ตอนที่24 ท่านประธานสมาคมตืนตะลึง
ปรมาจารย์เซี่ยะจัดการคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกอ่านดู สีหน้าของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความลังเลสงสัย แต่เมื่อได้เห็นเนื้อความภายในนั้น สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปทันที!
เนื้อความที่อยู่ภายในกระดาษแผ่นนั้น เหมือนกับที่หญิงสาวผู้นี้บอกก่อนหน้าทุกประการ
หมึกบนกระดาษก็แห้งดีแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่ประธานสมาคมจางจะเพิ่งเขียนลงไปหลังจากที่ได้ยินคำพูดของนางเมื่อครู่ ประธานสมาคมจางได้ค้นพบจุดบกพร่องในการหลอมกลั่นโอสถของเขาก่อนหน้านี้จริงๆ เพียงแต่ยังมิได้ชี้แนะบอกตนเท่านั้นเอง
เมื่อคำกล่าวทั้งหมดของนางตรงกับที่ท่านประธานสมาคมจางชี้จุดบกพร่องของเขาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์เช่นนี้ ย่อมหมายความว่านางมีพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งโอสถอย่างแท้จริง!
ปรมาจารย์เซี่ยะฝึกปรือการหลอมกลั่นโอสถมาทั้งชีวิต แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะมีขีดจำกัด และยังคงติดอยู่ที่นักหลอมโอสถระดับสองมาโดยตลอด แต่เขาก็ยังทะนงตนว่าเป็นนักหลอมโอสถที่เก่งเสมอมา แต่เวลานี้เขาเพิ่งรู้สึกว่าตนไม่ต่างจากคนโง่เขลาคนหนึ่งเท่านั้น
หลังจากที่รู้แล้วว่าหลู่เชียนสุ่ยนางนี้มีพรสวรรค์มากมายอย่างแท้จริง ท่าทีของชายชราที่มีต่อนางก็ได้พลันเปลี่ยนไปทันที
“แม่นาง ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยจริงๆที่ก่อนหน้านี้พูดจาดูถูกเจ้าไป! หากแม่นางไม่ถือสา ได้โปรดชี้แนะการหลอมกลั่นโอสถให้แก่ข้าด้วยเถิด!”
เมื่อทุกคนที่อยู่ภายในสมาคมได้ยินคำขอร้องของปรมาจารย์เซี่ยะ พลันเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง ผู้คนต่างพากันกล่าวซุบซิบกันไปต่างๆนานา
“นี่ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่ ท่านปรมาจารย์เซี่ยะกล่วขอโทษหญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเพียงเศษสวะนั่นจริงๆรึ?”
“นั่นสิ แม้แต่ท่านประธานสมาคมจางยังให้เกียรตินางถึงเพียงนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า นางจะมีพรสวรรค์ในการกลั่นโอสถอย่างที่พูดจริง?”
“นี่...ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย? เมื่อครู่ซูหยางห่าวเพิ่งบอกว่านางเป็นเพียงแค่สวะไร้ประโยชน์อยู่ในตำหนักเจ้าเมืองมิใชรึ?”
หลู่เซียวเซียวหันไปจับจ้องสหายร่วมตระกูลด้วยความตื่นตะลึงยิ่ง นางไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเหตุใดจู่ๆ หลู่เชียนสุ่ยจึงได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธอาณาจักรปรับวิญญาณระดับสามไปได้ อีกทั้งเวลานี้ยังกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมโอสถอีกงั้นรึ?
แต่สีหน้าของหลู่เชียนสุ่ยกลับดูไม่ค่อยพอใจนัก นางตอบกลับท่านประธานจางด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใยดีนัก
“ตกลง ข้าจะให้คำชี้แนะแก่ท่านก็ได้ และจะยอมพูดคุยเรื่องแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการหลอมกลั่นโอสถกับท่าน แต่ท่านต้องรับปากว่าจะมอบโอสถที่หลอมใหม่นี้ให้กับข้าเป็นสิ่งตอบแทน”
“ตกลง ข้ารับปากเจ้า! สหายน้อยเชิญ!” จางเห่อตอบตกลงในทันทีและเชิญหลู่เชียวสุ่ยเข้าไปด้านใน
นางพยักหน้าตอบรับด้วยความดีใจทันที
ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองด้วยความตื่นตะลึงนั้น หลู่เชียนสุ่ย ตันไถ่หยวน จางเห่อ และปรมาจารย์เซี่ยะ ต่างก็เดินเข้าตรงไปยังห้องหลอมกลั่นโอสถทันที
คล้อยหลังจากที่เข้ามาภายในห้องหลอมกลั่นโอสถ ปรมาจารย์เซี่ยะจึงได้หยิบสมุนไพรขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เข้าปฏิบัติตัวดั่งลูกมือผู้ขยันขันแข็ง ในขณะเดียวกันก็เอ่ยถามหลู่เชียนสุ่ยว่า
“แม่หนู จากนี้ไปข้าควรทำเช่นไรต่อไปดี?”
