ตอนที่ 10: ไฟป่า
เมื่อฟ่างหยุนเงยหน้ามองไปฝั่งตรงข้าม ทันใดนั้นมันก็ทำให้เขาเห็นการปรากฏตัวขึ้นของหนูตัวใหญ่ ขนาดตัวของมันมองจากภายนอกแล้วมีความยาวถึง 5 นิ้วหรือประมาณ 12 เซนติเมตร และเวลานั้นสายตาของทั้งคู่ก็หันเข้าหากัน
“ ตรวจพบเป้าหมาย ”
หนูพุก
ประเภท: สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หรือสัตว์ในตระกูลหนู
สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพได้ 15 หน่วย
เมื่อเห็นว่าฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเองนั้นเป็นหนูพุกตัวโตแล้ว มันก็ทำให้ตาของฟ่างหยุนนั้นเป็นประกายขึ้นมาทันทีเพราะไม่ต้องเดาก็สามารถทำให้รับรู้ได้ว่าเจ้าหนูพุกตัวนี้ต้องเป็นแม่ของเจ้าหนูน้อย 4 ตัวที่ฟ่างหยุนเพิ่งจะกินมาเป็นอย่างแน่นอน
“ โอ้วว! หลังจากที่เราเพิ่งจะเลื้อยออกมาจากโพรงไม้นั่น ก็ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอกับแม่ของเจ้าหนูน้อยทั้ง 4 ตัวนั้น ”
“ กวี้กกก! ” อยู่ๆเจ้าหนูพุกฝั่งตรงข้ามกับฟ่างหยุนนั้นก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมา ราวกับว่าได้กลิ่นอะไรผิดปกติบางอย่างจากตัวของฟ่างหยุน ณ เวลานี้ ดวงตาสีดำของมันก็หรี่ลงพร้อมกับจ้องไปที่หน้าของฟ่างหยุนอย่างร้อนรนราวกับว่าความเกลียดชังในใจที่มีต่อฟ่างหยุนนั้นได้เอ่อล้นออกมาเต็มที่โดยสังเกตได้จากแววตาของมัน
เมื่อสายตาของแม่หนูพุกนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับความเย็นชาในใจของฟ่างหยุนได้ เพราะตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย กฎของป่ามันก็เป็นเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแรงกว่าย่อมอยู่รอด ฟ่างหยุนแลบลิ้นเข้าออกจากปากของเขาเป็นระยะพร้อมกับคลานมุ่งตรงเข้าไปหาแม่หนูพุกทันที
โดยปกติแล้วถ้าหากว่าสัตว์จำพวกหนูตัดสินใจที่จะหนีการล่าจากงูโดยการวิ่งหนีแล้ว ส่วนใหญ่งูจะไม่สามารถจับพวกมันเป็นอาหารได้ แต่ในสถานการณ์ตอนนี้กลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง เพราะแม่หนูพุกนั้นต้องการจะแก้แค้นให้ลูกน้อยของเธอทั้ง 4 ตัวที่ถูกฟ่างหยุนนั้นฆ่ากินเป็นอาหาร แม่หนูพุกเลือกที่จะสู้ตายดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ฟ่างหยุนนั้นก็ไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด เขาซ้ำคิดว่า “ น่าจะเป็นการดีที่จะให้แม่หนูพุกได้พบกับลูกๆ ของเธอในท้องเราซะ ”
“ กวี้กกกกก ! ”
