้ามาก แต่กลับร่นถอยออกไปเพียงแค่สองสามก้าว นับว่าหาใช่ธรรมดาไม่!”
“เจ้ามิได้ใช้เพลงหมัดสะบั้นบรรพตอย่างที่ควรจะเป็น!”
หลู่เชียนสุ่ยยกมือขึ้นปาดเลือดที่ไหลออกจากมุมปาก คล้อยหลังแสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่า เจ้านี่มันโง่ หึหึ...นับว่าข้ากล่าวไม่ผิด เจ้านี่มันโง่จริงๆ! หากเจ้าไม่โง่จริง เมื่อครู่คงสำแดงใช้เพลงหมัดสะบั้นบรรพตในขอบเขตปฐพีเช่นเดียวกับข้า! แต่เมื่อครู่เจ้าใช้เพียงแค่ขอบเขตสามัญเท่านั้น!”
“เจ้ากล่าววาจาเพ้อเจ้ออันใด?”
สีหน้าของหลู่เซียวเซียวเวลานี้ดูย่ำแย่อย่างมาก และดูเหมือนต้องการจะลงมืออีกระลอก
แต่เมื่อหลู่เชียนสุ่ยเห็นเช่นนั้น นางกลับยกมือขึ้นห้ามเพื่อหยุดยั้งอีกฝ่าย
“ประเดี๋ยวก่อน! นี่เจ้าโง่หรือเต็มใจให้ผู้อื่นหลอกใช้กันแน่? หึ ต่อให้เจ้าเต็มใจถูกหลอก แต่ข้าจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออย่างแน่นอน! หลู่เซียวเซียว ไฉนเราสองคนไม่ทำข้อตกลงกันหน่อยเล่า? ข้าจะชี้แนะเพลงหมัดสะบั้นบรรพตให้เจ้าสามารถสำเร็จขอบเขตปฐพีได้ภายในหนึ่งวัน แลกเปลี่ยนกับการลืมเรื่องบาดหมางในวันนี้ไปซะ เจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อเหล่าผู้คนโดยรอบได้ยินเช่นนั้น พลันระเบิดความโกลาหลขึ้นในทันใด
“อะไรกัน? ผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรปรับวิญญาณระดับสามคิดจะชี้แนะยอดฝีมืออาณาจักรปรับวิญญาณระดับเจ็ด? หลู่เชียนสุยนางนี้อวดดีเกินไปหรือเปล่า?”
“ถูกต้อง! นางอวดดีเกินไป! ชี้แนะให้หลู่เซียวเซียวสำเร็จเพลงหมัดสะบั้นบรรพตขอบเขตปฐพีในหนึ่งวัน? นี่มันไร้สาระเกินไป!”
“ข้าได้ยินมาว่า หลู่เซียวเซียวได้รับคำอบรมชี้แนะจากผู้อาวุโสเป็นการส่วนตัว หรือหลู่เชียนสุ่ยคิดว่าตัวนางสามารถให้คำชี้แนะได้ดีกว่าผู้อาวุโสอย่างนั้นรึ?
ฝูงชนโดยรอบต่างเบนสายตาของตนจับจ้องไปที่หลู่เชียนสุ่ย พลางหัวเราะเยาะเย้ยกันดังสนั่น
หลู่เซียวเซียวยืนแข็งทื่อไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาได้สติอีกครั้งและกล่าวว่า
“เจ้าพล่ามไร้สาระอะไร! หลู่เชียนสุ่ย อย่าคิดอวดดีเพียงเพราะว่าเพลงหมัดสะบั้นบรรพตของเจ้าสำเร็จถึงขอบเขตปฐพี! ต่อหน้ายอดฝีมือตัวจริง เศษเสี้ยวความสามารถของเจ้าในเวลานี้กลับไม่อยู่ในสายตาของพวกเขา! ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ข้ามาที่นี่ก็เพื่อแก้แค้นแทนซ่งน้อย! และต่อให้สิ่งที่เจ้ากล่าวไปเป็นความจริง ข้าก็หาได้สนใจไม่!”
“ช่างน่ารำคาญจริงๆ!”
หลู่เชียนสุ่ยกรอกตาไปมาเล็กน้อยคล้ายว่าคร้านจักใส่ใจหลู่เซียวเซียวอีก หากนางมีเวลาฝึกฝนวิชาอีกสักครึ่งเดือน ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นหลู่เซียวเซียวก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง แต่ตอนนี้นางไม่ต้องการทำตามความปรารถนาของอีกฝ่าย!
ทำอย่างไรดี?
ในขณะที่หลู่เชียนสุ่ยกำลังครุ่นคิดหาทางออกอยู่นั้น นางก็พลันนึกถึงชิ้นสวนความทรงจำของ‘จอมเทพโอสถ’ที่เพิ่งได้รับมา คู่ดวงเนตรเป็นประกายสว่างเจิดจ้าในทันใด นางคลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวออกไปว่า
“หลู่เซียวเซียว ไยพวกเราสองคนไม่มาทำข้อตกลงร่วมกันเล่า และข้อตกลงนี้ทั้งเจ้าและข้าต่างจะต้องพอใจกันทั้งคู่ เจ้าว่าอย่างไร?”
“ข้อตกลงอันใดอีก?”
สีหน้าของหลู่เซียวเซียวดูไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย นางจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความกังขาใจยิ่ง