px

เรื่อง : ตำนานงูยักษ์เขมือบโลก
ตอนที่ 6 : เมื่อฝนมา


ตอนที่ 6 : เมื่อฝนมา

 

          หลังจากที่ลิ้มรสของเจ้ากิ้งก่าภูเขาไปแล้วนั้น ในตอนนี้ฟ่างหยุนก็ได้นอนหลับอยู่ภายในรังเพื่อรอการย่อยและพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงร่างของกิ้งก่าในท้องของเขานั้นก็ถูกย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ และมันทำให้ฟ่างหยุนได้รับพลังงานทางชีวภาพถึง 10 หน่วยเต็มๆ 

 

            วันนี้มันไม่จำเป็นเลยที่ฟ่างหยุนจะต้องออกไปล่าเหยื่อ แต่สิ่งที่จำเป็นมากสำหรับเขาคือต้องใช้เวลาเยียวยาจิตใจจากความกลัวที่เจ้านกอินทรีย์นำมามอบให้แก่เขาก่อนหน้านี้ ฟ่างหยุนไม่รู้เลยว่าการปรากฏตัวของนกอินทรีย์ในวันนี้นั้น เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ และก็ไม่รู้เลยว่ามันจะอยู่ที่ระแวกนี้นานแค่ไหน เพราะถ้าเป็นความตั้งใจของมันแล้ว ฟ่างหยุนคิดว่าเขาต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากในการจะออกล่าเหยื่อในครั้งต่อๆไป

 

            มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากนกอินทรีย์ เหยื่อส่วนใหญ่ที่ถูกล่านั้นจะมองไม่เห็นพวกมัน เพราะมันจะลอยตัวเหนืออากาศราว ๆ หนึ่งกิโลเมตรจากพื้นดิน หลังจากที่นกอินทรีย์พบเหยื่อแล้วมันจะบินโฉบลงมาอย่างรวดเร็ว ระยะห่างจากบนท้องฟ้าจนถึงพื้นดินทำให้เกิดแรงกระแทกอย่างรุนแรง นกอินทรีย์จะใช้จังหวะนี้ในการฆ่าเหยื่อด้วยกรงเล็บอันแหลมคม ด้วยความเล็กจิ๋วของขนาดร่างกายของฟ่างหยุนนั้น เขาไม่คิดว่าจะรอดจากนกอินทรีย์ได้

 

            โดยเดิมนั้น ฟ่างหยุนคิดว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีลำตัวยาวกว่า 30 เซนติเมตรแล้ว มันควรจะเป็นเวลาที่เขาจะได้โลดแล่นและแสดงศักยภาพในการล่าเหยื่อ แต่ตอนนี้เขาคิดว่ามันคงยังไม่เหมาะสม และเขาก็จะดำเนินชีวิตไปอย่างเรียบง่ายเพื่อความอยู่รอดต่อไปของเขานั่นเอง

 

            ภายใต้ต้นยูคาลิปตัส ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ฟ่างหยุนค่อยๆ ชูคอขึ้นเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตบริเวณนั้นปกคลุมหนาแน่นไปด้วยจำนวนพุ่มไม้น้อยใหญ่ ซึ่งมันเพียงพอที่จะทำให้การพรางตัวของเขานั้นมีประสิทธิภาพ

 

            ตอนนี้เวลาก็ผ่านล่วงเลยมาถึงสามวันแล้วหลังจากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับนกอินทรีย์ เขาจึงมั่นใจว่าพุ่มหญ้าเหล่านี้จะช่วยปกป้องเขาจากการโจมตีด้านอากาศได้อย่างแน่นอน       ในระหว่างนี้เขาก็เริ่มออกล่าเหยื่อต่อตามปกติ เพียงแค่ว่าเขาระมัดระวังมากขึ้นเป็นอย่างมาก ทุกที่ที่จะเลื้อยไปนั้นจะต้องปลอดภัย ฟ่างหยุนคิดเช่นนั้น

 

