
1563 วันที่แล้ว
พิลึกโคตรๆ ใช้คำว่าพวกเจ้า สะงั้นนี้มันยุคไหนแล้ว ต้องเรียกพวกเธอ สิ
ตอนที่ 16: นักถ่ายทอดสดคนสวย
“ เร็วเข้าเสี่ยวหนิง ! ต้นสนมหึมาอยู่ตรงหน้านั่นแหน่ะ ! ”
“ น้องเว่ย มาเร็วรีบเข้าไปถ่ายรูปกัน ”
“ ซ่งหรันก็อีกคน รีบหน่อยมัวชักช้าอยู่แบบนี้เดี๋ยวก็ถูกทิ้งไว้นี่หรอก ”
เมื่อมองเห็นเด็กน้อยเหล่านี้วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานร่าเริงอยู่ตรงหน้าเหมือนกับกระต่ายได้อาหาร จางเหว่ยและเมิ่งหนิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาในบรรดาของคนกลุ่มนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่แข็งแรงมากที่สุดจะเป็นคนที่มีบุลคลิกอ่อนแอและเปราะบางอย่างเฉินเหมิง ที่สำคัญนั้นเขายังเป็นนักถ่ายภาพธรรมชาติตัวยงที่ชื่นชอบการเข้าป่าเป็นประจำเพื่อเก็บภาพชีวิตในป่าบ่อยครั้ง ส่วนคนอื่นๆนั้นก็เป็นเพียงชาวชนบทขนานแท้ที่เรียกได้ว่าเกิดและโตมากับป่าเลยก็ว่าได้ แต่พอมาถึงการสำรวจป่าบนภูเขาในครั้งนี้ ทุกๆคนต่างหมดเรี่ยวแรงอ่อนล้า ยกเว้นแค่เฉินเหมิงเท่านั้นที่ยังคงสามารถเดินต่อไปได้เรื่อยๆเพียงคนเดียว
“ เสี่ยวเหมิง รอพวกเราด้วย ” เสียงของบางคนในกลุ่มเอ่ยขึ้นมาในระหว่างที่เสี่ยวเหมิงเดินนำหน้าพวกเขา
“ ระวังตัวกันด้วยนะ อย่าวิ่งเร็วเกินไปเดี๋ยวอาจจะหกล้มกันได้ อ้อและที่สำคัญระวังงูด้วยในป่าแบบนี้ ”
“ตอนนี้ฉันหมดแรงแล้ว น้องเว่ย เสี่ยวหนิง เสี่ยวเหมิง นำไปก่อนเลยก็ได้ ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันไม่น่าจะตามไปจนถึงยอดเขาได้”
คำพูดนี้ดังออกมาจากท้ายสุดของแถว ซ่งหรันผู้ซึ่งเดินตามท้ายมาตลอด เธอนั้นได้เอ่ยขึ้นมาอย่างขมขื่น เพราะเมื่อสองสามวันก่อนนั้นได้มีการปรึกษากันว่าจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนกันดีในช่วงวันหยุด และซ่งหรันเองนั้นก็ยืนกรานปฏิเสธตลอดว่าไม่อยากมาเที่ยวป่า แต่คนอื่นๆ นั้นกลับไม่สนใจข้อเสนอของเธอพร้อมกับนิ่งเฉยราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงใดๆ
อันที่จริงป่าบนภูเขาที่พวกเขาเหล่านี้เลือกที่จะมา ไม่ใช่ภูเขาชื่อดังหรือมีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์แต่อย่างใด แต่มันคือป่าบนภูเขาในบ้านเกิดของเมิ่งหนิง ตอนแรกนั้นเมิ่งหนิงได้บอกว่าภูเขานี้มีวิวที่สวยงามมากๆ ถนนหนทางในการมานั้นง่ายดายไม่ลำบาก ที่สำคัญมีสัตว์ป่าตัวเล็กๆเยอะแยะเต็มไปหมด
หลังจากที่พยายามเกลี้ยกล่อมซ่งหรันกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจมาด้วยจากคำบอกเล่าของเมิ่งหนิงที่แต่แล้วพอมาถึงสถานที่จริงๆ เธอก็ต้องเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่ซ่งหรันคิด วิวทิวทัศน์นั้นก็ยังไม่เห็นดี แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจริงตามเมิ่งหนิงบอกก็คือสัตว์ป่าขนาดเล็กมีอยู่จำนวนมาก
ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ เพราะถึงแม้จะมาเสียใจตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะในเมื่อลงเรือลำเดียวกัน ไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน ซ่งหรันทำได้แค่เพียงค่อยๆ เดินตามเพื่อสาวทั้งสามไปต่อเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ
และแล้วคนที่อยู่ข้างหน้าสุดนั่นก็คือเฉินเหมิง เธอได้ออกมาว่า “ พวกเจ้าส่วนมากคงไม่ค่อยได้ออกกำลังกายกันสินะ เพราะว่าเดินแค่นิดเดียวก็หมดแรงกันแล้ว ” หลังจากนั้นเธอก็หันหน้าไปหาคนที่อยู่ท้ายสุดอย่างซ่งหรันพร้อมพูดขึ้นว่า “ ตอนนี้ร่างกายของเธอก็ดูเป็นสัดส่วนสวยงามดีนะ ถ้าหากออกกำลังกายมากกว่านี้อีกจะทำให้มันดูดีขึ้นและแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน” เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ซ่งหรันที่กำลังอ่อนแรงก็กลับมีกำลังใจที่จะเดินต่อไปขึ้นมาอีกครั้ง
“เร็วเข้าใต้ต้นสนอากาศกำลังดี แถมหญ้าบนพื้นก็นุ่มอย่างกับที่นอนแน่ะ”
ขณะที่เฉินเหมิงพูดนั้นเขาก็ได้กระโดดไปมาด้วยความตื่นเต้นราวกับว่าเขาเป็นกระต่ายน้อย ส่วนซ่งหรันเมื่อได้ยินและได้เห็นท่าทีของเฉินเหมิงแล้ว เธอก็ได้กัดฟันพร้อมกับมีแรงฮึดที่จะเดินไปต่อจนถึงต้นสนใหญ่เช่นกัน
“ ซู๊ด ! ” เสียงสูดลมหายใจของทุกๆคนดังขึ้น หลังจากที่เหนื่อยกันมาพักใหญ่แล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนก็ยืนอยู่ไกล้ๆกัน และเมื่อได้เห็นทิวทัศน์ตรงหน้าพวกเขาแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะตรงหน้าของเขานั้นแสดงให้เห็นถึงต้นสนยักษ์ที่ยื่นตระหง่าน เส้นผ่าศูนย์กลางของมันนั้นใหญ่มาราวกับว่าต้องใช้คน 4-5คนมาโอบถึงจะล้อมรอบมันได้ รากของมันแตกแขนงลงไปในพื้นดินอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมองขึ้นไปบนจุดสูงสุดของยอดก็ทำให้เห็นว่ามันขยายกิ่งก้านสาขาแผ่รอบครอบคลุมพื้นที่รวม ๆ 10เมตรเลยทีเดียวทำให้เกิดร่มเงาข้างใต้อย่างสวยงาม
บนพื้นดินนั้นก็ถูกปูไปด้วยหย่อมหญ้าหลากชนิด ที่นี่เป็นพื้นที่ค่อนข้างจะแสนวิเศษเพราะมันนุ่มสบายราวกับว่ากำลังยืนอยู่บนพรมหนาๆ นกทั้งหลายต่างส่งเสียงร้องเป็นเพลงขับกล่อมจากทุกทิศทาง ฝั่งด้านซ้ายของพวกเขานั้นเป็นพื้นที่ลาบลุ่มสลับกับทิวเขาและทุ่งหญ้า โดยแทบจะทุกเวลานั้นจะมีลมหนาวพัดเข้าเข้ามากระทบกับใบหน้าของพวกเขา ทำให้ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าจะการเดินทางมาที่นี่หายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ อ้า ! ในที่สุดก็ถึงสักที ” คำพูดนี้ออกมาจากปากของซ่งหรันอย่างสุขใจ หลังจากที่เธอสูดหายใจลึกๆแล้วเธอก็เริ่มที่จะนอนแผ่หราลงบนพื้นหญ้าอันแสนนุ่มนี้ โดยไม่สงวนท่าทีของหญิงงามเลยแม้แต่น้อย โดยขณะนั้นลมก็พัดมาโดนตัวเธอเป็นระยะๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากจนบางทีถึงกับหลุดปากครางออกมาเบาๆราวกับว่ามีความสุขมากเสียเต็มประดา
