ตอนที่ 23 : ฤดูที่เปลี่ยนผัน
หลังจากที่เรียกหาระบบเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองแล้วนั้น ระบบเจ้ากรรมก็ไม่ทำให้ฟ่างหยุนนั้นต้องรอช้า
รายการคุณสมบัติของท่านฟ่างหยุน
ระดับ: 6
พลังงานทางชีวภาพ: 20/1000
คะแนนทักษะ: 6
ความยาวของลำตัว: 1.5 เมตร
เส้นผ่าศูนย์กลาง: 3.6 เซนติเมตร
อำนาจ: 3.0
พลังป้องกัน: 5.0
ความเร็ว: 2.5
ว่องไว: 3.0
วิญญาณ: 4.0
ความแข็งแกร่งทางกายภาพ: 3.8
ทักษะ: พิษมรณะ 2/5,ภูมิต้านทาน 1/5,ย่อยในพริบตา 1/5
ค่าชื่อเสียง: 7122/10000000
“ โอ้โห ! หลังจากวิวัฒนาการในครั้งนี้แล้วลำตัวของเรายาวมาถึง 1.5 เมตร ! ”
หลังจากที่ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองหลังจากที่ได้รับการวิวัฒนาการแล้วนั้น ฟ่างหยุนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ความจริงนั้นก่อนที่เขาจะได้รับการวิวัฒนาการเขาก็พอจะเดาออกได้ว่าร่างกายเขาจะเติบโตไปได้ถึงขนาดไหน
และผลมันก็ออกมาตามที่เขาคาดไว้จริงๆ นอกจากความยาวของลำตัวแล้วอีกส่วนหนึ่งที่ฟ่างหยุนนั้นให้ความสำคัญเป็นอย่างมากนั้นก็คือเส้นผ่าศูนย์กลางของลำตัว ซึ่งหลังจากที่ได้รับการวิวัฒนากาแล้วนั้นมันเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.6 เซนติเมตร ตอนนี้นั้นเขาสามารถกลืนเหยื่อที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 10 เซนติเมตรได้อย่างสบายๆ
ฟ่างหยุนเองก็ไม่ลืมที่จะมองไปยังส่วนอื่นๆ ในฐานคุณสมบัติของตัวเองและแน่นอนว่าทุกอย่างมีการเจริญเติบโตค่อนข้างดีเลยทีเดียว
“ แต่เดี๋ยวก่อนนะ...เราต้องสะสมพลังงานทางชีวภาพถึง 1000 หน่วยเลยเหรอถึงจะเข้าสู่การวิวัฒนาการขั้นต่อไป ”
แม้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่ในฐานคุณบัติของเขานั้นจะทำให้เขามีความสุข แต่ก็มีอย่างนึงที่ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่ามันนั้นทำให้เขาหดหู่ นั่นก็คือพลังงานชีวภาพอันมหาศาลที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการวิวัฒนาการครั้งต่อไป
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาในใจว่าทั่วอาณาเขตของเขานี้ จะมีเหยื่อเพียงพอสำหรับการวิวัฒนาการครั้งต่อไปหรือไม่
อย่างไรก็ตามฟ่างหยุนรีบหยุดความคิดลบๆ นั้นพร้อมกับให้กำลังใจตัวเองเพราะท้ายที่สุดแล้วเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรในธรรมชาติได้ ดีที่สุดนั่นก็คือการทำใจยอมรับมันนั่นเอง
หลังจากที่ทำใจและยอมรับชะตากรรมได้แล้ว เขาก็มองข้ามคุณสมบัติที่เหลือไป แต่แล้วสายตาของเขาก็ดันไปสะดุดอยู่ตรงจุดหนึ่ง นั่นก็คือส่วนของคะแนนทักษะที่ยังเหลืออยู่ เพราะตอนนี้เขาสะสมมันได้ถึง 6 คะแนน ยกเว้นทักษะ “ ภูมิต้านทาน ” แล้วคะแนน 6 หน่วยนี้สามารถนำไปอัพเกรดทักษะส่วนที่เหลือได้ ไม่ว่าจะเป็น “ ย่อยในพริบตา ” นั้นเขาสามารถอัพเกรดมันได้หนึ่งครั้งและถ้าหากเขาเลือกอัพเกรด “ พิษมรณะ ” เขาสามารถอัพเกรดมันได้ถึงสองขั้นเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้สึกลังเลขึ้นมา เพราะเขาไม่รู้เลยว่าจะเลือกอัพเกรดทักษะไหนดี ทั้งสองทักษะนี้มันมีความจำเป็นพอๆกัน