            ฟ่างหยุนยังคงมุ่งหน้าเลื้อยต่อไปในที่ที่มีหญ้าหนาทึบปกคลุม บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าการมาในที่แบบนี้นั้นทำให้ประสิทธิภาพในการล่าเหยื่อของเขาลดลง แต่แล้วมันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในพุ่มหญ้าหนาทึบนั้นเขาได้พบกับฝูงแมลงอย่างพวกจิ้งหรีดรวมไปถึงตั๊กแตน เยอะอย่างมาก คิดย้อนกลับไปแล้วในอดีตนั้นแมลงและสัตว์พวกนี้ให้พลังงานทางชีวภาพที่ค่อนข้างต่ำแก่เขา แต่โชคยังเข้าข้างที่ตอนนี้ขนาดลำตัวของฟ่างหยุนเองมีความยาวมากกว่าเมื่อก่อนแถมตอนนั้นเขายังสามารถล่าได้แค่สัตว์เล็กๆ ต่างจากตอนนี้ที่เขาสามารถล่ากบดำลายจุดขนาดโตเต็มวัยได้อย่างสบาย

 

            ในสามวันที่ผ่านมานั้นฟ่างหยุนสามารถล่ากบดำลายจุดที่ยังโตไม่เต็มวัยไปถึงห้าตัว และกบดำที่โตเต็มวัยอีกสองตัวมันทำให้เขาได้รับพลังงานชีวภาพไป 9 หน่วย และตุ๊กแกตัวเล็กๆที่ให้พลังงานเขาอีก 3 หน่วย รวมไปถึงโบนัสก้อนโตจากกิ้งก่าภูเขาที่เขาเพิ่งกินมันไปเมื่อหลายวันก่อนทำให้พลังงานชีวภาพทั้งหมดของฟ่างหยุนมีถึง 22 หน่วย!

 

“ ระบบท่านได้ยินเราหรือไม่ ? ” ฟ่างหยุนเรียกหาระบบในความคิดของเขาและแล้วหลังจากที่เสียงของฟ่างหยุนเงียบไป ตรงหน้าเขาก็ปรากฏฉากเดิมที่สวยงาม นั่นก็คือมีม่านแสงสลัว สวยงาม โผล่ออกมา

 

รายการคุณสมบัติของท่านฟ่างหยุน:

คะแนน: 3

พลังงานชีวภาพ: 22/30

คะแนนทักษะ: 0

ความยาวของลำตัว: 35 ซม.

เส้นผ่าศูนย์กลาง: 1.2 ซม.

ความแข็งแรง: 0.2

พลังป้องกัน: 0.1

ความเร็ว: 0.4

ความคล่องตัว: 0.7

วิญญาณ: 1.5

ความแข็งแรงทางกายภาพ: 1.0

ทักษะ: พิษมรณะ 1/5

ค่าชื่อเสียง: 0/10,000,000

 

เมื่อมองไปที่ช่องของพลังงานชีวภาพดังนั้นแล้วฟ่างหยุนถึงกับยิ้มที่มุมปาก เพราะว่าเวลาผ่านมาเพียงแค่ 3 วันเขากลับมีพลังงานชีวภาพถึง 22 หน่วย มันทำให้เขาดีใจเป็นอย่างมากเพราะขาดพลังงานชีวภาพอีกเพียงแค่ 8 หน่วยเขาก็จะสามารถเข้าสู่วิวัฒนาการครั้งต่อไปได้ แต่ความรวดเร็วถึงขั้นนี้แล้วมันกลับยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับเขา!

