px

เรื่อง : ตำนานงูยักษ์เขมือบโลก
ตอนที่ 19: การเสริมสร้างความมุ่งมั่น


ตอนที่ 19: การเสริมสร้างความมุ่งมั่น

 

“ ระบบ ! เปิดฐานข้อมูลที ” ทันทีหลังจากที่ตกตะลึงกับการแจ้งเตือนของระบบรัวๆ ฟ่างหยุนก็ดึงสติกลับมาได้พร้อมกับเปิดฐานข้อมูลในหัวของเขา ตัวฟ่างหยุนเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าการเพิ่มค่าชื่อเสียงครั้งแรกนั้นมันจะได้มาอย่างง่ายดาย

 

          ความจริงนั้นเขาเลือกที่จะอาศัยอยู่กับเจ้ากระรอกในโพรงไม้ เพราะว่ามันกว้างพอที่จะอยู่อย่างสบาย ทั้งสำหรับตัวเขาและเจ้ากระรอกน้อย นอกจากนั้นแล้วเขายังคิดว่าเจ้ากระรอกตัวนี้เป็นทั้งเพื่อน และเป็นทั้งสีสัน ที่เข้ามาเติมเต็มให้กับชีวิตอันแสนน่าเบื่อของเขาอีกด้วย

 

          แต่แล้วมันก็เกินความคาดหมาย เพราะการที่เขาอาศัยอยู่กับกระรอกในครั้งนี้นั้น กลับต้องมาถูกพบเห็นด้วยสายตาของมนุษย์มากมายโดยผ่านการถ่ายทอดสดของสตรีมเมอร์ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลามขนาดนี้

 

          ทันใดนั้นเองก็เกิดม่านแสงสว่างขึ้นมาในหัวของฟ่างหยุน ตัวเขานั้นก็สงสัยมานานแล้วว่าจะทำยังไงหรือใช้วิธีไหนถึงจะสามารถเพิ่มค่าชื่อเสียงได้ แต่ประสบการณ์ที่เขากำลังพบเจอตรงหน้าในตอนนี้มันเป็นสิ่งที่สร้างแรงบรรดาลใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก บางทีเขาอาจจะเพิ่มค่าชื่อเสียงให้กับตัวเองได้มากขึ้นไปอีกโดยที่ไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับสังคมมนุษย์โดยตรงเลยก็ได้

 

          หลังจากที่กำลังคิดเพลินๆอยู่นั้น ข้อมูลที่ระบบกำลังส่งให้ก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า

 

รายการคุณสมบัติของท่านฟ่างหยุน:

ระดับ: 5

พลังงานทางชีวภาพ: 180/250

คะแนนทักษะ: 14

ความยาวของลำตัว: 1 เมตร

เส้นผ่าศูนย์กลาง: 2.8 เซนติเมตร

อำนาจ: 2.0

พลังป้องกัน: 1.0

ความเร็ว: 1.5

ความคล่องตัว: 2.0

วิญญาณ: 3.0

ความแข็งแกร่งทางกายภาพ: 2.8

ทักษะ: พิษมรณะ 2/5

ค่าชื่อเสียง: 5241/10,000,000

 

“ ค่าชื่อเสียงตอนนี้มีมากกว่า 5000 ! ” เมื่อเห็นจำนวนตัวเลขของระดับค่าชื่อเสียงแล้ว ฟ่างหยุนถึงกับช็อคจนพูดไม่ออก เพียงเพราะแค่เขากลายเป็นดาราหน้ากล้องถ่ายทอดสดยังไม่ถึงหนึ่งนาที กลับทำให้เขานั้นได้รับค่าชื่อเสียงมากมายถึงเพียงนี้ ที่มากไปกว่านั้นก็คือหลังจากที่ได้รับค่าชื่อเสียงแล้วเขาก็ยังได้รับคะแนนทักษะเพิ่มขึ้นมาอีก ตามการแจ้งเตือนของระบบที่แสดงขึ้นมาก่อนหน้านี้ยิ่งค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ ระบบก็จะส่งรางวัลที่แตกต่างมากขึ้นไปตามค่าของชื่อเสียง

 

