px

เรื่อง : ตำนานงูยักษ์เขมือบโลก
ตอนที่ 22: การวิวัฒนาการครั้งที่ 5


ตอนที่ 22: การวิวัฒนาการครั้งที่ 5

 

          “ ฟ่อ ! ” เป็นเสียงขู่ของงูดังขึ้นมา แต่นั่นไม่ใช่เสียงของฟ่างหยุนกลายเป็นว่าเสียงนี้นั้นมันดังมาจากทางด้านหลังของเขา ฟ่างหยุนรีบหันศีรษะกลับไปมองยังต้นทางของเสียงนั้นทันที และเมื่อหางตาของเขาเหลือบมองเห็น เขาก็รีบเกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนเพื่อเตรียมพร้อมทันที

 

          และสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของฟ่างหยุนนั่นก็คือ...งู ! และก็ไม่ใช่เจ้างูแปลกหน้าที่ไหนมันก็คือเจ้างูเขียวไม้ไผ่ก่อนหน้านี้ที่เขาเคยพบเจอมันมาแล้ว ณ ที่ไม่ไกลจากต้นสนยักษ์แห่งนี้

 

          ฟ่างหยุนเคยพบกับเจ้างูเขียวไม้ไผ่ตัวนี้หลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่เจอกันต่างคนก็ต่างวุ่นกับการล่าเหยื่อของตัวเองเสมอ แต่ครั้งนี้นั้นมันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนี้ฟ่างหยุนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความอันตรายจากแววตาของเจ้างูเขียวไม้ไผ่ที่กำลังจ้องมองเขาอยู่

 

          ทันทีที่ตาของทั้งคู่ผสานกัน เจ้างูเขียวไม้ไผ่ก็ชูหัวขึ้นมาหันหน้าเข้าใส่ฟ่างหยุน จังหวะนี้มันทำให้ฟ่างหยุนรู้ได้เลยว่ามันนั้นกำลังจะโจมตีมาหาเขานั่นเอง ในขณะนี้ระยะห่างของทั้งคู่นั้นห่างกันเพียงแค่ครึ่งเมตร ถ้าฟ่างหยุนไม่เฉลียวใจว่ามีอะไรผิดปกติอยู่ข้างหลังเขาแล้วละก็ ตอนนี้เขาอาจจะต้องตกเป็นเหยื่อของมันไปแล้วก็ได้

 

          ตรวจพบเป้าหมาย

          งูเขียวไม้ไผ่

          ประเภท:สัตว์เลื้อยคลาน

          สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพ 40 หน่วย

ระหว่างที่ฟ่างหยุนกำลังจ้องมองไปยังศัตรูที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ระบบก็ได้ส่งการแจ้งเตือนมาที่เขาในทันที และในทันทีที่เขาได้ยินการแจ้งเตือนของระบบเสร็จสิ้นลง เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ที่มุมปากทันที

 

          หากฝั่งตรงข้ามเป็นงูสีดำซึ่งไม่มีพิษ แน่นอนว่าฟ่างหยุนคงจะโจมตีอย่างไม่ลังเลไปแล้ว แต่ในทางกลับกันตรงหน้าเขานี้คืองูเขียวไม้ไผ่ ประเภทของมันนั้นคืองูที่มีพิษชนิดหนึ่ง แม้ว่าการกัดของมันนั้นจะไม่ทำให้ถึงตายในทันที แต่หลังจากนั้นสักพักผู้ที่ถูกกัดก็จะมีอาการคลื่นไส้เวียนหัวอย่างรุนแรง และถ้าหากว่าแพ้พิษชนิดนี้มากๆ ก็อาจจะช็อคและตายได้ จากที่กล่าวมานี้นั้นสำหรับเหยื่อที่เป็นมนุษย์และขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้ถูกกัดอีกที แต่ถ้าเป็นฟ่างหยุนซึ่งไม่ใช่มนุษย์ถูกกัดเข้าแน่นอนว่าคงไม่รอดเช่นกัน

 

          ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกครั้งที่ทั้งคู่พบกันนั้นต่างคนก็ต่างหาอาหารของตัวเองโดยไม่สนใจอีกฝ่าย แต่ในตอนนี้งูเขียวไม้ไผ่คงจะหิวโหยเป็นอย่างมากจึงมองเห็นฟ่างหยุนเป็นเหยื่อของมัน ผลกระทบส่งมาโดยตรงจากที่สัตว์เล็กสัตว์น้อยในบริเวณนี้ขาดแคลน เป็นเพราะฟ่างหยุนกวาดพวกมันกินไปซะเกลี้ยง