เมื่อเห็นว่าฟ่างหยุนนั้นเลื้อยตรงเข้ามาหาตัวเอง แม่หนูพุกก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว จึงทำให้ร่างกายของมันนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายทั้งใจเพราะปกติแล้วหนูจะมีสันชาตญาณความกลัวต่อสัตว์ประเภทงู โดยสิ่งนี้แล้วมันจึงทำให้เธออยากจะหนีขึ้นมา แต่ถึงตอนนี้แล้วความเกลียดชังเข้าครอบงำแม่หนูพุกอย่างเต็มที่สำหรับฆาตกรที่ฆ่าลูกน้อยของมันอย่างเลือดเย็น มันไม่ลังเลที่จะยอมตายในศึกครั้งนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับฟ่างหยุน
สำหรับฝั่งของฟ่างหยุนนั้นตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะเลื้อยไกล้เข้ามาถึงตัวของแม่หนูพุกแล้ว เรียกได้ว่าทั้งสองนั้นอยู่ในระยะที่พร้อมจะจู่โจมหวังผลทั้งคู่ ราวๆครึ่งเมตรทันใดนั้นเองฟ่างหยุนก็ทำการเกร็งกล้ามเนื้อของตัวเองเพื่อที่จะเตรียมพร้อมจู่โจม เพียงอึดใจเดียวนั้นเอง ร่างของฟ่างหยุนก็พุ่งตรงเข้ามาหาแม่หนูพุกราวกับลูกธนูหลุดออกมาจากคันศร เขี้ยวอันแหลมคมคู่นั้น ต้องการที่จะกัดบริเวณลำคอของแม่หนู เมื่อเขาเปิดฉากเข้ามาดังนั้นแล้ว มันก็ทำให้แม่หนูพุกตื่นตัว มันสามารถกระโดดไปด้านหลัง หลบการโจมตีครั้งแรกของฟ่างหยุนได้ แต่นั่นมันก็ไม่ทำให้เรื่องจบเพียงเท่านั้น เพราะระยะห่างของการตกกระทบของลำตัวแม่หนูพุกนั้นไม่ได้ไกลอย่างที่คิด มันตกลงมาไกล้ๆกับลำตัวของฟ่างหยุน ตอนนั้นเองฟ่างหยุนก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ ฮึ ! เจ้าไม่โชคดีเสมอไปหรอก ”
เขาไม่รอช้าและใช้โอกาสนี้โจมทีครั้งที่สอง โดยที่เขานั้นเล็งเป้าหมายเดิมคือบริเวณลำคอของแม่หนูพุก
“ กวิ้กกกกก ! ” ครั้งนี้เป็นผลสำเร็จ เสียงกรีดร้องของแม่หนูพุกดังขึ้นด้วยความเจ็บปวดอย่างทุรนทุราย ฟ่างหยุนงับเข้าเต็มลำคอของแม่หนู เขาไม่ต้องขยับตัวไปไหนเพียงแค่ใช้ลำตัวของเขานั้นพันรอบแม่หนูพุกพร้อมกับส่งแรงรัดเข้าเต็มๆ เขากำลังทดลองฝึกวิชารัดแบบงูเหลือมงูหลามบนลำตัวของแม่หนูพุกนั่นเอง
“ กวิ้กกกกก ! ” เสียงกรีดร้องที่ดังชัดมาจากสายตาอันเกลียดชังพร้อมกับความกลัวจากตัวแม่หนูพุก ใจของมันนั้นต้องสลายลงพร้อมกับร่างกายที่กำลังถูกบีบรัดจนรู้สึกได้ถึงเสียงกระดูกแตกนั้นมันช่างน่าหดหู่เสียจริง ตอนนั้นแม่หนูพุกพยายามที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายของเธอดิ้นอย่างสุดความสามารถ ขาหลังของมันสามารถแตะพื้นดินได้มันยิ่งทำให้เธอนั้นต้องตะกุยตะกายแรงกว่านี้ขึ้นไปอีก เพื่อที่จะหนีจากการถูกรัดเช่นนี้
