px

เรื่อง : ตำนานงูยักษ์เขมือบโลก
ตอนที่ 17: ความแปลกใจของเฉินเหมิง


ตอนที่ 17: ความแปลกใจของเฉินเหมิง

 

“ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ท่านผู้ชม ” เพียงแค่ไม่นาน หน้าจอโทรศัพท์ของเฉินเหมิงก็เต็มไปด้วยของรางวัลที่ผู้ชม แฟนๆส่งมาให้ ไม่ว่าจะเป็นใบไผ่ หน่อไม้ รวมไปถึงต้นไผ่ เฉินเหมิงตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเธอจะถ่ายทอดสดมาหลายครั้งและได้รับรางวัลจากผู้ชมมาบ้าง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับรางวัลมากมายถึงเพียงนี้จากการถ่ายทอดสดครั้งเดียว เมื่อเทียบแล้วรางวัลที่เคยได้รับมาทั้งหมดอาจจะน้อยกว่าการรับครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเลยก็ว่าได้

 

แต่แล้วไม่นานจิตใจของเธอก็เริ่มสงบลง เพราะอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าเฉินเหมิงนั้นไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินสักเท่าไหร่ ในหลายๆครั้งที่เธอถ่ายทอดสดให้แฟนๆได้รับชมนั้นเป็นเพราะเธอชอบมันและอยากทำให้คนอื่นมีความสุขมากกว่า และในทุกครั้งที่ผู้ชมส่งรางวัลให้เธอ เธอก็จึงไม่ต้องคิดมากไปกับมัน

 

“ ในป่าแห่งนี้นั้นมีสัตว์ขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก ในขณะที่พวกเรากำลังเดินทางขึ้นมา เราเห็นไก่ฟ้าและเม่นหลายตัวออกหากิน หากคุณต้องการที่จะสัมผัสกับประสบการณ์นี้ด้วยตัวเองแล้วละก็ คุณไม่ควรพลาดที่จะหาโอกาสมา ณ ภูเขาแห่งนี้ด้วยตัวเอง สักครั้งในชีวิต ”

 

“ แต่เมื่อทุกคนมาเยี่ยมชม ที่แห่งนี้แล้ว มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะขอร้องก็คือ อย่าทำลายระบบนิเวศและอย่ารบกวนชีวิตของสัตว์ป่า ”

 

ขณะที่เธออธิบายส่วนต่างๆ ของสถานที่แห่งนี้ เธอก็ได้หมุนกล้องไปรอบๆ เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นบรรยากาศรอบตัวเธออย่างชัดเจน

 

“ น้องเหมิง เจ้าไม่ได้ไปที่ป่านั้นเพียงลำพังใช่ไหม ? ”

 

“ ป่าแห่งนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ อาจจะมีงูหรือแมลงที่เป็นพิษอาศัยอยู่ ยังไงเสี่ยวเหมิงก็อย่าลืมระวังตัวด้วยนะ ”

 

“ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเสี่ยวเหมิงผู้อ่อนโยน จะมีแรงเดินขึ้นไปจนถึงยอดของภูเขาจนได้ ”

 

เมื่อเห็นคำพูดที่แสดงความห่วงใยออกมาจากใจของผู้ชมแล้ว เฉินเหมิงเองก็ยิ้มและขอบคุณมันอย่างจริงใจพร้อมกับบอกว่า “ เฉินเหมิงไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับเพื่อนอีก 3 คน ”

 

“ โอ้ ! นึกว่าไปโดยลำพังถ้าไปกับเพื่อนๆ แบบนี้ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย ”

 

“ ฉันยังจำได้เลยครั้งที่แล้วมีตั๊กแตนตัวหนึ่งมันเผลอกระโดดขึ้นไปบนหัวของเสี่ยวเหมิงที่สวนสาธารณะ มันสร้างความตกใจให้พวกเขาเหล่านั้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังวิ่งหนีกันกระเจิงอีกด้วย ”

 

“ น้องสาวหันกล้องไปหาเพื่อนของเธอหน่อยได้ไหม ? ”

 