สำหรับค่าชื่อเสียง 1 หน่วยนั้นระบบให้คะแนนทักษะเพิ่ม 1 คะแนน เมื่อเพิ่มค่าชื่อเสียงได้ 10 หน่วยระบบนั้นก็จะส่งคะแนนทักษะให้อีก 2 คะแนน มันจะถูกเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเมื่อค่าชื่อเสียงแตะที่ 10000 หน่วยแล้วระบบก็จะให้รางวัลเป็นคะแนนทักษะถึง 5 คะแนน

 

ในขณะที่เขากำลังเฝ้าดูการเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆของค่าชื่อเสียง ไม่นานนักหัวใจของเขาก็เริ่มที่จะวูบลง เพราะตอนนี้การเพิ่มขึ้นของมันเริ่มที่จะชะลอตัวลง และถ้าหากยังคงเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วละก็ เขาแทบจะไม่ต้องลุ้นเลยว่าค่าชื่อเสียงของเขานั้นจะถึง 10,000 หน่วยในวันนี้ได้เลย

 

“ ดูเหมือนว่านักสตรีมสาวคนนี้จะยังไม่ดังมากเท่าไหร่นัก ” เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ฟ่างหยุนจึงเริ่มคิดว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ! ตอนนี้เขาเกิดความลังเลขึ้นมาในใจ เขาควรจะทำอะไรที่มันดูผิดปกติจากวิสัยของงู เพื่อที่จะได้รับคะแนนชื่อเสียงเพิ่มขึ้นจากโอกาสอันหายากแบบนี้

 

แม้ว่ายอดผู้ติดตามของนักสตรีมสาวคนนี้ค่อนข้างจะมีจำกัด แต่ถ้าหากเขาทำอะไรที่มันพิเศษๆ บางทีมันอาจจะดึงดูดความสนใจจากผู้ชมหน้าใหม่ และเขาอาจจะได้รับค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอีกมากมายอย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาพยายามข่มความตั้งใจนี้ แล้วพิจารณาหาทางอย่างรอบครอบ เพราะการอยู่ด้วยกันอย่างสันติระหว่างงูกับกระรอกนั้นก็ยังคงสามารถพอหาดูได้จากธรรมชาติของสัตว์ป่า แต่ถ้าหากเขาทำตัวเหนือธรรมชาติเช่นการเขียนตัวอักษรบนพื้น ซึ่งเป็นสิ่งที่งูทั่วไปไม่สามารถทำได้แล้วละก็ แน่นอนว่ามันต้องดึงดูดความสนใจจากมนุษย์ได้อย่างล้นหลามแน่ ๆ

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะสามารถดึงดูดความสนใจได้ แต่ฟ่างหยุนเองก็ไม่อยากถูกจับเข้าไปอยู่ในห้องทดลองเพื่อทำวิจัยของมนุษย์เช่นกัน

 

“ กวิ้กกกกก ! ” ทันใดนั้นเจ้ากระรอกน้อยที่เกาะอยู่บนหัวของฟ่างหยุนอยู่นั้น มันมองไปที่หญิงสาวทั้งสี่คนพร้อมกับมีความรู้สึกว่าทั้งสี่คนนี้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรสำหรับตัวมัน มันจึงเริ่มกระโดดออกจากโพรงไม้ไปเกาะที่กิ่งไม้ข้างๆ และกระโดดต่อไปอีกสองสามกิ่ง จนตัวมันล่วงตกลงไปบนพื้นหญ้านุ่มๆด้านล่าง เพียงเสี้ยววินาที มันก็หายตัวเข้าไปในป่าอย่างไร้ร่องรอย

 

          “ เจ้ากระรอกน้อยหายไปแล้ว ! ” หลังจากที่เห็นการจากไปของเจ้ากระรอกน้อย หญิงสาวทั้งสี่คนที่เฝ้าดูมันอยู่ตลอดเวลาก็อุทานออกมาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย ตอนนี้สายตาทุกคนก็หันกลับไปหาฟ่างหยุนทันที

 