เมื่อแม่หนูพุกออกแรงดิ้นขึ้นมา มันก็ทำให้ฟ่างหยุนนั้นไม่สามารถที่จะฆ่ามันให้ตายได้ที่สำคัญไปกว่านั้นตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกชาขึ้นมาที่ฟันของเขาราวกับว่ามันหลุดขาดไปจากปาก เขาจึงรู้สึกอดไม่ได้ที่จะรำคาญตัวเขาเองขึ้นมา การต่อสู้ครั้งนี้ช่างดุเดือดเสียจริง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คลายแรงกดทับที่ฟันของเขา ฟ่างหยุนยิ่งพยายามขึ้นไปอีก เขาส่งแรงไปทั่วร่างกายเพื่อที่จะรัดแม่หนูให้แน่นขึ้น
สามนาทีต่อมา การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างฟ่างหยุนกับแม่หนูพุกก็ต้องถึงตอนจบเพราะตอนนี้พลังของแม่หนูพุกเริ่มที่จะถดถอย จนมันไม่สามารถขยับตัวสู้ได้อีกต่อไป ถึงตอนนี้แล้วฟ่างหยุนก็ไม่รอช้า เขาคว้าโอกาสนี้รัดร่างของมันให้แน่นขึ้นไปกว่าเดิมอีกโดยเปลี่ยนไปรัดที่บริเวณลำคอของแม่หนูพุกนั่นเอง
“ แอ่กกกกก ! ” เสียงแม่หนูพุกกรีดร้องออกมาเบาๆในลำคอ มันพยายามที่จะดิ้นขัดขืนอีกครั้ง แต่มันก็คงสายเกินไปแล้ว เพราะตอนนี้ร่างกายของฟ่างหยุนได้เลื้อยรัดตามร่างกายและลำคอของเธอเป็นที่เรียบร้อย ในไม่ช้าแม่หนูพุกก็นิ่งเงียบไปโดยไม่มีสัญญาณใดๆ ว่ามันยังมีชีวิตอยู่ แสดงออกมา
เพราะงูเหลือม งูหลามนั้น จะสามารถรับรู้การเต้นของหัวใจเหยื่อได้ในขณะพวกมันใช้ลำตัวของตัวเองรัดไปที่เหยื่อ จึงทำให้เหยื่อส่วนมากนั้นต้องจบชีวิตลง และไม่มีการบันทึกไหนที่บอกว่ามีเหยื่อนั้นแกล้งตายจากการถูกรัดจากงูเหลือม งูหลาม และพองูพวกนี้คิดว่ามันตายจริงๆ จึงคลายรัดก่อนจะกิน และเหยื่อที่แกล้งตายใช้จังหวะเวลานี้หนีพวกมันไป
ในขณะนี้ภายใต้การรับรู้ของทักษะที่ฟ่างหยุนมีนั้น มันทำให้เขารับรู้ว่าแม่หนูพุกตัวนี้ ตายไปแล้วจริงๆ จากนั้นเขาก็เริ่มคลายรัดที่ลำตัวพร้อมอ้าปากเขมือบร่างของแม่หนูพุกบริเวณหัวของมันจนไปถึงสุดลำตัวของส่วนหาง
ท้องที่กำลังว่างด้วยความหิวของเขากลับมาโป่งพองด้วยร่างของแม่หนูพุกอีกครั้ง มันจึงทำให้เขารู้ตัวเองได้ทันทีว่าเขาไม่พร้อมที่จะล่าสัตว์อื่นอีกต่อไป เขาเริ่มสำรวจทิศทางอีกครั้งด้วยการตรวจจับการเคลื่อนไหวจากนั้นเขาก็เริ่มที่จะออกเลื้อยกลับไปรังของเขา
สิบนาทีต่อมาฟ่างหยุนก็มาถึงที่รังนอนอันแสนสุขของเขาได้สำเร็จ วันนี้การออกล่าของเขาเป็นไปได้ดีอย่างที่เขาคาคหวังเอาไว้มาก อีกทั้งเขายังได้รับการวิวัฒนาการมาถึงขั้นที่ 3 ได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเขาก็ยังต้องพลังงานชีวภาพอีกมากมายถึงจะสามารถเพิ่มระดับวิวัฒนาการจนถึงขั้นต่อไปได้สำเร็จ