“ อ๊า...มันสบายจริงๆเลยนะเนี่ย ” ตอนนี้ข้างๆของเธอนั้นก็คือ จางเว่ยกับเมิ่งหนิง ซึ่งกำลังวางกระเป๋าสัมภาระของพวกเขาลงบนกับพื้น พร้อมกับนั่งลงบนพื้นหญ้าซึ่งในใจของพวกเขาตอนนี้มีความสุขเป็นอย่างมากจากการแสดงออกทางสีหน้า พวกเขานั่งลงเงียบๆรับลมที่พัดมาเป็นระรอกจากภูเขาลูกนั้น
“ เสี่ยวเหมิง ทำไมไม่นั่งลงกับพวกเราล่ะ ? ” เมื่อเห็นว่าเฉินเหมิงกำลังยืนอยู่ ซ่งหรันก็เลยเอ่ยปากชวนให้เขานั้นมานั่งบนพื้นเพื่อรับลมเย็นๆที่พัดมาด้วยกัน แต่ฝ่ายเฉินเหมิงนั้นกลับตอบโต้ด้วยการโบกมือพร้อมกับส่งยิ้มเป็นนัยยะ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ ไม่เป็นไรจ้า เดี๋ยวค่อยพักหลังจากถ่ายทอดสดก็ได้ ” ระหว่างที่เฉินเหมิงพูดนั้นเธอก็ได้เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าพร้อมกับหยิบไม้เซลฟี่ออกมารวมไปถึงโทรศัพท์มือถือของเธอด้วย
เมื่อเห็นว่าเฉินเหมิงยังคงมีเรียวแรงแข็งขันอยู่นั้น มันก็ทำให้จางเว่ย และเมิ่งหนิงนั้นรู้สึกละอายขึ้นมาเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันนั้นเองเฉินเหมิงที่เพิ่งจะควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ตอนนี้เธอได้ตำแหน่งที่เหมาะสมตามที่ต้องการแล้วเธอจึงวางไม้เซลฟี่ลงกับพื้นพร้อมกับเริ่มทำการถ่ายทอดสด
ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะมีคนติดตามค่อนข้างเยอะพอสมควรเพราะเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหลังจากที่เธอเริ่มถ่ายทอดสดนั้น ก็มีคนจำนวนมากกว่าร้อยคนเข้ามาชม และมากกว่านั้นจำนวนของผู้ชมไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือน้อยลง แต่มันกลับเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
“ สวัสดีทุกคนที่เข้ามารับชมการถ่ายทอดสดของฉันนะ คนนี้คือเพื่อนสนิทของฉันเค้ามีชื่อว่า เสี่ยวเหมิง ” เฉินเหมิงกล่าวทักทายสมาชิกที่เข้ามารับชมการถ่ายทอดสดของเธอตามปกติ ตอนนี้เพื่อนๆสมาชิกที่เข้ามานั้นก็ต่างทักทายเธอกลับด้วยเช่นกัน
เฉินเหมิงนั้นเป็นนักศึกษาปีที่ 2 และเป็นสตรีมเมอร์ชื่อดังปานกลาง โดยเธอนั้นผ่านการอบรมมามากมาย รวมไปถึงการได้รับอนุญาตจาก “ เวปซึกิเธค ” ในการถ่ายทอดสด ซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วสำหรับผู้ชม และฝันที่เธอต้องการจะเป็นก็คือการถ่ายทอดสดภาคสนาม จึงทำให้การถ่ายทอดสดในครั้งนี้นั้นเป็นที่ดึงดูดแฟนๆเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบุคลิกของเธอที่ดูอ่อนหวาน และร่าเริงของเธอ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่ใช่คนดังเท่ากับแนวหน้าของยุคอย่างใครหลายๆคน แต่ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาชมการถ่ายทอดสดของเธอถึงเจ็ดหมื่นคน คาดว่าในอนาคตเธอจะต้องเติบโตมากกว่านี้ โดยอาจจะมีแฟนๆหรือผู้ติดตามถึงหนึ่งแสนคนในอนาคตอันไกล้ก็ว่าได้