 

เพราะนกอินทรีย์ตัวนั้นมันจึงทำให้เขาไม่กล้าที่จะไปล่าเหยื่อในพื้นที่เปิด แต่ด้วยการที่เขานั้นไปตามล่าเหยื่อจำพวกแมลงตัวเล็กๆ เป็นจำนวนมาก มันจึงทำให้เขาสะสมพลังงานชีวภาพได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าหากเขายังคงล่าพวกแมลงตัวเล็ก ๆ ต่อไปตามโพรงหญ้าตามเดิม ยังไงซะเขาก็จะต้องเข้าสู่การวิวัฒนาการครั้งต่อไปได้อย่างแน่นอน เพราะว่าแมลงตัวเล็ก ๆ  อาจจะให้พลังงานทางชีวภาพที่ต่ำ แต่จำนวนของพวกมันก็มีอยู่เยอะมาก อีกทั้งมันยังง่ายต่อการล่าและยังปลอดภัยเสียด้วย

 

ในระหว่างช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ฟ่างหยุนก็ได้เห็นการปรากฏตัวของเจ้านกอินทรีย์อีกครั้ง และฉากที่มันทำให้ฟ่างหยุนต้องหวาดระแวงตลอดเวลาเลยนั่นก็คือเจ้านกอินทรีย์ตัวนี้บินลงมาโฉบงู ที่มีขนาดลำตัวยาวถึง 1เมตร จากพื้นดินไปต่อหน้าต่อตาเขา! ฟ่างหยุนไม่ทันได้เห็นชัดเจนว่างูที่ถูกโฉบไปกินนั้นเป็นสายพันธุ์ไหน แต่ด้วยความที่เป็นงูด้วยกันแล้ว ฟ่างหยุนก็ตระหนักได้เลยว่านกอินทรีย์ตัวนี้เป็นอันตรายต่อเขาและเผ่าพันธุ์งูอย่างแน่นอน

 

และในตอนนี้เขาก็ออกล่าเหยื่ออย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในพื้นที่เปิดโล่ง เขาเลือกที่จะไม่ไปเหยียบในบริเวณนั้นเด็ดขาด และสาเหตุที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พบกับนกอินทรีย์คงเป็นเพราะว่า มีพื้นที่และอาณาเขตมากมายในป่าแห่งนี้ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ต่างๆนาๆ สายพันธุ์ แต่พอเหยื่อในบริเวณอื่นๆลดลง นกอินทรีย์ตัวนี้จึงต้องหันมาออกล่าเหยื่อในระแวกนี้

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ฟ่างหยุนก็ค่อยๆเลื้อยผ่านตามกองของเศษซากใบไม้ ทันทีที่เขาแหงนมองขึ้นไปบนฟ้ามันก็ทำให้เขารู้ว่าเวลานี้น่าจะเป็นช่วงบ่ายคล้อย และพระอาทิตย์ก็ไกล้จะตกดินเต็มทีแล้ว

 

ฟ่างหยุนนั้นช่างสังเกตเป็นอย่างมาก จากสถานการณ์ที่เขาเจอทำให้เขาวิเคราะห์ได้ว่านกอินทรีย์ส่วนใหญ่จะล่าสัตว์ในเวลาตอนเช้าตรู่ เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองเขาจึงต้องหันออกมาล่าเหยื่อในช่วงบ่ายของวัน ฟ่างหยุนอดไม่ได้ที่จะกัดฟันของตัวเองดังกรอด! จากความรู้สึกที่เขามีตอนนี้คือเขาเกลียดนกอินทรีย์เข้ากระดูกดำ เขาพูดกับตัวเองว่าหากเขามีการวิวัฒนาการที่ดีขึ้นในอนาคตแล้วละก็ เขาจะหาทางแก้แค้นเจ้านกอินทรีย์ที่น่ารังเกียจตัวนี้ให้ได้

 

หายใจเข้าลึกๆ ฟ่างหยุนบิดตัวของเขาอย่างผิดปกติ เขารู้สึกว่าอากาศในวันนี้นั้นมันชื้นกว่าปกติ ทำให้เขารู้สึกอบอวนแปลกๆ

 

“ หรือว่า ฝนกำลังจะตกกันนะ ? ”

 