หลังจากครุ่นคิดหนักอยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเลือกที่จะอัพเกรดทักษะ “ ย่อยในพริบตา ” ด้วยขนาดของตัวฟ่างหยุนในปัจจุบันนั้นหากคู่ต่อสู้ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป เขาก็สามารถที่จะใช้พิษมรณะจัดการได้ซึ่งมันก็น่าจะเพียงพอแล้วในตอนนี้
“ กวิ้กกกกก... ” เมื่อได้ยินเสียงร้องนี้ดังขึ้นมา มันก็ทำให้ฟ่างหยุนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความคิดนั้นกลับเข้ามาสู่โลกความเป็นจริง และเมื่อมองไปยังทิศทางของต้นเสียง มันก็ทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้ เพราะเจ้าของเสียงนั้นก็คือเจ้ากระรอก ตอนนี้มันกลับมาที่รังแล้ว แต่ด้วยขนาดที่เปลี่ยนไปถึงสองเท่าของฟ่างหยุนนั้นทำให้มันตกใจจนจ้องมองอย่างไม่ลดละสายตา
เมื่อเจ้ากระรอกจ้องมองที่ขนาดลำตัวของฟ่างหยุนได้สักพัก มันก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปพร้อมกันนั้นมันก็มุ่งหน้าตรงไปยังมุมส่วนตัวของมันเองและหยิบเมล็ดผัก ผลไม้ใส่ปากของมันและเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
ตอนนี้ฟ่างหยุนไม่สามารถจะนอนแผ่หลาได้อีกต่อไปแล้ว เขาทำได้แค่ขดลำตัวให้ม้วนเป็นวงกลม เพราะถ้าหากเขาไม่ทำเช่นนี้แล้วพื้นที่ในโพรงก็ไม่เพียงพอที่จะบรรจุสองชีวิตให้อยู่ข้างในอย่างสุขสบายได้ นอกจากนี้แล้วตอนนี้เขาคืองู การนอนขดตัวนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อเขา
เวลาอันแสนสุขนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว...เพียงแค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้ว 7 วัน ! เมื่อ 5 วันก่อนนั้นมีฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อ 2 วันก่อนหน้านั้นเองเพิ่งจะมีแสงแดดจากพระอาทิตย์ขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง แต่ตอนนี้ฟ่างหยุนก็ไม่ได้รู้สึกร้อนแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
“ อุณภูมิกำลังลดลง ! ” หลังจากที่กำลังสังเกตบางสิ่งบางอย่างได้แล้วนั้น ในเวลาเดียวกันฟ่างหยุนก็ได้มองเห็นว่า ต้นไม้ส่วนใหญ่ในป่านี้กำลังผลัดใบทำให้บนพื้นนั้นเต็มไปด้วยใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมา ก็ทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าตอนนี้ฤดูกำลังเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้นแล้ว ฟ่างหยุนก็อดที่จะกังวลขึ้นมาไม่ได้ ในฐานะของงูแล้วถ้าหากอุณภูมิลดต่ำลงมากๆ ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายก็จะลดลงไปเช่นกัน
