px

เรื่อง : ตำนานงูยักษ์เขมือบโลก
ตอนที่ 21: การล่าอย่างบ้าคลั่ง


ตอนที่ 21: การล่าอย่างบ้าคลั่ง

 

          หลังจากผ่านไปได้ 3 นาทีที่วนเวียนตรวจสอบแหล่งที่มาของกลิ่น ในที่สุดฟ่างหยุนก็มาหยุดอยู่ตรงมุมหน้าทางเข้าของหลุมนั้น

 

           “ จี๊ด...จี๊ด ! ” เสียงร้องแหลมเล็กของสัตว์บางชนิดดังขึ้นมา

 

          ตรวจพบเป้าหมาย !

หนูนา

ประเภท: สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพ 15 หน่วย

 

          ในขณะที่ระบบยังแจ้งเตือนไม่ทันจบดี ฟ่างหยุนในตอนนั้นเองก็ได้ทำการจู่โจมใส่เจ้าหนูเข้าอย่างจังด้วยการกัดพร้อมกับเหวี่ยงลำตัวของเจ้าหนูนากระแทกกับพื้นสองสามที

 

          ในไม่ช้าเขาก็ได้รับพลังงานทางชีวภาพไปถึง 15 หน่วย และตอนนี้ขาดเพียงแค่ 45 หน่วย เขาก็จะสามารถเข้าสู่การวิวัฒนาการได้แล้ว ตอนนี้เขาพยายามที่จะข่มใจไม่ให้ตื่นเต้นและพยายามที่จะเลื้อยออกมาจากโพรงของหนูนาอย่างรวดเร็ว เพราะว่ากลิ่นที่เขาได้รับตอนนี้มันเหม็นมาก

 

          ถึงแม้ว่าตอนนี้ฟ่างหยุนจะกลายเป็นงูและมีประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นที่แย่ลงกว่ามนุษย์ แต่กลิ่นที่โชยมาเตะจมูกของเขาตอนนี้ก็ยังทำให้เขานั้นรู้สึกขนลุกจนอยากจะอาเจียนออกมาอยู่ดี ดังนั้นถ้าเขามีทางเลือกที่ดีกว่าเขาก็คงเลือกที่จะไม่ลงมาในโพรงนี้อย่างแน่นอน

 

          เมื่อออกมาถึงทางเข้าของโพรงแล้วเขาก็รีบทำการกลืนเจ้าหนูนาลงไปในท้องของเขาทันที แต่หลังจากที่กลืนมันลงไปในท้องแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าวันนี้คงจะพอกับการล่าเหยื่อเพียงเท่านี้ เพราะเขาได้กลืนเจ้ากับและหนูนาลงไปในท้องแล้ว ร่างกายของเขาก็โป่งพองขึ้นมา ฟ่างหยุนต้องใช้เวลาสักพักในการย่อยเหยื่อในกระเพาะเสียก่อนถึงจะสามารถคิดล่าต่อไปได้

 

          ตอนนี้ฟ่างหยุนจึงทำได้แต่นอนเหยียดยาวอยู่ในโพรงของเจ้าหนูนาอย่างเงียบๆ เพื่อใช้เวลาสักพักในการย่อยของเขา

 

          อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นทำให้เขานั้นรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็สามารถย่อยเหยื่อในท้องทั้งหมดของเขาได้ ทำให้ร่างกายของเขานั้นกลับมาแบนราบเหมือนเดิม รวมถึงความคล่องแคล่วว่องไวก็กลับมาอีกด้วย

 

          ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วนั้น การกินเหยื่อสองตัวลงไปแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาย่อยครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงเลยก็ว่าได้ ว่าง่ายๆเลยตอนนี้เขาได้อัพเกรดทักษะ “ ย่อยในพริบตา ” แล้วความสามารถในการย่อยของเขาจึงเพิ่มขึ้นมาเป็น 3 เท่าจากปกติ

