ตอนที่70 สาดใส่หน้า
หลู่เชียนสุ่ยสวมชุดแพรพรรณสีขาวดุจหิมะ สะพายดาบยาวไว้บนหลัง ย่างสามขุมก้าวเดินไปสู่เมืองฉิงหยุนอย่างแช่มช้า
นางเดินทางจากหุบเขาฉินหยุนเข้ามายังตัวเมืองใช้เวลาค่อนข้างนาน ดังนั้นจึงหมดแรงไปมิใช่น้อย เหลียวซ้ายแลขวา หลู่เชียนสุ่ยมองหาร้านอาหารที่ดูอร่อยที่สุดและเข้าไปในร้านนั้นทันที
เหล่าฝูงชนภายในร้านอาหารนั้นต่างสนทนาพูดคุยเกี่ยวกับงานประลองที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
“ท่านเจ้าเมืองกำลังจะจัดงานประลองประจำเมืองในวันพรุ่งนี้ที่จัตุรัสกลางเมือง ข้าสงสัยเสียจริงว่า ใครกันที่จะได้สิทธิเป็นตัวแทนเมืองฉินหยุนเข้าไปแข่งขันต่อในจักรวรรดิหลิวหยุน”
“ตำหนักเจ้าเมือง ตระกูลซู ตระกูลโม่ ทั้งยังเยาวชนมากพรสวรรค์ภายในเมืองอีก ทุกคนล้วนมีความแกร่งกล้า อย่างไรก็ตามแต่ คนที่น่าประทับใจสุดคงเป็นหลู่ซิงเฉินจากตำหนักเจ้าเมือง!”
“ถูกต้องแล้ว! หลู่ซิงเฉินช่างน่าประทับใจโดยแท้ ได้ข่าวว่านางเองก็จะเข้าร่วมงานประลองด้วยเช่นกัน ช่างน่ายินดีนัก! ท้ายที่สุดนี้นางก็เป็นแบบอย่างให้แก่เยาวชนรุ่นต่อๆไปให้ตั้งใจฝึกฝน”
“แน่นอน เมื่อเทียบกับนังขยะอย่างคุณหนูใหญ่ หลู่เชียนสุ่ยจากตำหนักเจ้าเมือง นั้นกลับกลายเป็นเรื่องน่าขันนัก!”
“ระดับพลังของนางอยู่เพียงอาณาจักรปรับวิญญาณระดับสามเท่านั้น นางไม่มีทางเอื้อมถึงคำว่าความสำเร็จแน่นอน! เฮ้ออ...คนอย่างนางพยายามไปก็เปล่าประโยชน์ เห็นว่ายังศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับศาสตร์แห่งโอสถอะไรนั้นอีก ทั้งยังประกาศว่าตนจะเข้าร่วมงานประลองประจำเมืองเช่นกัน! แค่อาณาจักรปรับวิญญาณระดับสาม ทันทีที่เริ่มนางคงถูกกำจัดทิ้งในพริบตา!”
“ข้ายังได้ยินมาว่า นางออกเดินทางไปฝึกบนหุบเขาเมื่อต้นเดือนก่อน แต่งานประลองกลับเริ่มพรุ่งนี้แล้ว แต่นี่แม้แต่เงาก็ยังไม่โผล่หัวออกมา หรือเป็นไปได้ไหมว่า นางตายลงภายในนั้นแล้ว?”
ชายกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมโต๊ะสนทนาอย่างสนุกสนานไปเรื่อย
หลังจากที่พวกเขาได้ฟังคำกล่าวของชายคนนั้น เหล่าชายหนุ่มที่เหลือก็หันไปกล่าวกับชายหนุ่มรูปงามในชุดคลุมสุดหรูว่า
“พี่ซูท่านได้ยินหรือไม่? เจ้านั้นบอกว่า คู่หมั้นของท่านอาจตายลงภายในหุบเขานั้นแล้ว? ไฉนท่านดูไม่เศร้าใจเลย?”
เมื่อซูหมิงหยางได้ยินดังนั้น เขาก็ระเบิดหัวเราะเยาะขึ้น
“จะเศร้าไปทำไม?” คล้อยหลังเอ่ยวาจาประโยคนี้มา สายตาของเขาก็จับจ้องทุกอย่างอย่างหยามเหยียด
“นางมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับข้าอยู่แล้ว และหลู่ซิงเฉินต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของข้า”
เหล่าชายหนุ่มคนอื่นๆต่างรวนหัวเราะตามกันใหญ่
“หากเช่นนั้น พวกเราก็ขอให้พี่ซูสมหวังในความรักกับหลู่ซิงเฉิน!”