และเมื่ออุณภูมินั้นต่ำลงไปจนถึงจุดสุดยอดของมันแล้วล่ะก็ ฟ่างหยุนจะต้องเข้าสู่สภาวะจำศีลอย่างเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะสัตว์ประเภทสัตว์เลือดเย็น ซึ่งมันเป็นหนึ่งในกระบวนการชะลอการเผาผลาญในร่างกายของสิ่งมีชีวิตประเภทนี้
และที่สำคัญไปกว่านั้น การที่งูจะหาที่จำศีลดีๆได้นั้นยากมาก ส่วนใหญ่พวกมันเลือกที่จะอาศัยอยู่ในที่ความแห้งเพียงพอและเมื่อมีตัวหนึ่งเข้ามาอยู่ อีกหลายตัวก็จะตามเข้ามาจำศีลอยู่ด้วยกันนับสิบๆตัว และลองจินตนาการดูว่านักฆ่าเลือดเย็นจำนวนมากมาอาศัยรังเดียวกันเพื่อจำศีลแล้ว เป็นเรื่องยากมากที่จะมีชีวิตรอดออกไปได้อย่างแน่นอน เพราะผู้อ่อนแอย่อมกลายเป็นอาหารของผู้ที่แข็งกว่าตามกฎของป่า
และถ้าหากว่าเลือกสถานที่จำศีลที่ไม่ปลอดภัยและถูกพบเจอด้วยสัตว์ประเภทอื่น อย่างเช่นหนู หรือสัตว์ขนาดเล็กอื่นๆ พวกงูก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นขนมขบเคี้ยวของพวกมันได้ อย่าเพิ่งคิดว่าสัตว์ขนาดเล็กพวกนี้จะไม่กินเนื้อเพียงเพราะว่ามันเป็นสัตว์กินพืช ยามที่มันหิวขึ้นมาอะไรมันก็สามารถกินได้ทั้งนั้น
ดังนั้นแล้วเพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป ฟ่างหยุนจะต้องไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาวะจำศีลให้ได้ ในบริเวณไกล้ๆ กับต้นสนยักษ์นั้นก็ปรากฏภาพของเจ้างูสีเทาที่กำลังซุ่มมองเหยื่ออยู่ในพุ่มไม้โดยที่ระยะตัวมันกับเจ้าเหยื่อนั้นไม่ห่างกันมาก หัวของเจ้างูสีเทาเริ่มที่จะแกว่งขึ้นมาราวกับว่ามีคนโบกมือ เบื้องหน้าของมันนั้นเหยื่อที่มันกำลังจ้องมองอยู่ก็คือนกขนาดใหญ่แต่มีหางที่ยาวลากไปกับพื้นและขนที่ดกเงางาม เมื่อมองให้ชัดๆแล้วก็รู้เลยว่ามันคือไก่ฟ้านั่นเอง
ตรวจพบเป้าหมาย !
ไก่ฟ้า
ประเภท: สัตว์ปีก
สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพได้ 80 หน่วย
ทันทีที่สายตาของฟ่างหยุนมองไปที่ไก่ฟ้าตัวนั้น ระบบก็ส่งข้อความแจ้งเตือนมาให้ยังเขาทันทีทันใด จึงทำให้ฟ่างหยุนนั้นไม่ลังเลที่จะล่าไก่ฟ้าในเวลานี้
จากสิ่งที่พบเจอมันทำให้เขาหวนนึกย้อนคืนไปเมื่อสมัยที่ลำตัวของเขายาวเพียงแค่ 20 เซนติเมตร และในตอนนั้นเองมันก็ทำให้เขาจำได้ว่าเคยพบกับเจ้าไก่ฟ้ามาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ในตอนนั้นเขาทำได้แค่เพียงหลบซ่อนไม่ให้มันเห็นภายใต้ซากทับถมของใบไม้เผื่อที่จะทำให้ตัวเองนั้นไม่กลายไปเป็นเหยื่อของมัน
และตอนนี้เขาเองก็กลายเป็นผู้ล่าอย่างสมบุรณ์แบบและพร้อมที่จะเอาคืนเจ้าไก่ฟ้านี่แล้ว ไก่ฟ้าที่อยู่เบื้องหน้าของเขาตอนนี้กำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารบนพื้นอย่างสบายใจ โดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาหามันแล้วอย่างเงียบเชียบ
ระหว่างที่ฟ่างหยุนนั้นกำลังซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ เจ้าไก่ฟ้าก็เริ่มที่จะเดินเข้ามาไกล้ และไกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อระยะของไก่ฟ้านั้นเข้ามาอยู่ในระยะหวังผลของฟ่างหยุนแล้ว เขาก็ไม่รอช้า พร้อมกับกระชับกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายและพุ่งตรงเข้าไปงับที่คอของเจ้าไก่ฟ้าทันที