ตอนนี้พลังชีวภาพบนแถวคุณสมบัติของเขานั้นหลังจากที่ย่อยแม่หนูพุกได้สำเร็จ มันก็เพิ่มขึ้นมาถึง 22 หน่วยถ้าหากเขาสามารถจับเหยื่อกินแบบนี้ได้ทุกวันแล้วละก็ มันจะต้องเข้าสู่ขั้นวิวัฒนาการขั้นต่อไปได้อย่างรวดเร็วแน่ๆ
“ ปัง! ” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมา บริเวณด้านนอกของรังที่ฟ่างหยุนนั้นอาศัยอยู่ มันจึงทำให้เขานั้นรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“ หรือว่านี่มันจะเป็นเสียงฟ้าผ่า ? ” ฟ่างหยุนคิดในใจอย่างสงสัย
หลังจากที่เสียงฟ้าผ่าในครั้งแรกนั้นสิ้นสุดลง สายฟ้าครั้งต่อมาก็เริ่มดังขึ้นบนฟ้าเป็นระยะ ๆ แม้ว่าตัวของฟ่างหยุนนั้นจะกำลังอาศัยอยู่ในรัง แต่เขาก็ได้ยินเสียงของพวกนกที่ตื่นตระหนกพร้อมกับเขาพุ่งตัวหนีเข้ามาในรังของเขา เขาจึงขดตัวอย่างสุขสบาย เพราะการที่เขาได้อยู่ภายในรังแบบนี้แล้วนั่นมันช่างเป็นอะไรที่ปลอดภัยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นอกจากนี้แล้วเขาเองก็ไม่ได้กลัวฝนอยู่เป็นทุนเดิม รังของฟ่างหยุนนั้นอยู่สูงจากพื้นดินล้อมรอบไปด้วยหินผา ซึ่งปิดตรงกับทางเข้ารังของเขาราวกับว่าเป็นหลังคาจากธรรมชาติ จึงทำให้เขานั้นไม่ต้องคอยกังวลว่าน้ำฝนจะไหลซึมเข้ามาในรัง ทำให้เวลานี้ฟ่างหยุน นอนอย่างกับพระราชากำลังบรรทมอยู่ในห้องนอนของตัวเอง
แต่ด้วยความที่เขานั้นเผลอหลับลงไป จึงทำให้เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขานั้นหลับไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นเองเขาก็ต้องตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ เพราะจู่ๆรังของเขาในตอนนี้มีกลิ่นแปลกๆลอยเข้ามา ซึ่งกลิ่นพวกนี้เหม็นราวกับว่ามันคือกลิ่นควันจากไฟ
อยู่ๆในหัวสมองของเขาที่กำลังตื่นเต้นตกใจนั้นกลับโล่งขึ้นมาในทันที ร่างกายของเขาเองนั้นเริ่มมีแสงกระพริบ ในเวลาถัดมาเขาก็ได้เลื้อยออกมายังทางเข้ารัง เขาจึงมองรอบๆ และสิ่งที่ปรากฏอยู่ทางด้านซ้ายนั่นก็คือไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ
“ เฮ้อ ! ” แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลขนาดนั้น ฟ่างหยุนก็สามารถได้ยินเสียงการแตกตัวของเถ้าถ่านในกองไฟนั่น กลิ่นที่เขาสามารถสัมผัสได้ในรังนั้นต้องมาจากที่นี่อย่างแน่นอน
“ ไฟป่างั้นรึ ? ” ความคิดของฟ่างหยุนนั้นคิดว่ามันต้องเป็นไฟป่าอย่างแน่นอน ซึ่งอยู่ๆ เขาก็คิดออกมาว่าไฟป่านี้อาจจะเกิดจากกระแสฟ้าเผื่อเมื่อสักครู่นี้แน่ๆ