          “ ค่าชื่อเสียงตอนนี้ก็หยุดเพิ่มไปสักพักแล้ว ตอนนี้เราน่าจะออกจากโพรงดีกว่า ” หลังจากที่คิดแบบนั้น ฟ่างหยุนก็มองไปยังสาวน้อยทั้งสี่ทันที ถึงแม้ว่านี่จะเป็นโอกาสทองในการเพิ่มค่าชื่อเสียงของตัวเขาเอง แต่เมื่อนึกถึงความปลอดภัยแล้ว เขายอมที่จะสละมันดีกว่าต้องถูกจับเข้าไปอยู่ในห้องทดลอง และที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือเขาไม่รู้เลยว่าโอกาสดีๆ ในการเพิ่มค่าชื่อเสียงแบบนี้จะมาอีกเมื่อไหร่

 

          ฟ่างหยุนสูดหายใจลึกๆพร้อมกับเลื้อยลงมาจากโพรงไม้โดยมีสายตาหวาดระแวงจากเด็กสาวทั้งสี่คนจับจ้องอยู่ เขาค่อยๆเลื้อยหายเข้าไปในป่า เขารู้ตัวดีว่าถึงอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเขาจึงไม่อยากเสียเวลาไปกับการรอคอยอยู่ที่นี่อีก

 

          “ น่าเศร้าเสียจริง หลังจากนี้เราคงจะไม่มีโอกาสได้อยู่อาศัยกับเจ้ากระรอกน้อยที่นี่ได้อีกแล้ว ”

 

“ วิวัฒนาการ ! เราต้องเข้าสู่การวิวัฒนาการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ”

           ฟ่างหยุนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอัดอั้นตันใจ ไม่ใช่ว่าเขาเพียงแค่อ่อนแอแต่เขายังไม่รู้เลยว่าเขานั้นจะมีชีวิตรอดไปได้ยาวนานขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงต้องยอมเสียสละโอกาสทองในการเพิ่มค่าชื่อเสียงของตัวเขาเองในครั้งนี้ไป

 

          “ ข้านั้นอ่อนแอเกินไป ถ้าสักวันหนึ่งข้าแข็งแกร่งเพียงพอ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องกังวลเลยว่าใครจะมาทำร้ายข้าได้ เพราะถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ ข้าก็จะสามารถใช้ความแข็งแกร่งนั้นป้องกันตัวเองได้ ดังนั้นแทนที่จะมัวมาเสียดาย ข้ารีบไปหาเหยื่อเพื่อทำให้ตัวเองเข้าสู้การวิวัฒนาการขั้นต่อไปเสียดีกว่า ”

 

          ตัดภาพมาที่เฉินเหมิงและเพื่อนของเขานั้นกำลังยืนมองภาพที่ฟ่างหยุนเลื้อยจากไปในป่า และเมื่อพวกเขารู้สึกตัวอีกทีฟ่างหยุนก็หายไปจากสายตาแล้ว พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขานั้นพบกับงู และที่สำคัญงูตัวนี้ก็จ้องมองพวกเขากลับอย่างใจเย็นโดยไม่มีท่าทีว่าจะเป็นอันตรายต่อพวกเขาอีกด้วย

 

          “ เสี่ยวเว่ย เสี่ยวหนิง พวกเจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ฉันรู้สึกว่าเจ้างูตัวนี้มันแปลกๆนะ เพราะมันไม่มีทีท่าว่าจะกลัวพวกเราเลย ”

 

          เฉินเหมิงเอ่ยปากถามเพื่อนสาวด้วยความงุนงง พร้อมกับมองตามไปยังทิศทางที่ฟ่างหยุนเลื้อยจากไป แม้ว่างูนั้นจะเป็นสัตว์มีพิษที่อันตรายแต่พวกมันก็เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะระวังตัวเป็นอย่างมาก เมื่อพวกมันได้เผชิญหน้ากับมนุษย์เข้าแล้วส่วนใหญ่พวกมันเลือกที่จะหนีมากกว่าเผชิญหน้า แต่ความรู้สึกของเฉินเหมิงกลับไม่เป็นแบบนั้น เธอรู้สึกได้ทันทีว่างูตัวนี้ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวมนุษย์เอาเสียเลย

 

