ตอนที่ 11: การค้นพบครั้งใหม่
ตอนนี้กลุ่มของสัตว์ป่าที่กำลังหนีตายนั้นขยายเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นมาก รวมไปถึงสัตว์บางชนิดที่ฟ่างหยุนนั้นก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น เม่น,จิ้งหรีดและหมูป่า
นอกจากสัตว์เหล่านั้นแล้วยังมีอยู่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฟ่างหยุนนั้นต้องกลัวจนขนลุกขนพอง สัตว์ที่ว่านั้นก็คือพังพอน
พังพอนเป็นหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของงู ร่างกายของพวกมันนั้นคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างมาก และโดยหลักการแล้วงูนั้นเป็นอาหารจานเด็ดของพวกมัน บางครั้งพวกมันจะฆ่างูเพื่อเล่นสนุก ในระหว่างที่พวกมันกำลังออกหาอาหาร
โชคดีที่ในเวลานี้นั้นสัตว์ทุกตัวต่างต้องพากันหนีเอาตัวรอดจากไฟป่า และการที่ฟ่างหยุนนั้นปรากฏขึ้นในสายตาของพวกพังพอนแล้ว มันก็ไม่ได้ใส่ใจฟ่างหยุนเท่าใดนัก
“ ทำไมฝนถึงยังไม่ตกอีกนะ ? ” เมื่อมองขึ้นไปที่ท้องฟ้ายามนี้แล้วก็เห็นแต่ความมืดมน ไม่มีท่าทีจะปรากฏเสียงฟ้าร้องหรือเม็ดฝนแต่อย่างใด แต่รอบๆกลับมีลมพัดผ่านป่า มันทำให้ต้นไม้รอบๆ นั้นสั่นไหวไปด้วยแรงลม
แต่ด้วยแรงลมเบาๆ เพียงเท่านี้ไม่สามารถที่จะดับไฟป่าได้นอกจากนั้นยังเป็นการเป่าให้ไฟนั้นลุกลามไปด้านหลังรวดเร็วขึ้นไปอีก
ฟ่างหยุนตอนนั้นต้องทนกัดฟันเลื้อยให้เร็วขึ้นไปอีก กล้ามเนื้อของเขาเริ่มมีความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา เขาไม่รู้เลยว่าเขานั้นจะสามารถทนรับความเจ็บปวดไปอีกนานแค่ไหน
เมื่อเห็นบรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยจำนวนมากแล้ว พวกมันเริ่มเคลื่อนที่ช้าลง และคล้อยตามหลังกลุ่มไปในที่สุด ฟ่างหยุนในตอนนั้นก็พยายามมองหาเจ้าแมวป่าแต่ก็ไม่เห็นตัวมันเช่นกัน หลังจากที่พยายามหนีเอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่งไปราวๆหนึ่งชั่วโมง ฟ่างหยุนก็รู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นมีแผลเปิด ตามบริเวณลำตัว แต่เขานั้นก็ต้องแปลกใจเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเลื้อยหนีอย่างไม่คิดชีวิตขนาดนี้
ไม่นานนักฝนก็เริ่มที่จะโปรยปรายลงมา มันเหมือนกับว่าสวรรค์นั้นต้องการที่จะเพิ่มพลังให้สัตว์ที่กำลังหนีตายเหล่านี้ ฟ่างหยุนนั้นหลังจากได้ดื่มน้ำฝนที่ตกลงมาแล้ว ร่างกายที่อ่อนล้ากลับมามีพลังอีกครั้ง เสียงของฝนที่หล่นลงพื้นเหมือนกับบทเพลงที่ไพเราะเป็นอย่างมากมันไพเราะเหมือนกับโอเปร่าที่เพราะที่สุดในโลกก็ว่าได้
“ สงสัยคงต้องพักสักหน่อยแล้วสิ ” ฟ่างหยุนตอนนี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เขาพยายามมองหาตำแหน่งที่สามารถซ่อนตัวจากศัตรูภายนอกได้ จากนั้นเขาจึงหันกลับไปมองด้านหลัง เมื่อสักครู่ฟ่างหยุนเห็นความแตกตื่นจากไฟป่ากองใหญ่ที่กำลังโหมกระหน่ำแต่แล้วพอฝนตกลงมามันก็ลดขนาดของไฟพวกนั้นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง เขารู้ว่าไฟป่าในตอนนี้ไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้อีกต่อไป และเขายังสังเกตุเห็นได้อีกว่ากลุ่มสัตว์กลุ่มใหญ่ที่หนีตายในตอนแรก ตอนนี้พวกมันกระจายกลุ่มออกจากกันไปรอบๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สัตว์จำพวกนักล่าก็ไม่ได้ฆ่าสัตว์ที่อ่อนแอกว่าในตอนนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าพวกมันนั้นได้ย้ายมาสู่ถิ่นฐานแห่งใหม่ จึงทำให้พวกมันต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแห่งนี้
เมื่อมองไปเห็นเหล่าบรรดาพังพอนและผองเพื่อนกำลังเดินจากไป ฟ่างหยุนก็อดไม่ได้ที่จะมองตามหลังของพวกมันอย่างสุดลูกหูลูกตา จากนั้นเขาก็ต้องรออย่างเงียบๆ เพี่อให้พลังทางกายภาพของเขาได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่นั่นเอง
เวลาผ่านไปสิบนาที ฟ่างหยุนมีความรู้สึกว่าพลังทางกายภาพของเขานั้นได้ฟื้นตัวคืนกลับมาเล็กน้อยแล้ว และเมื่อฟื้นพลังทางกายภาพมาได้พอสมควรแล้วเขาจึงเริ่มที่จะเลื้อยออกไปตามหา สถานที่ที่พอจะเป็นรังนอนให้เขาได้ แต่ทันใดนั้นเอง !