“ ที่กำลังเห็นข้างหน้านี้คือ เสี่ยวหนิง และน้องเว่ย ส่วนอีกคนก็คือเสี่ยวเหมิง ”

 

“ ฉันชอบคนอ้วนๆ ที่อยู่มุมนั้นจัง ”

 

เมื่อเห็นบทสนทนาออกมาแนวนี้แล้ว ไม่ต้องเดาเลยว่าพวกเขานั้นสนิทสนมกันขนาดไหน และในความเป็นจริงพวกเขานั้นก็มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก

 

พวกเขาเหล่านี้ปรากฏตัวในการถ่ายทอดสดของเสี่ยวเหมิงบ่อยครั้ง นอกจากนี้พวกเขาเหล่านั้นยังมีหน้าตาที่สวยสดงดงาม ทำให้แฟนคลับของเฉินเหมิงประทับใจพวกเขามากเช่นกัน

 

“ ใช่แล้วค่ะทุกคน วันนี้ฉันจะให้ทุกคนได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ” เมื่อพูดจบเฉินเหมิงก็หันกล้องอย่างช้าๆ เข้าไปหาต้นสนยักษ์ตรงหน้าของเธอ เพราะก่อนหน้านี้เธอจงใจที่จะยังไม่เปิดเผยต้นสนยักษ์ให้แฟนคลับของเธอได้ชม และพยายามถ่ายบรรยากาศโดยรอบ และตอนนี้พอหันกล้องมาที่ต้นสนยักษ์แล้วมันจึงทำให้ ผู้ชมและแฟนคลับของเธอนั้นถึงกับต้องร้องว้าว ! ออกมา และอย่างเช่นเคย พอเห็นต้นสนยักษ์ปรากฏขึ้นมาดังนี้แล้ว บทสนทนาของทุกคนก็เริ่มเดือดขึ้นมาอีกครั้ง

 

          “ ต้นสนที่ใหญ่ขนาดนี้น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าห้าร้อยปีแน่ๆ ”

 

          “ ใครจะไปคิดว่าดินแดนที่ห่างไกลอย่างวู่หลงนั้นจะมีสิ่งล้ำค่าขนาดนี้ ฉันต้องหาโอกาสไปดูสักครั้งให้ได้แล้ว ”

 

          “ น้องเสี่ยวเหมิง เจ้าเข้าไปไกล้ๆ กว่านี้ได้ไหม ? ”

 

          เมื่อถูกแฟนคลับเรียกร้องดังนั้นแล้ว เฉินเหมิงจึงตอบตกลงทันที เธอรีบเดินมุ่งหน้าเข้าไปที่ใต้ต้นสนยักษ์นั้นทันที แต่เมื่อเธอไปถึงที่นั่นแล้วเธอก็ต้องประหลาดใจขึ้นมา

 

          “ เสี่ยวหนิง น้องเหว่ย ซ่งหรัน พวกเจ้ารีบมาดูนี่เร็ว ที่ต้นสนยักษ์นี้มีโพรงไม้อยู่ ” เฉินเหมิงมองไปที่โพรงไม้ตรงหน้าของเธอ โพรงนี้สูงกว่าพื้นราวๆ 180 เซนติเมตร หรือ 6 ฟุต มันสูงกว่าระยะดวงตาของเธอไปมาก ทำให้ยากที่จะมองเห็นว่าอะไรอยู่ข้างในโพรงนี้

 

          “ ได้เลย เสี่ยวเหมิง ” เมื่อได้ยินคำเรียกหาของเสี่ยวเหมิงแล้ว ทุกคนก็ตอบรับพร้อมกับมองไปหาเธอ

 

          “ พวกคุณคิดว่าในนี้จะมีกระรอกอยู่ไหม ? ” ตอนนี้หน้าของเฉินเหมิงนั้นเปลี่ยนไปราวกับว่าสิ่งที่สงสัยอยู่นั้นจะเป็นจริงหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่แล้วกระรอกจะชอบอาศัยอยู่ตามโพรงไม้แบบนี้ และที่สำคัญตอนนั้นเอง เสี่ยวหนิงก็เคยพูดว่าบนภูเขานี้มีกระรอกอาศัยอยู่อย่างชุกชุม