เมื่อแลบลิ้นเข้าออกบริเวณปากของฟ่างหยุนที่ตอนนี้กำลังแห้งแล้ว เขาก็รับรู้ได้ว่าไฟป่านั้นอยู่ห่างจากเขาประมาณห้าร้อยเมตร และอีกไม่นานมันจะต้องไหม้ลามมาถึงบริเวณที่ฟ่างหยุนกำลังอยู่นี้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะหลบไฟในรังของเขาได้ แต่ในที่สุดแล้ว ควันไฟก็จะเป็นสิ่งที่ฆ่าเขาอยู่ดี
ฟ่างหยุนจึงหันหลังกลับและเลื้อยออกไปจากรังโดยไม่ลังเล เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเลื้อยหนีไปก่อนที่ไฟจะมาถึง เพราะจากที่ไฟป่าในครั้งนี้เกิดขึ้นมาแล้ว รังที่เขากำลังอยู่นั้นก็ต้องถูกไหม้ไปด้วยกันแน่ๆ เขาจึงต้องจำยอมสละรังอันแสนสุขพร้อมกับเลื้อยจากไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ
หลังจากที่ไฟป่านั้นมอดลง ทุกหนทุกห่าง และภูเขาแห่งนี้คงเป็นภูเขาหัวโล้นแน่ๆ อย่างนี้แล้วคงไม่มีสัตว์ชนิดไหนกล้ากลับมาอยู่อีกแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนี้ฟ่างหยุนจะหาเหยื่อกินได้อย่างไร ?
หลังจากอยู่ที่นี่มาสักพักฟ่างหยุนนั้นรู้สึกผูกพันกับรังนี้มากมันจึงทำให้เขานั้นไม่ค่อยจะเต็มใจหนีไปสักเท่าไร เพราะแน่นอนว่ารังอันแสนสุขนี้เป็นรังมดเก่าจึงทำให้มันมีความพิเศษในตัว และหากต้องหาที่ใหม่อยู่จริงๆ ฟ่างหยุนก็ไม่แน่ใจว่าจะมีที่ไหนเหมือนที่นี่ได้อีก ที่สำคัญไปกว่านั้น ที่รังนั่นเป็นที่แรกที่ฟ่างหยุนข้ามจักรวาลมายังโลกนี้ มันจึงทำให้ภายในใจของเขานั้นอาลัยอาวรณ์ เป็นอย่างมาก
ในขณะที่กำลังคิดถึงอนาคตอยู่นั้น ฟ่างหยุนก็ได้มองเห็นสัตว์ป่าหลายชนิด พวกมันกำลังวิ่งแตกตื่นหนีตายไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ไก่ฟ้า,กิ้งก่า,นก และสัตว์อื่นๆ นอกจากนี้แล้วเขายังเจอคู่ปรับเก่าอย่างเจ้าแมวป่าที่เพิ่งจะบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กันในช่วงบ่ายที่ผ่านมา
ในตอนนั้นเองเจ้าแมวป่าตัวเดิมก็เดินกะเผลกๆ พยายามที่จะหนีตามสัตว์ตัวอื่นๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย ฟ่างหยุนก็ได้สังเกตุเห็นว่าตาซ้ายของมันตอนนี้น่าจะบอดสนิทจากพิษที่เข่าพ่นใส่แล้วอย่างแน่นอน
ภายใต้การหนีตายของฝูงสัตว์ป่าอย่างบ้าคลั่งในตอนนี้ ทำให้สัตว์จำพวกที่กำลังบาดอยู่อย่างเช่น แมวป่า รวมไปถึงสัตว์ที่เคลื่อนตัวเองได้ช้านั้นค่อยๆ หยุดและล้มลง
ในไม่ช้าพวกมันก็จะต้องถูกเปลวไฟกองนี้กลืนกินไปทั้งหมดอย่างแน่นอน