“ ท่านฟ่างหยุน ได้รับคะแนนชีวภาพ 15 หน่วย ” เสียงของระบบดังขึ้นมาในใจของฟ่างหยุน มันทำให้เขานั้นเข้าใจในทันทีว่านี่คือสิ่งที่เขาได้รับจากการย่อยแม่ของหนูพุกที่เขาพึ่งจะกินมันก่อนหน้านี้นั่นเอง
ฟ่างหยุนอดไม่ได้ที่จะดีใจและพูดตอบกลับระบบขึ้นมาในใจของเขาทันทีว่า “ ช่วยแสดงข้อมูลของข้าที ”
รายการคุณสมบัติของท่านฟ่างหยุน
ระดับ: 4
พลังงานชีวภาพ: 22/90
คะแนนทักษะ: 0
ความยาวลำตัว: 60 เซนติเมตร
เส้นผ่าศูนย์กลาง: 2 เซนติเมตร
อำนาจ: 1.0
พลังป้องกัน: 0.5
ความเร็ว: 1.2
ความคล่องตัว: 1.5
วิญญาณ: 2.5
ความแข็งแกร่งทางกายภาพ: 2.1
ทักษะ: พิษมรณะ 2/5
ค่าชื่อเสียง: 0/10000000
“ พลังทางชีวภาพของเรานั้นมีตั้ง 22 หน่วยแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะสะสมพลังชีวภาพให้ครบถึง 90 หน่วย ” ฟ่างหยุนคิดอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อมองดูคุณสมบัติอื่น ๆ ของเขาแล้วเขาก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้
“ เกิดอะไรขึ้น ? ข้าจำได้ว่าค่าความแข็งแกร่งทางกายภาพนั้นมีแค่ 2 แต่ทำไมตอนนี้มันกลับเป็น 2.1 ได้ล่ะ ? ” เขาจำได้แม่นว่าคุณสมบัติของตัวเขาก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร เพราะทุกครั้งที่มีการอัพเดตคุณสมบัติส่วนตัวของเขา เขาจะจดจำไว้ในใจเสมอ
ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ เขามั่นใจได้แน่นอนว่าค่าพลังทางกายภาพ นั้นเปลี่ยนไปจากเดิม แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้มันเปลี่ยนไป ?
ในขณะที่กำลังนึกถึงเหตุผลนั้นอยู่ ก็มีแสงวูบวาบเกินขึ้นมาตรงหน้าของเขาทันที แสงนั้นมันเกิดขึ้นมาพร้อมกับข้อความที่เป็นคำตอบของคำถามที่ยังคาใจเขา คำตอบนั้นก็คือ การเคลื่อนที่อย่างเต็มกำลังเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้นั่นเอง ที่มันทำให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขา เพิ่มขึ้นมา
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไรฟ่างหยุนนั้นก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกเท่านั้น แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้แล้วเขาก็ยังต้องตรวจสอบการคาดเดานี้ โดยการที่เขานั้นจะเลื้อยด้วยความเร็วอย่างเต็มที่ไปข้างหน้าสักพัก เพื่อที่จะเห็นว่าผลนั้นเป็นตามที่เขาคิดไว้หรือไม่
ตอนนี้เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่ในหัววนไปวนมา เพราะตอนที่ยังเป็นมนุษย์อยู่นั้นเขาก็ได้เรียนรู้มาว่ามนุษย์เองสามาถเพิ่มสมรรภาพทางร่างกายได้ด้วยการฝึก เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาคิดว่างูก็สามารถฝึกได้โดยวิธีทางธรรมชาติเช่นกัน
สุดท้ายเมื่อคิดแบบนี้ออกแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา ทำไมกันทำไมฟ่างหยุนถึงคิดเรื่องแบบนี้ไม่ออกตอนนี้เขาแค่ต้องใช้เวลารอ รอจนกว่าร่างกายนั้นจะฟื้นฟูอย่างเต็มที่เพื่อให้มีความพร้อมมากที่สุด จากนั้นเขาจึงจะสามารถพัฒนาตัวเองโดยการวางโปรแกรมในการที่จะฝึกฝน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นอสรพิษร้ายในอนาคตให้ได้
“ เฮ้อออ ” เขาอุทานออกมา