 

          อย่างไรก็ตามระหว่างทางที่เดินขึ้นมานั้นพวกเขาก็ได้พบกับสัตว์ป่าขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เห็นวี่แววเลยก็คือกระรอก มันทำให้พวกเขานั้นรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยจากคำบอกเล่าของเสี่ยวหนิง และเมื่อเฉินเหมิงนั้นเห็นโพรงไม้แบบนี้แล้ว มันก็ทำให้เธอนั้นอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมาเป็นอย่างมาก

 

          “ ในโพรงนี้จะมีกระรอกจริงๆ รึเปล่านะ  ? ”

 

          “ อยู่ไหนของมันนะ เจ้ากระรอก ! ” หลังจากซ่งหรันนั้นนอนพักผ่อนอยู่บนพื้นดินได้สักพัก เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเหมิงเช่นนั้นเธอก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว น้องเว่ยและเสี่ยวหนิงที่นั่งข้างกันนั้นก็รีบลุกขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

 

          กระรอกนั้นเป็นสัตว์ตัวเล็กขนยาวน่ารัก ส่วนมากแล้วไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนที่จะสามารถต้านทานความน่ารักของมันได้

 

          “ เสี่ยวเหมิง เจ้าอย่าเข้าไปไกล้จนเกินไป บางทีมันอาจจะเป็นโพรงของงูก็ได้นะ ” เสียงของซ่งหรันร้องเตือนเฉินเหมิงด้วยความหวังดี ตอนนี้เขากำลังวิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาเฉินเหมิงที่กำลังจะเอาตาส่องดูในโพรงไม้นั้น

 

          คำพูดของซ่งหรันนั้นทำให้เฉินเหมิงที่กำลังจะพยายามจะทำอะไรเสี่ยงๆอยู่ รีบหันกลับมาหาเธอ พร้อมกับตะโกนอีกด้วยว่า “ ไปกินอะไรมาทำไมถึงปากเสียแบบนี้ ”

 

          “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า สิ่งที่ซ่งหรันพูดมาอาจจะไม่ผิดก็ได้ ”

 

          “ จริงๆ มันง่ายมากถ้าอยากพิสูจน์ว่านี่เป็นโพรงของกระรอกหรืองู ก็แค่สอดมือเข้าไป ถ้าไม่ถูกกัดก็แสดงว่าเป็นโพรงของกระรอก แต่ถ้าถูกกัดก็แสดงว่าเป็นโพรงของงู ”

 

          “ นั่นสิวิธีนี้เป็นวิธีพิสูจน์ได้ดีจริงๆ รอบที่แล้วฉันใช้วิธีนี้พิสูจน์ในโพรงไม้มา ดีว่ามันเป็นโพรงของกระรอกจริงๆ ถ้าหากมันเป็นโพรงของงูแล้วละก็ ตอนนี้ฉันคงจะนอน อยู่ในยมโลกแล้วก็เป็นได้ ”

 

          เฉินเหมิงเองตอนนี้ก็ได้เหลือบมองไปเห็นบทสนทนาในห้องถ่ายทอดสดของเธอ ตอนนี้ปากเธอถึงกับสั่นออกมาเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหัว ตอนนี้เธอเขย่งเท้าให้สูงขึ้นและพยายามมองเข้าไปในโพรงเพื่อหากระรอก แต่ที่ไม่ไกลกันมากนัก เธอก็ได้เห็นเพื่อนๆของเธอวิ่งหน้าตาตื่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ใบหน้าของพวกเขานั้นตื่นตกใจอย่างผิดปกติ

 

          “ ซ่งหรัน เกิดอะไรขึ้นทำไมหน้าของเจ้าซีดอย่างนั้น ? ” เฉินเหมิงถามซ่งหรันไปแบบนั้นเพราะไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ซ่งหรันกับใบหน้าที่ซีดเผือกได้ยกมือข้างขวาขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่โพรงไม้ข้างหน้าของเฉินเหมิง