 

          “ แค่หนูนาอีก 3 ตัว เราก็จะสามารถเข้าสู่การวิวัฒนาการได้แล้ว ! ” เมื่อฟ่างหยุนคิดได้ดังนั้นแล้วเขาก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นออกหน้าออกตาไม่ได้ ตอนนี้เขาพยายามนึกถึงความทรงจำเดิมที่เขาเพิ่งจะเลื้อยผ่านมา เพราะระหว่างที่เขาเลื้อยมานั้นเขาได้พบกับรังหนูนาจำนวนมาก

 

          อย่างไรก็ตามตอนที่เขาเลื้อยผ่านมานั้น เขายังคงอิ่มอยู่จึงทำให้เขาไม่ไปรบกวนพวกมันให้แตกตื่น เพียงแค่เขาใช้ความจำ จดจำสถานที่เหล่านั้นก็เพียงพอแล้ว

 

          ตอนนี้ฟ่างหยุนต้องการพลังงานชีวภาพจากหนูนาพวกนั้น และแน่นอนด้วยสัญชาตญาณนักล่าแล้ว เขาจะไม่มีวันปล่อยพวกมันให้ลอยนวลเป็นแน่แท้

 

          หลังจากที่เลื้อยมา 10 กว่านาที ตอนนี้ฟ่างหยุนก็มาหยุดอยู่ที่รังของเจ้าหนูนาตัวแรก ตอนนี้เขาเริ่มตวัดลิ้นเพื่อตรวจจับความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต ว่าเจ้าของรังนี้ยังอยู่หรือไม่ ปรากฏว่าเจ้าหนูโชคร้ายยังคงนอนอยู่ในนั้น เขาไม่รอช้าพร้อมกับเลื้อยลงไปในรังของมัน

 

          อย่างไรก็ตามเจ้าหนูนาตัวนี้นั้นค่อนข้างจะมีประสาทรับรู้ไวกว่าตัวก่อนหน้านี้ เมื่อฟ่างหยุนนั้นโจมตีไปที่ลำตัวของมัน มันจึงกระโดดไปทางด้านข้างทำให้เขี้ยวที่โจมตีมาโดยตรงจากปากของฟ่างหยุน เฉี่ยวขาของมันไปเท่านั้นเอง หลังจากนั้นมันก็กระโดดเกาะไปที่ผนังของรังพร้อมกับวิ่งข้ามหัวของฟ่างหยุนออกไปอย่างรวดเร็ว

 

          โดยปกติแล้วงูจะล่าเหยื่อโดยการพุ่งเข้าไปกัดที่ลำตัว พร้อมกับส่งน้ำหนักไปที่ขากรรไกรไม่ให้เหยื่อนั้นดิ้นหลุดไปได้ ถ้าหากเหยื่อนั้นสามารถออกห่างจากระยะการโจมตีของงูแล้วละก็ พวกมันจะไม่สามารถไล่ตามเหยื่อได้ทันอย่างแน่นอน

          อย่างไรก็ตามหลังจากที่เจ้าหนูนานั้นหนีออกไปได้ ฟ่างหยุนก็ไม่รอช้าพร้อมกับรีบหันตัวของเขาไล่ตามมันออกไป ตอนนี้คุณสมบัติทางกายภาพของเขามีถึง 2.8 หน่วย ภายใต้ความแข็งแรงขนาดนี้ ความเร็วของเขาก็ไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน ด้วยความเร็วเต็มกำลังเขาสามารถเลื้อยได้ต่อเนื่องถึง 2 ชั่วโมง พลังมหาศาลขนาดนี้เขาสามารถไล่จับเจ้าหนูนาได้อย่างสบายๆ แน่นอน

 