“ เรารอเธอถ่ายทอดสดจนแทบใจจะขาดแหน่ะ ! เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้วนะที่เธอถ่ายทอดสดครั้งที่แล้ว ”
“ เสี่ยวเหมิง....เธอถ่ายทอดสดจากที่ไหนเหรอ ? จากป่าแถวโรงเรียนหรือว่าสวนสาธารณะใจกลางเมือง ? ”
“ ในฐานะนักถ่ายทอดสดภาคสนามแล้ว แค่ป่าหลังโรงเรียน หรือสวนสาธารณะใจกลางเมืองมันจะไม่เป็นการดูถูกกันไปหน่อยรึไง ? ”
หลังจากที่เฉินเหมิงทำการทักทายผู้ชมในการถ่ายทอดสดของเธอแล้ว ผู้คนก็เริ่มที่จะสนทนากันเต็มไปหมด บ้างก็เริ่มบ่น บ้างก็มีคำถามหลายอย่างเกิดขึ้นมา
“ มันไม่สำคัญหรอกนะว่าจะถ่ายทอดสดที่ไหน สำคัญแค่ว่าฉันได้เห็นหน้าของพี่เหมิงฉันก็พอใจแล้ว ”
“ เอาน่าอย่าสนใจเลยว่าจะที่ไหนก็ช่าง เรามาส่งกิ่งไผ่เป็นกำลังใจให้พี่เฉินเหมิงกันดีกว่าพวกเรา เย้ ! ”
( ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่า ในประเทศจีนนั้นการส่งกำลังใจเขาจะส่งกันเป็นกิ่งไผ่แทนนะ ถ้าหากว่าเปรียบเสมือน Facebook stream นั้นก็คือการส่งดาวนั่นเอง )
“ คุณได้รับกิ่งไผ่จำนวน 100กิ่ง ! ” ทันใดนั้นเองหน้าจอโทรศัพท์ของเฉินเหมิงก็มีรูปไม้ไผ่ส่งมา พร้อมกับฉากที่โปรยปรายไปด้วยใบไผ่เต็มหน้าเจอของเธอ ซึ่งดูๆแล้วเป็นการให้กำลังใจที่ดีเป็นอย่างมาก
เมื่อเฉินเหมิงมองเห็นแบบนั้นแล้วก็ทำให้ไม่สามารถกลั้นเขื่อนน้ำตาของเธอไม่ให้แตกได้ มันทำให้เธอนั้นรู้สึกเขิลอายเป็นอย่างมาก เพราะในฐานะสตรีมเมอร์ภาคสนามแล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ออกมาถ่ายทอดสดในป่าของจริง โดยปกติแล้วเธอก็แค่อยู่ป่าหลังโรงเรียน หรือป่าที่สวนสาธารณะตามที่กล่าวอ้างไว้แต่แรกนั่นแหละ
แต่เมื่อเฉินเหมิงมองเห็นกิ่งไผ่และใบไผ่โปรยปรายบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธออย่างไม่หยุดไม่หย่อน มันก็ทำให้ใบหน้าที่มีคราบน้ำตาเล็กน้อยนั้นเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มอย่างชัดเจน
ของรางวัลจากระบบเวปไซต์ของ “ ซึกิเทค ” นั้นแบ่งออกเป็น 4 ระดับ จากระดับต่ำสุดไปสู่ระดับสูงสุดนั้นก็คือ ใบไผ่,กิ่งไผ่,หน่อไม้ และต้นไผ่ และของทุกอย่างนี้ก็สามารถแลกเป็นเงินหยวนได้ เช่น
ใบไผ่ เท่ากับ 1 หยวน
กิ่งไผ่ เท่ากับ 10 หยวน
หน่อไม้ เท่ากับ 100 หยวน
ต้นไผ่ เท่ากับ 1000 หยวน
สำหรับเงินหยวนหากเทียบเป็นเงินไทยแล้วจะอยู่ราวๆ 4.5 – 5 บาทเลยทีเดียวของรางวัลเหล่านี้จะเป็นของผู้ถ่ายทอดสดแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งจะเป็นของเว็ปไซต์นั่นเอง กล่าวได้ว่าก่อนหน้านี้เธอนั้นเคยได้รับเงินมากกว่า 500 หยวนมาแล้ว