 

          ตามปกตินั้นแค่หนูตัวเล็กๆเพียงตัวเดียวก็สามารถทำให้งูนั้นอิ่มไปได้สักพักหรืออาจจะนานถึงสัปดาห์ จึงทำให้งูเขียวไม้ไผ่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อฟ่างหยุนนั้นเข้ามาตั้งรกรากอยู่บริเวณนี้แล้ว เขาได้ล่าเหยื่อไปจนหมดเกลี้ยงแล้วนั้นจึงทำให้มันไม่มีทางเลือก ว่าง่ายๆก็คือฟ่างหยุนเป็นทั้งคู่แข่งและเป็นทั้งต้นเหตุที่ทำให้มันอดอยากถึงเพียงนี้

 

          แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะฟ่างหยุนก็ยังคิดว่าไม่ใช่ความผิดของตัวเองอยู่ดี เพราะที่นี่มันคือป่ากฏของป่าก็คือผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด

          ดังนั้นจึงถึงเวลาที่ฟ่างหยุนจะตอบโต้กลับไปบ้าง เขาจึงส่งเสียงขู่ออกมาดัง “ ฟ่อ... ! ” พร้อมกับชูคอขึ้นมาและแผ่แม่เบี้ย ที่ต้องทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าฟ่างหยุนเองอยากจะโจมตีงูเขียวไม้ไผ่แต่เพียงว่าเขานั้นต้องการจะเตือนให้มันรู้ตัวว่าอย่างมายุ่งกับเขาเองจะดีกว่า

 

          ในเวลาเดียวกันนั้นเองฟ่างหยุนก็ค่อยๆเลื้อยถอยกลับไปข้างหลังโดยที่สายตายังจ้องมองอยู่กับเจ้างูเขียวไม้ไผ่อย่างไม่กระพริบ เขาไม่ต้องการที่จะให้มีการนองเลือดเกิดขึ้นเพราะผลที่ตามมานั้นมันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

 

          แต่ถึงแม้ว่าเขาจะถอยให้แล้วก็ตาม แต่เจ้างูเขียวไม้ไผ่นั้นกลับไม่สนใจท่าทีของฟ่างหยุนเลยพร้อมกับเริ่มเลื้อยเข้าหาเขาอีกต่างหาก

 

          “ จะไม่ยอมแพ้ใช่ไหม ? แกคิดว่าข้ากลัวแกอย่างนั้นรึ ? ” ตอนนี้ฟ่างหยุนรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างทันทีทันใด เพราะเขาเองก็พยายามจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการต่อสู้แล้ว แต่เจ้างูเขียวไม้ไผ่ก็ยังคงจะเข้ามาหาเรื่องเขาต่อไปอีก

 

          “ ต่างฝ่ายก็ต่างมีพิษ ยังไงก็คงต้องลองวัดกันสักตั้งแล้วแบบนี้ ” ฟ่างหยุนมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้ทักษะ “ พิษมรณะ ” ของเขาได้รับการอัพเกรดเป็นระดับที่ 2 แล้ว ประสิทธิภาพของมันใช่ว่าจะไม่รุนแรง ขนาดตัวสกั๊งค์ ที่ว่ามีความทนทานต่อพิษเป็นอย่างมาก หลังจากที่ถูกเขากัดเข้าไป เพียงแค่ 2 นาทีก็สามารถทำให้มันไปสู่สวรรค์อย่างง่ายดาย และแน่นอนว่าเจ้างูเขียวไม้ไผ่ที่อยู่ตรงหน้านี้มีขนาดลำตัวที่เล็กกว่าสกั๊งค์เป็นไหนๆ ยังไงเสียถ้าหากถูกฟ่างหยุดกัดเข้า ก็คงใช้เวลาไม่นานก็ต้องตายเป็นแน่แท้

 

          และด้วยทักษะ “ ภูมิต้านทาน ” ของฟ่างหยุนที่เพิ่งได้รับการพัฒนา ถ้าหากสู้กันจริงๆ ยังไงซะฟ่างหยุนก็ต้องเป็นฝ่ายชนะอยู่วันยังค่ำ และที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ให้มากที่สุดเป็นเพราะเขานั้นรักสงบจากนิสัยที่เขาเคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ตอนนี้ฟ่างหยุนกล่าวกับตัวเองและจะไม่หนีอีกต่อไป

 

          และเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะต้องต่อสู้ ตอนนี้ฟ่างหยุนก็กระชับกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย พร้อมกับสายตาที่จ้องมองไปยังงูเขียวไม้ไผ่อย่างไม่ลดละ เพื่อรอการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม เขาจะได้หลบทันพร้อมกับตอบโต้กลับอย่างรวดเร็ว

 

          “ ฟ่อ... ! ” งูเขียวไม้ไผ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปิดฉากโจมตีเข้ามา ความเร็วของมันนั้นค่อนข้างที่จะน่ากลัว เพราะเพียงแค่พริบตาเดียวนั้นร่างของมันก็มาถึงตรงหน้าของฟ่างหยุนทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะความเร็วของฟ่างหยุนในตอนนี้นั้นเร็วกว่าเป็นอย่างมาก เพียงแค่เขานั้นชักหัวกลับไปทางด้านหลังของลำตัว เท่านี้เขาก็สามารถหลบการโจมตีของมันอย่างง่ายดาย

 

          ในขณะที่ฟ่างหยุนกำลังหลบการโจมตีอยู่นั้นเขาก็พยายามที่จะถอยเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก แต่เจ้างูเขียวไม้ไผ่ก็ไม่ลดละความพยายาม มันยังคงพุ่งโจมตีฟ่างหยุนอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงแม้ว่าจะพยายามเพียงใดฟ่างหยุนก็เป็นฝ่ายหลบได้เสมอ และเมื่อมันยิ่งพุ่งเข้ามาโจมตีฟ่างหยุนมากเท่าไร พลังงานของมันที่ใช้ไปก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้นจนทำให้ตอนนี้มันดูเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

 

          และตอนนี้เจ้างูเขียวไม้ไผ่นั้นกำลังเลื้อยมาบนพื้นเพื่อที่จะพุ่งเข้ามาหาฟ่างหยุนอีกครั้ง ทันใดนั้นเองฟ่างหยุนก็เห็นโอกาสพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาในใจว่า

 

          “ ตอนนี้แหละ ! ” ฟ่างหยุนพุ่งเข้าไปกัดที่ลำคอของเจ้างูเขียวไม้ไผ่อย่างจัง ซึ่งส่งผลให้เขี้ยวอันแหลมคมทั้งสองนั้นฝังลึกเข้าไปในคอ

          เจ้างูเขียวไม้ไผ่ที่เหนื่อยล้าจากการโจมตี เมื่อถูกกัดเข้าไปเต็มๆที่ท้ายทอยของมัน ตอนนี้มันก็พยายามที่จะหนีไปทางด้านข้างแต่ถึงแม้ว่าจะพยายามเท่าไรมันก็ไม่สามารถดิ้นหลุดจากคมเขี้ยวของฟ่างหยุนได้

 

          และระหว่างที่ปล่อยแรงทั้งหมดที่มีลงไปที่ขากรรไกรแล้ว ฟ่างหยุนก็ไม่รอช้าที่จะปล่อยพิษมรณะเข้าไปในร่างของเจ้างูเขียวไม้ไผ่

 

          ต้องเอ่ยปากชมว่าฟ่างหยุนนั้นเลือกตำแหน่งที่กัดได้ดีมาก เพราะตำแหน่งที่เขากัดนั้นอยู่เลยจากท้ายทอยของเจ้างูเขียวไม้ไผ่ลงไปนิดเดียว ที่เขาเลือกกัดลงไปบนตำแหน่งนี้นั้นเป็นเพราะจะทำให้เจ้างูเขียวไม้ไผ่ไม่สามารถแว้งมากัดที่ตัวของเขาได้

 

          หลังจากที่ถูกคมเขี้ยวฝังอยู่แบบนั้น เจ้างูเขียวไม้ไผ่ก็พยายามที่จะดิ้นหนีอย่างบ้าคลั่ง เพื่อจะหนีให้พ้นจากการถูกกัดในครั้งนี้แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะฟ่างหยุนใช้ลำตัวของเขาเองรัดรอบๆ ลำตัวของมัน

 

          เมื่อเวลาผ่านไปได้เพียงแค่ครึ่งนาทีเท่านั้น ฟ่างหยุนก็รู้สึกว่าตัวเองมีอาการเสียวฟันขึ้นมาจากการกัด ตอนนี้เจ้างูเขียวไม้ไผ่ที่ดิ้นอย่างบ้าคลั่งนั้นก็ค่อยๆ อ่อนแรงลงมาหลังจากนั้นพอครบหนึ่งนาที เจ้างูเขียวไม้ไผ่ก็ไม่สามารถทนพิษของบาดแผลได้ต่อไป จึงหมดลมหายใจไปในที่สุด