ขณะนี้แล้วฝนก็ยังโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย จำนวณปริมาณของพวกมันมีมากขึ้น จนทำให้เสียงที่ตกกระทบลงมาบนใบไม้และดอกไม้นั้นก้องกังวาลขึ้นไปอีก จนทำให้ฟ่างหยุนที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ที่มีแต่จินตนาการถึงอนาคตได้กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อเขาระลึกได้ดังนี้แล้วเขาจึงต้องหาที่หลบฝน
ฟ่างหยุนนั้นเลื้อยต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้งท่ามกลายสายฝนที่ตกลงมากระทบกับเกล็ดของเขา ดวงตาของเขานั้นสอดส่องไปรอบๆ เพื่อค้นหาสถานที่ที่เขาสามารถหลบซ่อนตัวได้
ป่าดงพงไพรในเวลากลางคืนนั้นจะมืดเป็นพิเศษ ทำให้ระยะที่สามารถมองเห็นได้ถนัดนั้นลดลงเหลือไม่ถึงเมตรเสียด้วยซ้ำ และด้วยฝนที่กระหน่ำลงมาเช่นนี้แล้วทำให้กลิ่นของสิ่งมีชีวิตในป่านี้เจือจางลงไปตามปริมาณด้วย
ความตั้งใจที่ต้องการจะหารังหนูของเขาก็ต้องถูกทำลายลง “ โอ้ ! มีต้นไม้ใหญ่อยู่ด้านหน้านี้เอง ดูแล้วมันคงจะเหมาะแก่การหลบฝน ”
ทันทีที่ฟ่างหยุนมองเห็นเงาดำอันมหึมาอยู่ตรงหน้าซึ่งมันดูเหมือนต้นไม้ขนาดใหญ่ มันก็ทำให้เขาต้องตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เขาเลื้อยพุ่งเข้าไปหามันอย่างรวดเร็ว ในที่สุดฟ่างหยุนก็เลื้อยเข้าไปใต้ต้นไม้ยักษ์นี้จนสำเร็จ มันทำให้เขารู้สึกว่าฝนด้านบนหัวของเขานั้นกลายเป็นปัญหาเล็กไปเสียแล้ว และเมื่อทันทีที่เขามองขึ้นไปบนต้นไม้นั้นเขาก็อดที่จะทึ่งไม่ได้
แม้ว่าภาพข้างหน้าเขานั้นจะเลือนรางจนไม่สามารถพูดออกมาอย่างชัดเจนได้ว่ามันใหญ่ขนาดไหน แต่ในความคิดเขานั้นต้นไม้นี่มันต้องใหญ่เป็นอย่างมากแน่นอน
เขาค่อยๆ เลื้อยขึ้นไปบนลำต้นอย่างช้าๆ พร้อมกับวางแผนที่จะมองหากิ่งไม้สักกิ่งที่สามารถทำให้เขานอนหลับอย่างสบายใจได้ในคืนนี้ แต่เมื่อฟ่างหยุนคลานไปถึงกลางลำต้นแล้วเขาก็ต้องตกตะลึงไปเล็กน้อยเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นก็คือโพรงไม้
“ นี่มัน... ” ฟ่างหยุนไม่รอช้า เขาแลบลิ้นเข้าออกเป็นระยะเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ข้างในโพรง และแล้วเขาก็ได้พบกับคำตอบ “ ที่แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะมีเจ้าของอาศัยอยู่ แต่ไม่ว่ายังไงก็ช่าง เราจะเข้าไปอาศัยมันในคืนนี้ ”
ฟ่างหยุนค่อยๆเลื้อย เข้าไปข้างในโพรง ยิ่งเลื้อยลงไปลึกเท่าไรมันก็ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจขึ้นเท่านั้น เพราะพื้นที่ที่อยู่ภายในนี้ไม่ใช่โพรงขนาดเล็กเลย มันใหญ่และกว้างเกินกว่าที่ตัวเขาจะอยู่ได้อีกหลายสิบตัว เขารู้สึกว่าเขามีความยาวที่ลำตัวถึงสองเมตร แต่โพรงนี้ยังคงสามารถบรรจุความยาวได้มากกว่าตัวเขาเสียอีก
“แฟล่บบบ ! ” ทันทีที่ร่างของฟ่างหยุนเกิดลื่นไถล ลงไปด้านล่างของก้นโพรงต้นไม้นี้ มันจึงทำให้เกิดเสียงเบาๆขึ้นมา มันถึงกับทำให้เขานั้นต้องตกตะลึง เพราะตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงสัตว์บางชนิดที่มีขนยาวอยู่ด้านล่างของตัวเขา
ในขณะนี้เขายิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า เพราะสิ่งมีชีวิตที่มีขนยาวใต้ลำตัวเขานั้น มันลุกขึ้นยืนตรงพร้อมกับส่งร่างกายของฟ่างหยุนนั้นตกลงไปด้านข้างของมัน
ซึ่งหลังจากนั้นเอง ฟ่างหยุนก็ได้ยินเสียงดัง “ กวิ้กกกกก ! ” ด้วยความตื่นตระหนกอย่างเต็มที่ หลังจากนั้นบางตัวมันก็ส่งเสียงร้องออกมาอีก “ กวิ้กกกกก ! ” พร้อมกับร่างเงาสีดำ ที่พุ่งตรงเข้าไปยังทางออกของโพรงไม้นี้