เย่เชียนสุ่ยได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยออกไปว่า
“ข้าแซ่หลู่ ท่านเรียกข้าว่าแม่นางหลู่ก็ได้ ข้าต้องการให้ท่านช่วยสกัดสมุนไพรเหล่านี้ทั้งหมดพร้อมๆกัน ท่านทำได้หรือไม่?”
“ห๊ะ?” ปรมาจารย์เซี่ยะตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสั่ง แต่เขาก็ยังกัดฟันกล่าวตอบกลับไปว่า
“แม้ข้าจะไม่เคยทำอะไรเยี่ยงนี้มาก่อน แต่ข้าน่าจะทำได้ อย่างน้อยทั้งชีวิตของข้าก็หมกหมุ่นอยู่กับสมุนไพรเหล่านี้มาตลอดอยู่แล้ว!”
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ลองดู! รอจนกว่าท่านจะทำขั้นตอนนี้สำเร็จ ข้าจึงจะค่อยบอกกับท่านต่อว่าควรทำอย่างไรต่อไป!”
จางเห่อซึ่งยืนอยู่ด้านข้างและมักมีรอยยิ้มประดับใบหน้าเป็นอาจิณนั้น ตอนนี้หางตาของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อยด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ส่วนสายตาของตันไถ่หยวนนั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลู่เชียนสุ่ยไม่กระพริบ ทำให้นางรู้สึกรำคาญอยู่บ้าง และลึกเข้าไปในแววตาของนางก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ
แม้แต่จางเห่อที่เห็นท่าทีของตันไถ่หยวน ยังอดที่จะสงสัยและประหลาดใจไม่ได้ จนถึงกับต้องเอ่ยปากถามออกไปว่า
“นี่พวกเจ้าสองคนรู้จักกันมาก่อนงั้นรึ?”
“แต่หากพวกเจ้าสองคนรู้จักกันจริง ไฉนจึงมีท่าทีเย็นชาห่างเหินเช่นนี้เล่า?”
จากนั้นไม่นาน..
ปรมาจารย์เซี่ยะก็สกัดสมุนไพรทั้งหมดสำเร็จพร้อมกันในคราวเดียว แม้ว่าเวลานี้จะมีหยดเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลรินออกจากบนหน้าผากของเขาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเสียงหายใจก็หอบถี่หนักมาก แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของเขากลับเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความภาคภูมิใจ
“ข้าทำได้แล้ว! ข้าทำได้แล้วจริงๆ!” เขาร้องอุทานอออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ทำได้สำเร็จเสียที จากนั้นปรมาจารย์เซี่ยะก็เร่งกล่าวต่อว่า
“เอาล่ะ ข้าต้องทำเช่นใดต่อไปหลังจากนี้?”
หลู่เลียนสุ่ยเอ่ยปากกล่าวตอบว่า
“เอาล่ะ ต่อจากนี้ข้าจะสอนทักษะการหลอมกลั่นให้กับท่าน ท่านจงตั้งใจฟังคำพูดของข้าให้ดี และตั้งใจฟังให้ละเอียดในทุกคำ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลู่เชียนสุ่ยได้เห็นผู้อื่นหลอมกลั่นโอสถต่อหน้าต่อตา ท่าทางของนางตอนนี้เคร่งขรึมและจริงจังยิ่งนัก ในขณะที่ปรมาจารย์เซี่ยะเองก็ตั้งใจฟังราวกับลูกศิษย์ที่แสนเลื่อมใสอาจารย์คนหนึ่ง และพร้อมที่จะทำตามทุกขั้นตอนที่หลู่เชียนสุ่ยสอนสั่ง
จางเห่อประธานสมาคมนักหลอมโอสถซึ่งยืนอยู่มุมห้อง และเฝ้าจับตามองหลู่เชียนสุ่ยอย่างไม่ให้คลาดสายตา แต่ยิ่งเขาเฝ้าสังเกตดูนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งตกตะลึงกับทักษะอันล้ำเลิศของนาง
ประกายสว่างไสวปรากฏขึ้นในดวงตาของจางเห่อ เขาตระหนักได้ถึงความล้ำเลิศของทักษะการหลอมโอสถนี้ จึงเร่งออกคำสั่งไปทั่วทั้งสมาคม
“ประกาศออกไปเดี๋ยวนี้ว่า ข้าสั่งให้เรียกนักหลอมโอสถทั้งหมดในสมาคมแห่งนี้เข้าประชุมโดยด่วน! และพาพวกเขามาที่ห้องหลอมโอสถนี้เพื่อดูปรมาจารย์เซี่ยะหลอมกลั่นโอสถในครั้งนี้!”