 

          เฉินเหมิงคิ้วย่นเล็กน้อยและค่อยๆหันหน้าไปมองที่โพรงไม้ แต่หลังจากที่มองเห็นบางสิ่งบางอย่างแล้ว สีหน้าของเธอเองก็ต้องเปลี่ยนไปเช่นกันและพร้อมกันนั้นเธอก็ต้องส่งเสียงกรี๊ด ออกมาอย่างรุนแรง

 

          “ ไอ่หยา ! ” ตอนนี้เธอยืนตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ และเมื่อมองไปที่โพรงไม้ชัดๆ อีกรอบเธอก็ต้องพบกับความสยดสยองอย่างหาที่เปรียบมิได้

 

          ในขณะนั้นเองที่โพรงไม้นั้นมีหัวของสัตว์เลื้อยคลานบางชนิด ค่อยๆโผล่ออกมา นั่นก็คือหัวของ งู ! และไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเฉินเหมิงนั้นถึงต้องกรีดร้องออกมา

 

          เฉินเหมิงไม่คาดคิดเลยว่าคำเตือนก่อนหน้านี้ของ ซ่งหรันนั้นจะเป็นจริง เพราะโพรงไม้นี้ไม่ใช่รังของกระรอก แต่เป็นรังของงูนั่นเอง เฉินเหมิงตอนนี้ตัวสั่นเทา อยากที่จะวิ่งหนี แต่ขาของเธอนั้นกลับไม่เป็นใจ มันอ่อนแรงจนเธอไม่สามารถจะขยับไปไหนได้จากความตกใจกลัว

 

          “ เสี่ยวเหมิง ! วิ่ง ! วิ่งสิ ! ” ซ่งหรัน เสี่ยวหนิง และจางเว่ยตอนนี้ทุกคนต่างตะโกนให้เฉินเหมิงนั้นออกตัววิ่ง !

 

“ ฉัน... ”

 

เฉินเหมิงพยายามจะสื่อสารอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเองเธอก็ถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก ปากของเธอตนนี้เปลี่ยนเป็นรูปตัวโอไปเป็นที่เรียบร้อย โดยเธออยู่ภายใต้การจดจ้องอย่างใจจดใจจ่อของซ่งหรันและเพื่อนๆด้านข้าง

 

พวกเขานั้นเห็นว่าหัวมันกำลังโผล่ออกมาจากโพรงไม้

 

กระรอก ! พวกเขามองเห็นกระรอกตัวนี้กำลังกอดขี่บนหัวของงู ดวงตาดวงน้อยของมันตอนนี้จ้องมองมาที่เฉินเหมิงและเพื่อนๆ ของเธอที่ยืนอยู่ภายนอก

 

งูกับกระรอก !

 

สาวทั้งสี่คนถึงกับอ้าปากค้าง นี่มันเรื่องอะไรกัน หากเทียบกับการงมเข็มในมหาสมุทรแล้วฉากที่กำลังเห็นต่อหน้านี้น่าจะหายากกว่า

 

เสี่ยวเว่ยที่ได้สติขณะนั้นรีบเอามือคว้ากล้องที่แขวนอยู่บนหน้าอกของเธอ หันเลนส์เข้าที่โพรงต้นไม้พร้อมกับรัวชัตเตอร์โดยไม่ยั้ง

 

“ เยส ! ”

ภาพหายากขนาดนี้ไม่ถ่ายไว้ก็คงเสียดายไปตลอดชาติ

 

รีวิวผู้อ่าน

kasachiro
1516 วันที่แล้ว

แล้วแต่ท่านผู้แปลเลยครับพยายามต่อไปนะครับเป็นกำลังใจไห้


  แสดงความคิดเห็น
martinez76
1556 วันที่แล้ว

นับถือความพยายามของผู้แปลจริงๆ ที่สามารถแปลนิยายยุคปัจจุบันให้ย้อนยุคได้ด้วยการใช้ เจ้า ข้า ทุกตอนแบบนี้ ความพยายามสูงจริงๆ


  แสดงความคิดเห็น