 

          เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ไปสู่สวรรค์แล้ว ฟ่างหยุนก็ปล่อยขากรรไกรของเขาจึงทำให้ร่างของเจ้างูเขียวไม้ไผ่นั้นร่วงตกลงมาบนพื้นดัง ตุ๊บ ! ตอนนี้ร่างไร้วิญญาณของเจ้างูเขียวไม้ไผ่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น แววตาของมันนั้นจืดจางลงไปอย่างไร้ชีวิตชีวา และหลังจากนั้นไม่นานฟ่างหยุนก็เริ่มที่จะเขมือบร่างของมันส่งลงไปสู่ท้องของเขาโดยเริ่มจากส่วนหัวก่อนเหมือนอย่างที่เคยทำ

          เป็นเพราะเจ้างูตัวนี้มีความยาวถึง 1.5 เมตร ฟ่างหยุนจึงตัดสินใจกลืนมันลงไปเพียงครึ่งเดียวก่อนและปล่อยส่วนท้ายที่เหลือห้อยออกมาจากปากของเขา เพราะตอนนี้เขารู้สึกอิ่มแล้วเขาตั้งใจจะปล่อยไว้แบบนี้ก่อนจนส่วนที่อยู่ในท้องนั้นถูกย่อยจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเขาก็จะเริ่มกลืนส่วนที่เหลือเข้าไปต่อ

 

          ตอนนี้เขานั้นได้เลื้อยกลับมาถึงรังของเขาที่ต้นสนยักษ์แล้ว เขาได้แต่นอนแผ่หลาอย่างสบายใจบนพื้นโพรงเพื่อรอการย่อยสลายของร่างเจ้างูเขียวไม้ไผ่ และเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเขาก็สามารถย่อยร่างทั้งหมดของมันจนเสร็จสมบูรณ์

 

          “ ตึ๊ง ! การย่อยสลายเสร็จสิ้น ได้รับพลังงานทางชีวภาพ 40 หน่วย ! ” เมื่อได้ยินการแจ้งเตือนของระบบดังนี้แล้ว มันก็ทำให้เขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้เพราะหลังจากการแจ้งเตือนนี้เป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอคอยมาตลอดทั้งวัน

 

          และเพียงชั่วครู่ไม่กี่อึดใจ สิ่งที่เขาเฝ้าคอยหาก็แจ้งขึ้นมา

 

          “ ระบบตรวจพบว่าท่านฟ่างหยุนมีพลังงานทางชีวภาพเพียงพอกับเงื่อนไขของการวิวัฒนาการ ”

 

“ การวิวัฒนาการนั้นจะต้องใช้เวลา 10 นาทีขอให้ท่านฟ่างหยุนนั้นหาที่ปลอดภัยเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนวิวัฒนาการทันที ท่านต้องการจะรับเลยหรือไม่ ? ”

 

          ฟ่างหยุนได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาจึงตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ รับ ! ” และเมื่อตอบรับระบบไปแบบนั้นแล้ว ในไม่ช้าก็มีกระแสความอบอุ่นเกิดขึ้นมาในเลือดของเขาเฉกเช่นเดิมแบบทุกครั้ง และท้ายที่สุดความอบอุ่นนั้นก็เปลี่ยนแปรเป็นความร้อนผ่าวขึ้นมาในทันใด

 

          อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟ่างหยุนได้พัฒนาไปไกลมากแล้ว เขามีความอดทนต่อความเจ็บปวดที่สูงขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เพียงความเจ็บปวดแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีกต่อไป

 

          ฟ่างหยุนค่อยๆ ถูลำตัวไปกับโพรงของต้นไม้ที่เป็นส่วนผนังอย่างช้าๆ และเมื่อเวลาผ่านไปสิบนาที เขามองกลับไปด้านหลังของตัวเองก็ทำให้เห็นถึงคราบของผิวหนังที่เขาลอกไว้ กองอยู่ตรงนั้น จึงทำให้เขาอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นออกมาไม่ได้

 

          ตอนนี้ฟ่างหยุนรู้สึกใจร้อนขึ้นมาเขาต้องการที่จะเห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างในการวิวัฒนาการครั้งนี้ เขาจึงเรียกหาระบบพร้อมกับขอให้ระบบนั้นเปิดคุณสมบัติของเขาขึ้นมา...

 

         

รีวิวผู้อ่าน