          หลังจากที่ได้ยินคำถามจากปากของเฉินเหมิงแล้ว ทุกๆคนก็พยักหน้ารับเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วทุกคนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พร้อมกันนั้นพวกเธอยังคงพากันเดินไปบนพื้นที่โล่ง เสี่ยวหนิงนั้นก็ได้หยิบของบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสัมภาระที่เธอเตรียมมา นั่นก็คือปูนขาว ตอนนี้เธอโรยมันลงไปบนพื้นรอบๆพร้อมกับปูเสื่อและเรียกทุกๆคนมานั่งด้วยกัน

 

          “ เสี่ยวเว่ย เสี่ยวเหมิง ซ่งหรัน มานี่เร็วเข้ามานั่งด้วยกัน ”

 

          “ ตอนนี้ได้เวลาทานอาหารกันแล้วนะ ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งหรันที่ได้ยินดังนั้นก็ทำตาโตขึ้นมาทันทีพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวหนิงอย่างตื่นเต้น เมื่อมาถึงแล้วทุกคนก็นั่งลงบนเสื่อพร้อมกับหยิบแซนวิชที่เตรียมมากินกันอย่างหิวโหย

 

          “ เดินมาตั้งไกล ตอนนี้หิวจะแย่อยู่แล้ววว ! ” สายตาของเสี่ยวหนิงนั้นจ้องมองไปที่ซ่งหรันผู้ซึ่งเอ่ยปากออกมาอย่างไร้เดียงสา พร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก มันจึงทำให้ซ่งหรันเขินจนหน้าแดงออกมา

 

           “ ก็มันหิวจริงๆนี่นา ” เสี่ยวเว่ยเมื่อเห็นว่าซ่งหรันนั้นกำลังกินแซนวิชที่ตัวเองเตรียมมาอย่างเอร็ดอร่อย เธอก็อดที่จะยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยวเว่ยจึงค่อยๆนั่งลงพร้อมกับหยิบแซนวิชขึ้นมากินอย่างประณีต รวมถึงเอ่ยปากเรียกเฉินเหมิง

 

          “ เสี่ยวเฉินรีบมาเร็วเข้าก่อนที่จะไม่มีแซนวิชเหลือให้กิน ” ทันใดนั้นเฉินเหมิงที่กำลังถูกเรียกก็ตอบกลับไปว่า

 

          “ กำลังไปจ้า ”

          พอตอบกลับเสร็จปุ๊บ เธอก็หันโทรศัพท์ขึ้นมาหาตัวเธอเอง และเมื่อเฉินเหมิงได้เห็นจำนวนของผู้รับชมที่เข้ามาชมการถ่ายทอดสดอยู่นั้น มันถึงกับทำให้เธออึ้ง ! เพราะตอนนี้จำนวนผู้ชมมีอยู่ถึง 70000 คนและยอดผู้ติดตามของเธอตอนนี้มีมากกว่า 100,000 คน !

 

          “ โอ้โห ไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าจะมีคนติดตามถึง 100,000 คน ! ” ตอนนี้เฉินเหมิงเองรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะมีคนติดตามเธอ 100,000 คน ซึ่งจำนวนผู้ติดตามมากมายขนาดนี้ จึงทำให้เธอนั้นกลายเป็นผู้ถ่ายทอดสดหรือสตรีมเมอร์ภาคสนามอันดับต้นๆของเว็บไซต์

 

          แม้ว่าเธอจะถ่ายทอดสดด้วยความสนุกสนาน แต่การมีผู้ชมให้การตอบรับเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็วขนาดนี้นั้นจึงทำให้เธอรู้สึกว่าเธอนั้นประสบความสำเร็จในด้านนี้

 

          ตอนนี้เฉินเหมิงเองก็พยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อผ่อนคลายความตื่นเต้นลง เพราะตอนนี้หัวใจนั้นเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเธอก็หันไปยิ้มให้กับกล้องพร้อมกับกล่าวว่า

 

          “ ขอบคุณที่เข้ามารับชมและหวังว่าคงพบกันอีกในโอกาสหน้านะคะ ”หลังจากที่เฉินเหมิงกล่าวลาแบบนั้นแล้ว ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาบนช่องสนทนาอย่างล้นหลามโดยหลายๆ ข้อความจะออกมาแนวไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

 