คอของเจ้าไก่ฟ้านั้นปกคลุมไปด้วยขนที่มันวาวและหนานุ่มทำให้ยากต่อการปล่อยพิษเข้าไปในกระแสเลือดของมัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามเดิมทีนั้นฟ่างหยุนก็ไม่ได้มุ่งหวังที่จะพ่นพิษใส่ไก่ฟ้าตัวนี้แต่แรกอยู่แล้ว เพราะในขณะที่เขากำลังกัดมันอยู่นั้นเขาก็ใช้ลำตัวนั้นรัดร่างของเจ้าไก่ฟ้าโดยรอบอย่างรุนแรง ในไม่ช้าร่างของมันก็ตกลงไปดิ้นอย่างทุรนทุรายบนพื้นพร้อมกับส่งเสียง
“ ก่อก...ก่อกก ” มันดิ้นชักกระตุกสุดแรงซึ่งเป็นแรงเฮือกสุดท้าย...และในไม่กี่วินาทีมันก็ไม่ขยับร่างของมันอีกต่อไป เพราะการที่ถูกฟ่างหยันรัดจนแน่นทำให้มันหายใจไม่ออกและไปสู่สวรรค์ในที่สุด
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไก่ฟ้าได้หยุดหายใจไปแล้ว ฟ่างหยุนก็เริ่มคลายรัดที่ลำตัวพร้อมกับเขมือบส่วนหัวของไก่ฟ้าเข้าไปในท้องของเขา และหลังจากที่กลืนมันเข้าไปแล้วทั้งตัวตอนนี้ร่างของฟ่างหยุนนั้นก็โป่งพองมากกว่าครั้งไหนๆ มันพองมากจนรู้สึกว่าท้องของเขาจะระเบิดได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับฟ่างหยุน เขาเลื้อยไปมาระหว่างพุ่มไม้เพื่อเลือกหาสถานที่ในการพักผ่อนและย่อยอาหาร สุดท้ายเขาก็พบมุมหนึ่งที่รู้สึกว่ามันปลอดภัยพร้อมกับผล็อยหลับไปตรงนั้น
หลังจากเวลาผ่านไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ไก่ฟ้าตัวใหญ่ในท้องก็ถูกกรดของเขาย่อยสลายไปจนหมดอย่างรวดเร็ว เพราะหลังจากครั้งล่าสุดนั้นเขาได้เลือกที่จะพัฒนาทักษะย่อยในพริบตา จึงทำให้ความสามารถในการย่อยของเขาตอนนี้เร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
“ ตึ๊ง ! การย่อยเสร็จสมบูรณ์ท่านฟ่างหยุนได้รับพลังทางชีวภาพ 80 หน่วย ” เมื่อได้ยินเสียงของระบบในใจของเขาแจ้งมาอย่างนั้นแล้วไม่นาน เขาก็ดึงสติแล้วกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริงต่อไป
“ ได้พลังงานทางชีวภาพเพิ่มมาอีก 80 หน่วย ตอนนี้พลังทั้งหมดของเรามีถึง 320 หน่วยแล้วสินะ ” ขณะที่เลื้อยไปมาระหว่างพุ่มไม้นั้น ฟ่างหยุนเองก็อดที่จะคิดถึงเรื่องพลังงานทางชีวภาพที่เขามีอยู่ในตอนนี้ไม่ได้ เพราะเพียงชั่วครู่เขาก็มีสะสมมากถึง 320 หน่วยแล้ว มันถือว่าค่อนข้างจะเร็วพอสมควรเลยก็ว่าได้
หลายวันที่ผ่านมานี้เขาได้ทำการล่าอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เหยื่อในพื้นที่บริเวณนี้นั้นแทบจะหายสาบสูญไปจนหมด เพราะขณะที่เขากำลังมองหาเหยื่อในวันนี้ เขากลับไม่พบสัตว์ขนาดเล็กจำพวกหนูนาหรือกบเลยแม้แต่ตัวเดียว โชคยังดีที่เขาได้รับคะแนนทางชีวภาพจากเจ้าไก่ฟ้าอยู่บ้าง
“ สงสัยว่าจะต้องขยายอาณาเขตในการล่าแล้วแบบนี้ ” ฟ่างหยุนคิดขึ้นมาในใจขณะที่กำลังมองหาเหยื่อรอบๆ เมื่อฟ่างหยุนนั้นเริ่มที่จะเลื้อยออกไปให้ไกลขึ้น ป่ารอบๆก็ยิ่งดูแปลกตามากขึ้นไปตาม
..........