          ตอนนี้เจ้าหนูนาได้วิ่งหนีออกจากรังอย่างบ้าคลั่งไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้านหลัง แต่อย่างไรก็ตามในไม่ช้าฟ่างหยุนก็พบตัวมันเข้าพร้อมกับกัดไปที่ลำตัว เหวี่ยงมันฟาดลงกับพื้น จากนั้นเพื่อความชัวร์เขาใช้ร่างของเขารัดไปที่หนูนาเพื่อให้มันไม่สามารถดิ้นไปไหนได้อีก

 

          หลังจากที่พัฒนาทักษะการกอดรัดมาสักพักด้วยการออกกำลังกายแล้ว ตอนนี้ฟ่างหยุนก้าวหน้าไปอย่างมาก ถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะดิ้นเร็วและแรงเพียงใด ภายในเสี้ยววินาทีเขาก็สามารถใช้ลำตัวพันรอบตัวของเหยื่อได้อย่างง่ายดาย

 

          สองนาทีต่อมาเจ้าหนูนาก็ไม่มีลมหายใจอีกต่อไป  ฟ่างหยุนไม่รอช้ากลืนกินร่างของมันเข้าไปสู่ท้องของเขา ตอนนี้เขาพร้อมที่จะล่าต่อแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจเป็นอย่างมากคือ เมื่อเขาเลื้อยไปถึงรังของหนูตัวต่อไป เขากลับพบว่ารังนั้นว่างเปล่า

 

          “ บางทีเจ้าของรังนี้อาจจะกำลังไปหาอาหารก็เป็นได้ ” ฟ่างหยุนคิดขึ้นมาในใจ และเขาก็เลื้อยไปตามหารังอื่นๆของเจ้าหนูนา อย่างอดทน แต่หลังจากที่ไปถึงรังหนูนาตัวอื่น ถึงสามรังแล้วกลับไม่พบพวกมันเลยสักรังเดียว มันทำให้ฟ่างหยุนฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่างแล้ว เห็นได้ชัดว่าหนูในรังเหล่านี้อาจจะถูกนักล่ามากินพวกมันเป็นอาหารก่อนหน้านี้แล้วเป็นแน่

 

          หลังจากที่กำลังเลื้อยออกมาจากรัง จึงทำให้ฟ่างหยุนนั้นรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย แต่โชคยังพอเข้าข้างอยู่บ้างระหว่างทางเขาสามารถล่ากบลายเสือกินไปได้

 

          กบลายเสือนั้นให้พลังงานทางชีวภาพถึง 10 หน่วย โดยรวมแล้ววันนี้เขาล่าเหยื่อที่ให้พลังงานทางชีวภาพทั้งหมด 50 หน่วย ซึ่งหมายความว่าเขาขาดเพียงอีกแค่ 20 หน่วยก็สามารถเข้าสู่การวิวัฒนาการได้แล้ว

 

          แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามตามล่าเหยื่ออีกจนเวลาล่วงเลยไปถึง 2 ชั่วโมง หากแต่เขาก็ยังไม่พบกับเหยื่อเลยสักตัว เขาคิดว่าวันนี้โชคดีของเขาอาจจะหมดลงแล้วก็เป็นได้ และที่สำคัญพระอาทิตย์นั้นก็ไกล้จะตกดินเต็มทีแล้วในไม่กี่ชั่วโมงพระจันทร์คงจะโผล่ขึ้นมาแทนที่อย่างแน่นอน

 

          แสงแดดรำไรส่องทะลุผ่านใบไม้กิ่งไม้ ตกกระทบมาที่ร่างกายของฟ่างหยุน เดิมทีนั้นเขาวางแผนที่จะจับเหยื่อให้ได้รับพลังงานชีวภาพจนครบและสามารถวิวัฒนาการครั้งที่ 5 ให้ได้ในวันนี้ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้มันจะไม่สามารถเป็นไปได้ตามที่เขาคาดหวังเอาไว้

 