          “ เสี่ยวเหมิงตอนนี้เธอกำลังดังใหญ่แล้วนะบนช่องถ่ายทอดสดน่ะ! ถ้าหากตัดจบไปเท่านี้ฉันคิดว่าเธอคงจะเสียแฟนคลับไปส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน ! ”

 

          “ ฉันได้เห็นแค่กระรอกกับงู ยังไม่ได้เห็นหน้าคนถ่ายทอดสดเลยนะ เอ้ารับไปรางวัลนี่ ! คุณได้รับกิ่งไผ่ 10กิ่ง จากผู้ติดตามคนใหม่ ”

 

          “ เสี่ยวเหมิงอยู่ต่ออีกสักพักได้มั้ย มันจะเป็นการรักษาความนิยมของคุณนะ ” ถึงแม้ว่าอยากจะทำตามคำขอของแฟนคลับทุกคนมากมายขนาดนั้น แต่เธอก็ยังคงยืนยันว่าวันนี้ต้องยุติการถ่ายทอดสดลง ท้ายที่สุดแล้วเธอจึง จบการถ่ายทอดสดอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อเสร็จธุระกับการถ่ายทอดสดแล้ว เธอจึงเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเพื่อนๆอย่างรวดเร็ว

 

          “ เสี่ยวเว่ย เจ้าทำอะไรอยู่ ? ” ที่ต้องเอ่ยถามอย่างนี้เพราะว่า เสี่ยวเว่ยนั้นได้หยิบแลปท็อปขึ้นมาไว้บนตักโดยใช้มือข้างหนึ่งทำงานไปด้วย และมืออีกข้างก็หยิบอาหารใส่ปากไปด้วย

 

          “ ฉันกำลังจะส่งรูปถ่ายของงูและเจ้ากระรอกน้อยไปให้นิตยาสารชื่อดังไงล่ะ เพราะดูแล้วถ้าหากว่ามันถูกตีพิมพ์ลงไปบนนิตยาสาร คงจะมียอดซื้อขายอย่างถล่มทลายอย่างแน่นอน ”

 

          เสี่ยวเว่ยตอบคำถามของทุกคนพร้อมกับเงยหน้าให้เห็นถึงรอยยิ้มอย่างมีความสุข และเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วเฉินเหมิงก็ตาโตขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยว่า “ ไม่ต้องห่วงหรอกเสี่ยวเว่ย ยังไงซะรูปภาพอันนี้จะต้องถูกตีพิมพ์อย่างแน่นอน ”

 

          ทุกคนที่กำลังนั่งล้อมวงกันนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยแบบเดียวกันนั่นเอง และเมื่อเห็นทุกคนคิดแบบเดียวกันเช่นนี้ เสี่ยวเว่ยจึงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

 

          สำหรับเสี่ยวเว่ยเองนั้นเธอก็มีความมุ่งมั่นที่จะอยากเป็นช่างภาพภาคสนามเช่นกัน เธออยากที่จะเผยแพร่ภาพต่างๆของเธอบนนิตยาสารมาโดยตลอดแต่ก็ไม่เคยเป็นผลสำเร็จเลย เพราะสถานที่ที่เธอเคยไปมาก่อนนั้นเป็นเพียงแค่ป่าและภูเขาธรรมดาๆเท่านั้นเอง ภาพส่วนใหญ่ที่เธอถ่ายนั้นก็เป็นแค่ทิวทัศน์ง่ายๆที่ใครก็สามารถพบเห็นได้ จึงทำให้ถูกปฏิเสธบ่อยครั้ง

 

          แต่ครั้งนี้นั้นมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ฉากที่งูและกระรอกอาศัยอยู่ร่วมกันฉันท์เพื่อนนั้น ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน บางทีครั้งนี้เธอจะสามารถบรรลุฝันของเธอได้จริง ๆ

 

          แต่อย่างไรก็ตามการที่เธอถูกปฏิเสธมาตลอดก่อนหน้านี้นั้นยังคงทำให้เธอมีอาการประหม่าเป็นอย่างมาก มาเอาใจช่วยกันว่าครั้งนี้เธอจะสำเร็จบรรลุตามฝันได้หรือไม่ ?

 

รีวิวผู้อ่าน