หลู่เชียนสุ่ยที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาก็พลางได้ยินเสียงสนทนาเหล่านี้ นางมิได้ใส่ใจอันใดตั้งแต่แรก ตลอดจนได้ฟังวาจาคำกล่าวของซูหมิงหยาง ทันใดนั้นสีหน้าของนางพลันเย็นชาลงสุดขั้ว
หลังจากที่ซูหมิงหยางกระดกสุราไปหลากจอก เขาก็เริ่มพล่ามขึ้นว่า
“สรุปแล้ว นังขยะหลู่เชียนสุ่ยก็เป็นเพียงลูกนอกคอก ไม่ต้องกล่าวเลยว่าจะพึ่งพาอะไรนางได้ ขนาดตัวเองไปตายอยู่ไหนยังไม่ทราบ! ไร้ประโยชน์ขนาดนี้ มันจะคู่ควรกับข้าได้อย่างไร?”
“ใช่ ใช่ ใช่! พี่ซูกล่าวถูกต้องแล้ว! อย่างไรก็ตาม ข้าได้ยินมาว่า หลู่เชียนสุ่ยมีหน้าตาที่งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ แม้แต่หลู่ซิงเฉินยังไม่ได้ครึ่งของนาง!”
ซูหมิงหยางกระดกสุราอีกจอก เขาในตอนนี้เริ่มเมาแล้ว จึงตะคอกสวนไปทันทีที่ได้ยินว่ามีคนชื่นชมนาง
“แล้วสำคัญไฉน? นางไม่เคยสนใจข้าเลยด้วยซ้ำ นางเป็นคู่หมั้นของข้ามานานก็หลายปี แต่แค่จับมือถือแขนกันยังไม่ยอม! แล้วจะให้ข้าแต่งงานกับนาง? ไร้สาระ!”
หลู่เชียนสุ่ยเลือกโต๊ะไว้ที่ชั้นสอง และยามนี้เองนางก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากโต๊ะที่เหล่าชายหนุ่มนั่งก๊งกัน สีหน้าของนางทวีความเย็นชามากขึ้น ก่อนจะก้าวย่างไปยังโต๊ะของซูหมิงหยาง
บางคนยังคงหยอกล้อแกล้งเล่นในเรื่องระหว่างซูหมิงหยางกับหลู่เชียนสุ่ย บวกกับอาการเมาของพวกเขา จึงมิได้สังเกตเห็นเลยว่าหลู่เชียนสุ่ยตัวจริงเสียงจริงตรงเข้าใกล้มากแล้ว เมื่อเห็นสาวงามคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาต่างก็รู้สึกหลงใหลในความงามของนางนิ่ง
หลู่เชียนสุ่ยแทบจะมิได้ออกไปไหนเลยในช่วงระยะหกปีมานี้ หลายต่อหลายคนไม่เคยเห็นหน้านาง ยิ่งไปกว่านั้น ในอดีตนางยังเป็นเด็กหาได้งดงามเท่าปัจจุบัน
ทันใดนั้นเอง!
ซู่ววว!
หลู่เชียนสุ่ยเปิดฝากาน้ำชาร้อนออกและสาดใส่หน้าของซูหมิงหยางโดยตรง ทุกคนโดยยรอบต่างอ้าปากค้างตกตะลึงยิ่ง
ตอนที่71 นางคือหลู่เชียนสุ่ย
“เจ้าเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับทำตัวดั่งสุนัขเที่ยวนินทาคนอื่นลับหลัง อ่อ...ไม่สิ ขนาดสุนัขยังดูดีกว่าเจ้านัก!”
ใบหน้าสวยของหลู่เชียนสุ่ยมืดทมิฬลงสุดขีด นางเอ่ยวาจาเย้ยหยันในทันที
“จะ-เจ้า...เจ้ากล้า?! เจ้าเป็นใคร...ถึงมาดูถูกข้า!”
ซูหมิงหยางยามนี้มึนเมาหนัก กระทั่งเอ่ยวาจายังติดอ่าง
แม้คนอื่นๆในโต๊ะจะค่อนข้างให้ความสนใจหลู่เชียนสุ่ย แต่เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างนาง มันทำให้ทุกคนต่างปิดปากเงียบนั่งตะลึงแข็งค้างไปแบบนั้น
ทันทีทันใด มีใครบางคนจากโต๊ะอื่นจำหน้านางได้ทันที พลันอุทานลั่นว่า
“หลู่เชียนสุ่ย! นางคือหลู่เชียนสุ่ยตัวจริงเสียงจริง!”
คำกล่าวนี้ราวกับกลองลั่นศึก หลังอุทานเสียงหม่นหายไป ทั่วทั้งโถงชั้นสองต่างเงียบสงัดลง จากที่เสียงดังแซ่ซ้องเต็มไปด้วยวาจาสนทนา ยามนี้สุ้มเสียงเบาลงจนน่าประหลาดใจ
“นางคือหลู่เชียนสุ่ย? ไฉนนางไม่เห็นดูอ่อนแอไร้ประโยชน์อย่างที่ลือกัน?”
“แต่นางดูน่าทึ่งยิ่ง!”
“พินิจจากท่าทีของนาง ราวกับยอดฝีมือคนหนึ่ง!”
“ไฉนข้าถึงรู้สึกว่า แรงคุกคามจากร่างของนางช่างแกร่งกล้านัก กระทั่งนายน้อยใหญ่แห่งตระกูลซูยังดูด้อยกว่า!”