ส่วนตัวแล้วเฉินเหมิงนั้นไม่มีความเดือดร้อนทางด้านการเงิน แต่เงินที่ได้รับมามากมายขนาดนี้นั้น สำหรับเด็กนักเรียนมัธยม มันก็ถือว่าเป็นค่าขนมชั้นดีนี่เอง
“ ขอบคุณนะคะ สำหรับน้ำใจที่มอบให้กันมาเสมอ ”
เฉินเหมิงกล่าวคำขอบคุณด้วยความจริงใจของเธอพร้อมรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น พร้อมกับตอบผู้ชมไปว่า
“ แต่ที่นี่ไม่ใช่ป่าหลังโรงเรียนหรือสวนสาธารณะอย่างที่คิดนะ ”
“ ต่อไปนี้จะขอบอกข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นี่เล็กน้อย ”
“ สถานที่เฉินเหมิงกำลังถ่ายทอดสดอยู่นี้นั้น มีชื่อว่า ภูเขาวู่หลงซึ่งตั้งอยู่เขตวู่หยาง ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้รับการพัฒนาจนเป็นเขตท่องเที่ยว แต่ที่นี่ก็มีทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามจริงๆ ”
“ สภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาในบริเวณภูเขาวู่หลงแห่งนี้ มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก มีสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ให้เห็นตลอดระยะทางที่เดินทางมา ที่สำคัญยังมีข่าวลืออีกว่าที่นี่นั้นมีงูเหลือมยักษ์อาศัยอยู่อีกด้วย ”
เมื่อได้ยินเฉินเหมิงกล่าวเช่นนั้นแล้ว ผู้ชมหลายคนที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสนก็ต่างมีคำถามพร้อมแสดงออกมาในช่องสนทนาเต็มไปหมด บ้างก็พูดว่า....
“ ไม่ว่าคนอื่นจะเชื่อเธอหรือไม่นะ ฉันก็ไม่มีทางเชื่อเธอแน่นอน ”
“ เฉินเหมิงเธอจะยอมรับไหมว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่เธอไม่เคยไปมาก่อน ? ”
“ สวนสาธารณะที่นี่ดูมีสเน่ห์ไม่เบาเลยนะ มันดูคล้ายกับป่าจริงๆเลยนี่ น้องเมิ่งพอจะบอกชื่อของมันได้มั้ยเดี๋ยวฉันกับแฟนจะไปหาน้องเมิ่งที่นั่นกัน ”
เมื่อเห็นในห้องแชทมีแต่คำถามมากมายราวกับว่าไม่เชื่อเธอสะงั้น เฉินเหมิงก็ไม่ตอบอะไร แต่เธอกลับหมุนไม้เซลฟี่ไปอีกด้าน พร้อมกับถ่ายวิว ต้นไม้ใบหญ้า ผืนดินรอบๆ ให้แฟนๆ ได้รับชมกัน
และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าหลังจากที่ทุกคนนั้นได้เห็นบรรยากาศรอบๆ แล้วว่ามันคือสถานที่จริง ไม่ใช่แค่สวนสาธารณะอย่างที่หลายคนคิด บทสนทนาของแฟนๆ ก็กลับมาเดือดอีกรอบราวกับกาต้มน้ำที่ถูกต้มเอาไว้
“ โอ้แม่เจ้าว้อยยย.....ที่นี่มันป่าจริงๆด้วย ”
“ เสี่ยวเหมิง ในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้วนะ ในอนาคตเธอต้องเป็นสตรีมเมอร์กลางแจ้งได้แน่นอน ”
“ โอ้โห ทำไมอยู่ๆฉันถึงอยากจะร้องไห้ออกมาเลยนี่ ”
“ ไม่พูดเยอะเจ็บคอ...เอาไปเลย หน่อไม้ 10หน่อ ! ”
พิลึกโคตรๆ ใช้คำว่าพวกเจ้า สะงั้นนี้มันยุคไหนแล้ว ต้องเรียกพวกเธอ สิ