          ด้วยความผิดหวังที่รุนแรงเขาจึงค่อยๆ เลื้อยกลับไปที่ต้นสนยักษ์ต้นนั้น และเมื่อเขากลับมาถึงเขาก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าตอนนี้เขายังคงพบกับสาวน้อยทั้งสี่คนอยู่ที่จุดเดิม และดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเธอนั้นกำลังเตรียมข้าวของเพื่อที่กำลังจะเดินทางกลับ

 

          “ ทุกคน ! ดูนั่นสิ เจ้างูตัวเมื่อเช้ากลับมาแล้ว ” จากมุมมุมหนึ่งนั้นสายตาของเฉินเหมิงก็ได้จดจ้องไปที่ฟ่างหยุนที่พึ่งจะเลื้อยกลับมา เธอไม่รอช้าพร้อมกับเอ่ยทักทายฟ่างหยุน

 

          “ ขอบคุณนะคะคุณงูและคุณกระรอกตัวน้อย เพราะคุณทั้งสองจึงทำให้ตอนนี้ฉันมีแฟนคลับติดตามมากถึง 100,000 คน ! ”

 

          “ หวังว่าจะพบกันในโอกาสหน้า รักษาตัวด้วยนะคะ ”

 

          “ ลาก่อน ! ... ” เมื่อเฉินเหมิงกล่าวคำลาจบลง ทุก ๆ คนที่อยู่ด้วยกันนั้นก็ต่างโบกมือลาฟ่างหยุน จากนั้นหญิงสาวทั้งสี่คนก็เก็บข้าวของสัมภาระพร้อมกับมุ่งหน้าเดินไปสู่เส้นทางที่พวกเขาเดินเข้ามา

 

          ฟ่างหยุนตอนนี้เลื้อยขึ้นไปอยู่บนก้อนหิน พร้อมกับส่งสายตามองตามหลังพวกเขาที่กำลังเดินจากไป ดูจากสถานการณ์ของเด็กสาวสี่คนนี้แล้วเห็นได้ชัดเลยว่าต้องมีหมู่บ้านอยู่ในระแวกนี้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นแล้วพวกเขาคงไม่อยู่ที่นี่จนถึงเวลาป่านนี้เพราะในไม่ช้าป่าแห่งนี้ก็จะเข้าสู่ยามราตรีเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ

 

          เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วฟ่างหยุนก็ค่อนข้างมั่นใจมาเลยทีเดียวว่า ต้องมีหมู่บ้านของมนุษย์อาศัยอยู่ในบริเวณไกล้เคียงกับภูเขาลูกนี้อย่างแน่นอน

 

          เพียงชั่วครู่ฟ่างหยุนก็ทนไม่ได้ที่จะตามพวกเธอไปจากแรงกระตุ้นบางอย่างในหัวเขา ตอนนี้เขาอยากจะหนีไปจากความหนาวเหน็บและความโหดร้ายของป่านี้เพื่อกลับเข้าสู่สังคมของมนุษย์อีกครั้ง

 

          แต่ในไม่ช้าเขานั้นก็ต้องทำใจให้เย็นลง “ ตอนนี้เราเป็นงูแล้วนี่นา สังคมของมนุษย์คงไม่เหมาะกับเราแน่ๆ จะมีแต่เพียงป่าที่เราเกลียดนี่แหละ ที่จะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการอยู่รอดของตัวเราเอง ”

 

          หลังจากที่หายใจเข้าลึกๆแล้ว ฟ่างหยุนก็เลื้อยลงมาจากก้อนหินก้อนใหญ่พร้อมกับเลื้อยเข้าไปที่โพรงบนต้นสนยักษ์

 

          อย่างไรก็ตามระหว่างที่เขากำลังจะหันหัวกลับไปที่ต้นสนนั้น อยู่ๆตัวเขาก็ต้องสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง เพราะสัญชาตญาณของเขานั้นเตือนขึ้นว่าตอนนี้มีอันตรายอยู่ไม่ไกลจากตัวเขา !

         

รีวิวผู้อ่าน