ซูหมิงหยางยังคงอยู่ในอาการมึนเมา เมื่อเขาได้ยินบางคนตะโกนชื่อหลู่เชียนสุ่ยดังขึ้น สีหน้าของเขาพลันมืดลงฉับพลัน และกล่าวขึ้นว่า
“หลู่เชียนสุ่ย! นังขยะ! เจ้ากล้ารังแกน้องชายข้า! ทุบตีเขาจนดูไม่ได้! ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน!”
เหล่ามิตรสหายที่นั่งร่วมโต๊ะกับซูหมิงหยางต่างนั่งแข็งค้างเบิกตาโต หลังทราบว่าตัวตนของนางผู้นี้คือหลู่เชียนสุ่ย ก่อนจะเร่งตรวจสอบระดับพลังทันที พร้อมหน้าถอดสีกันยกใหญ่
สีหน้าการแสดงออกของหลู่เชียนสุ่ยเองก็มืดทมิฬลงเช่นกัน เมื่อซูหมิงหยางเรียกนางว่านังขยะ
ชวิ้ง!
ดาบเหล็กยาวปราดพุ่งฟาดบนคอเห็นกันทั้งโถงชั้นสอง กลิ่นอายคุกคามจิตสังหารแผ่สะท้านสารทิศ ทันทีที่คมดาบลุจ่อถึงคอ ทุกคนต่างปิดปากเงียบดั่งป่าช้า
“เอ่อ...แม่นางหลู่ อย่านับภาษาอะไรกับคนเมาเลย”
มิตรสหายคนหนึ่งของซูหมิงหยางเอ่ยขึ้นประนีประนอมพร้อมรอยยิ้ม
“แม่นางหลู่ เรื่องระหว่างพพี่ซูกับท่านเกรงว่าเป็นเรื่องส่วนตัว คงไม่เป็นการดีนักที่จะมาสู้กันในที่สาธารณะเช่นนี้ ภาพฉากที่ออกมาคงส่งผลเสียต่อแม่นางหลู่ คงมิใช่เป็นการณ์ดีนัก”
หางตาของหลู่เชียนสุ่ยกระตุกเล็กน้อย ก่อนเหลือบมองไปยังต้นเสียง
มิตรสหายคนนั้นที่สบตาด้วยถึงกับขนลุกซู่ว รอยยิ้มนั้นหายไปทันที เนื้อตัวสั่นเทาอย่างไร้สาเหตุ เขาพยายามกล่าวขึ้นว่า
“แม่นางหลู่ดูเหนื่อยล้ามามาก ท่านคงต้องรีบลงเขาฉิงหยุนมาเพื่อให้มาทันงานประลองในวันพรุ่งนี้ เช่นนั้นไม่ดื่นชาร้อนสัดจอก และอาหารอร่อยๆสักมื้อเพื่อเติมพลังเสียหน่อย? ฮ่าๆ ข้ามากินที่นี่บ่อย มีของแนะนำให้ลิ้มลองมากมาย เดี๋ยวสั่งอาหารให้แม่นางเลยดีกว่า ฮ่าๆ...”
“ตอนนี้พี่ซูยังมึนเมาหนัก ท่านควรลืมเรื่องในวันนี้ไปเสีย สำหรับความเกลียดชังที่มีต่อการ ค่อยชำระสะสางในวันพรุ่งนี้จะเป็นการดีที่สุด? ทั้งแม่นางหลู่และพี่ซูต่างเป็นผู้เข้าร่วมงานประลองเช่นกัน ไฉนถึงไม่สู้กันอย่างยุติธรรมในสนามพรุ่งนี้?”
มิตรสหายคนนี้ของซูหมิงหยางค่อนข้างรอบคอบ เอ่ยวาจามีเหตุมีผล หลู่เชี่ยนสุ่ยเองก็มิได้คัดค้านอันใดเช่นกัน
หลู่เชียนสุ่ยไม่คิดเลยว่า ซูหมิงหยางยังมีมิตรสหายดีๆเช่นนี้ติดตัว คล้อยหลังพลันลดคมดาบลง ก่อนจากไปนางเอ่ยขึ้นว่า
“ก็ได้”
เดิมทีนางก็ไม่อยากยุ่งกับคนเมาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พอทราบว่าซูหมิงหยางคนนี้เองก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมงามประลอง นางเองก็ต้องการบดขยี้มันบนสนามต่อหน้าทุกคน!
หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ นางก็ไม่มีอารมณ์อยากอาหารแล้ว จึงหมุนตัวจากไปทันที
ผู้คนในร้านอาหารต่างตกใจเจือสงสัยผสมกันไป พวกเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้เมื่อเห็นหลู่เชียนสุ่ยเดินจากไป
เดินออกจากร้านอาหารได้สักพัก แววผิดแปลกพลันสะท้อนผ่านนัยน์ตาของนาง หลู่เชียนสุ่ยเบาฝีเท้าลงเล็กน้อย