และแล้วแสงที่ดูกำลังจะริบหรี่ ก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้าฟาดลงมาบนพื้นดินต่อหน้าของฟ่างหยุน มันทำให้เขานั้นตกตะลึง เพราะตอนนี้ต้นไม้ในป่ากำลังส่งเสียงหวีดหวิวราวกับว่าถูกลมพัดพวกมันแทบจะหักลงมาใส่ร่างของฟ่างหยุน เสียงใบไม้เสียดสีกันจนเกิดเป็นเสียงอันน่ารำคาญ  ฟ่างหยุนยังคงพบว่า ยังมีแมลงอีกจำนวนมากที่บินว่อนอยู่ในอากาศ รวมถึงจิ้งหลีดปลิวผ่านหัวของเขาไปหลายตัว

 

            “ มันต้องเป็นฝนแน่ๆ ” ใช่ครับ เขาอยู่ในป่านี้มานานถึงสิบกว่าวันแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝนตก เพราะในป่าแบบนี้มันเป็นปกติที่ฝนนั้นจะตกลงมา

 

            อย่างไรก็ตามตอนนี้มีสิ่งที่เขากังวลเกิดขึ้นมาในใจ เพราะถ้าหากว่าในสภาพอากาศแบบนี้ที่มีฝนตกติดต่อกันหลายๆวัน มันจะส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการล่าเหยื่อครั้งต่อไปของฟ่างหยุนอย่างแน่นอน

 

            “ วันนี้เราต้องพยายามล่าเหยื่อให้ได้มากที่สุด! ” เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับเริ่มออกเลื้อยมุ่งหน้าต่อไป ชัดเจนเลยว่าฝนที่กำลังตกมาแบบนี้ กบจำนวนมากจะต้องออกมาหากินแมลงตามใต้ต้นไม้อย่างแน่นอน สำหรับกบนั้นพวกมันมีการตอบสนองที่รวดเร็วเป็นพิเศษ สำหรับเหยื่อซึ่งก็คือสัตว์จำพวกแมลงที่กำลังเข้ามาในอาณาเขตของมัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแมลงผู้น่าสงสารก็แทบจะหมดหนทางรอดไปได้เลย

 

            ระหว่างทางนั้นฟ่างหยุนก็พบกับกบดำลายจุดและกบลายสีทอง เป็นจำนวนมากแต่เขาก็ไม่สามารถจับพวกมันได้เพราะพวกมันมีความคล่องแคล่วทำให้สามารถหลุดพ้นจากสายตาของฟ่างหยุนไปได้

 

            นอกจากนี้เขายังเห็นกบลายเสือมากมายที่มีขนาดใหญ่ถึง 10 เซนติเมตรและมีน้ำหนักถึงราวๆครึ่งปอนด์เลยทีเดียว ฟ่างหยุนไม่แน่ใจว่ารสชาติของกบลายเสือนั้นจะเป็นอย่างไร เขากินกบตัวเล็กๆไปหลายตัวรวมถึงกบดำลายจุด แต่เขายังไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติของกบตัวใหญ่ๆ แบบกบดำลายเสือนี้เลย กบชนิดนี้มีความคล่องแคล่วเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด พวกมันกระโดดเร็ว มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะล่ากบลายเสือมากินเป็นอาหาร

 

            เวลานั้นเอง ก็มีกบดำลายจุดตัวหนึ่ง กระโดดมาตรงทางข้างหน้าของฟ่างหยุน เจ้ากบตัวนี้คงเป็นกบโชคร้ายแน่ๆ เพราะมันมองไม่เห็นว่ามีงู นั่นก็คือฟ่างหยุนกำลังนอนนิ่งอยู่บริเวณด้านหน้าของมัน และพอเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งกระโดดเข้ามาไกล้ และไกล้กว่าเดิมอีก จนตอนนี้มันมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฟ่างหยุนนั่นเอง

            ฟ่างหยุนไม่ปล่อยให้ลาบถ้วยนี้คว่ำไปได้อย่างแน่นอน เขาจึงพุ่งเข้าไปหากบดำลายจุดอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งเขี้ยวอันแหลมคมของเขาฝังลงไปที่ลำตัวของเจ้ากบ พร้อมกับค่อยๆ กลืนลำตัวของมันลงสู่ท้องของเขาอย่างมืออาชีพ

 

รีวิวผู้อ่าน