ตอนที่25 คำบอกเล่าอันน่าสะพรึง
คล้อยหลังที่จางเห่อเร่งประชุมด่วน เหล่านักหลอมโอสถมากมายของทางสมาคมต่างแห่แหนมารวมตัวกันภายในห้องหลอมกลั่นแห่งนี้
ซูเต๋อคังซึ่งเป็นนักหลอมโอสถระดับสองเช่นเดียวกับปรมาจารย์เซี่ยะ เขาเอ่ยปากขึ้นอย่างไม่พอใจว่า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หากพูดถึงเรื่องพื้นฐานการหลอมโอสถแล้ว ข้าเองนับว่าเหนือชั้นกว่าเจ้าเซี่ยะซิ่งมาก ไฉนท่านประธารสมาคมจึงได้เรียกให้ข้ามาดูเขาหลอมกลั่นโอสถเช่นนี้กัน?”
ซูเต๋อเป็นลุงสองของนายน้อยสองซูหยางห่าวที่ถูกหลู่เชียนสุ่ยกระหน่ำตบหน้าไปก่อนนี้
แม้ว่าซูเต๋อคังจักรู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่จู่ๆก็มีการเรียกประชุมด่วนเช่นนี้ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของจางเห่อ จึงต้องเร่งฝีเท้าและมาถึงห้องหลอมกลั่นโอสถเป็นคนแรกๆ
แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนี้ ซูเต๋อคังก็ถึงกับต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“หอมนัก! กลิ่นโอสถฤทธิ์แรงมาก!”
ในขณะที่นักหลอมโอสถต่างระดมกันมาถึง พวกเขาจำนวนมากก็เข้ารายล้อมปรมาจารย์เซี่ยะกับหลู่เชียนสุ่ยไว้หมดแล้ว
ทุกคนในที่นี้ต่างปิดปากเงียบสงัด มีเพียงสุ้มเสียงเดียวที่ดังอยู่ซึ่งก็คือเสียงของหลู่เชียนสุ่ยที่กำลังชี้แนะสอนสั่งปรมาจารย์เซี่ยะให้หลอมกลั่นตาม
ซูเต๋อคังได้ฟังคำบอกสองสามประโยคของหลู่เชียนสุ่ยจึงเกิดความสงสัย ก่อนที่แววตาคู่นั้นของเขาจะค่อยๆเปล่งประกายเจิดจ้า เขาเร่งผลักนักหลอมคนอื่นๆที่รายล้อมอยู่ แล้วโถมตัวเข้าไปใกล้ทันที สองตาจับจ้องอยู่ที่มือของปรมาจารย์เซี่ยะไม่มีกระพริบ ยิ่งพินิจดูเนิ่นนานเข้า สีหน้าของเขาก็ยิ่งจริงจังขึ้นมาก
และนักหลอมโอสถคนอื่นๆเองต่างก็เผยพินิจท่าทีเช่นนี้ไม่ต่างกัน
แต่น่าเสียดายนัก
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน!
ในที่สุดหลู่เซียนสุ่ยก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า
“เอาล่ะ! นี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ท่านทำตามปกติอย่างทั่วไปและขึ้นรูปโอสถได้เลย!”
เมื่อนักหลอมโอสถโดยรอบได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะจบ และเมื่อคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้รับชมอีกต่อไปแล้ว แต่ละคนต่างก็แสดงท่าทีผิดหวังออกมาอย่างไม่อาจปิดบังไว้ได้
“แม่นางหลู่ ขออภัยที่กล่าวแทรก เคล็ดวิชาที่เจ้าเพิ่งสอนไปเมื่อครู่มีชื่อว่าอันใดรึ?”
จางเห่อเอ่ยถามขึ้นทันทีอย่างอดมิได้
“เป็นเคล็ดวิชาทั่วไประดับพื้นฐาน เมื่อฝึกปรือวิชานี้จนเชี่ยวชาญแล้วจะสามารถสกัดตัวสมุนไพรหลากหลายชนิดได้พร้อมกัน…”
แต่ยังไม่ทันที่หลู่เชียนสุ่ยยังจะได้กล่าวจบ กลับมีนักหลอมโอสถที่อยู่ในบริเวณนั้น ดูเหมือนเขาจะมิอาจควบคุมตัวเองได้ รีบเอ่ยปากเถียงหลู่เชียนสุ่ยขึ้นทันที
“จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร? คนเรามีเพียงแค่สองมือ แล้วจะใช้มือเดียวควบคุมตันหัวได้อย่างไร? ดังนั้นการสกัดสมุนไพรหลากหลายชนิดพร้อมกัน ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้เลย”
“แน่นอนว่าย่อมเป็นไปได้!”
หลู่เชียนสุ่ยไม่มีรีรออันใด นางรีบกล่าวแย้งแทรกขึ้นทันทีเช่นกัน
จางเห่อยิ้มออกมาและกล่าวว่า
“เหล่านักหลอมโอสถทุกท่าน เรื่องสองมือคือเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักหลอมโอสถเช่นเราคือความแกร่งกล้าของจิตวิญญาณมิใช่รึ?”
ทันทีทันใด เหล่านักหลอมโอสถหลายคนโดยรอบพลันเกิดสำนึกคิดได้ พวกเขาพยักหน้าตอบทันทีด้วยความอับอาย
ณ เวลานี้เอง
ตึง!
เสียงทุ้มต่ำดังกึกก้องขึ้น เป็นเสียงตัวเม็ดโอสถกระแทกกับหม้อหลอมจนดังกังวาน
สีหน้าการแสดงออกของปรมาจารย์เซี่ยะเวลานี้เผยให้เห็นถึงความสุขเกินที่จะอดกลั้นไว้ได้
“สำเร็จแล้ว!”
คล้อยหลังกล่าวจบ เขาก็เปิดฝาหม้อหลอมโอสถด้วยความตื่นเต้นทันที กลิ่นสมุนไพรสุคนธรสหอมฉุยอบอวลไปทั่วทั้งห้อง ทุกคนต่างพากันสูดดม สีหน้าเผยให้เห็นอาการผ่อนคลายสบายอารมณ์ยิ่งนัก
“กลิ่นโอสถรุนแรงยิ่งนัก ประสิทธิภาพโอสถน่าจะสูงมากเป็นแน่!”
จางเห่อเดินตรงขึ้นไปด้านหน้า แล้วจึงชะเง้อมองไปทางหม้อหลอมด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
“เราจักต้องเห็นตัวโอสถก่อนจึงจะทราบได้”
แต่ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นั้น จู่ๆปรามจารย์เซี่ยะพลันร้องอุทานออกมาเสียงดังลั่น
ทุกคนในที่นั้นต่างก็พากันสะดุ้งเฮือกตกใจ.
“เกิดอะไรขึ้นรึ?”
“สะ-สาม...ข้าใช้สมุนไพรแค่หนึ่งส่วนในการหลอมกลั่น ตะ-แต่...แต่ข้าหลอมกลั่นโอสถได้ถึงสามเม็ด!”
“อะไรนะ?!”
แม้แต่จางเห่อที่มักจะมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่เสมอ ยามนี้รอยยิ้มนั้นพลันจางหายแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจอย่างที่สุด เขารีบชะโงกหน้าเข้าไปดูสิ่งที่อยู่ภายในหม้อหลอมโอสถทันที แต่แล้วก็ยิ่งตกใจไปมากกว่าเดิม
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?! โอสถทั้งสามเม็ดมีความบริสุทธิ์สูงถึงเก้าส่วน! นี่...นี่...!!”
โอสถชั้นยอดคือโอสถที่มีความบริสุทธิ์มากกว่าเจ็ดในสิบส่วน ซึ่งโอสถระดับชั้นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว แต่กลับไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า โอสถที่มีความบริสุทธิ์กว่าเก้าในสิบส่วนจักมาปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาตอนนี้!
จางเห่อเห็นทุกอย่างชัดเจนกว่าใครๆ
ในขณะที่โอสถเดิมของปรมาจารย์เซี่ยะมีความบริสุทธ์เพียงแค่หนึ่งส่วนเท่านั้น!
การใช้สมุนไพรชนิดเดียวกันและปริมาณเท่ากัน แต่เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการหลอมใหม่เท่านั้น ก็สามารถทำให้โอสถเหล่านี้มีความบริสุทธิ์กว่าเก้าส่วนได้จริงๆ!
จางเห่อรู้สึกคล้ายราวกับฝันไป!
แต่ถึงกระนั้น หลู่เชียนสุ่ยกลับมิได้มีท่าทีตื่นตกใจอันใดเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงข้าม ใบหน้านวลเนียนขาวราวหิมะของนางนั้นกลับขมวดย่นเล็กน้อย พร้อมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า
“วิธีหลอมกลั่นนี้ควรจะสร้างโอสถที่มีความบริสุทธิ์ได้สิบในสิบส่วนจึงจะถูกต้อง! เฮ้ออ..น่าเสียดายนักที่ผู้อาวุโสเซี่ยะยังไม่คุ้ยเคยกับวิชานี้ สมุนไพรในระหว่างสกัดจึงมิได้บริสุทธิ์เท่าที่ควร ด้วยเหตุนี้จึงความบริสุทธิ์ของโอสถจึงลดเหลือเพียงแค่เก้าส่วน”
แค่เก้าส่วน?
น้ำเสียงของนางดูไม่พอใจอย่างยิ่ง ในขณะที่นักหลอมโอสถคนอื่นๆที่ได้ยินต่างพากันอ้าปากค้างและไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว...