ตอนที่ 27 : เสี่ยวเว่ย
ในขณะที่ฟ่างหยุนกำลังมองเจ้ากระรอกด้วยสายตาอันอบอุ่นอยู่นั้น เจ้ากระรอกเองก็ไม่รอช้า มันรีบกระโดดจากกิ่งหนึ่งมาอีกสู่กิ่งหนึ่งพร้อมกับมุ่งหน้าเข้ามาหาฟ่างหยุนอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เจ้ากระรอกน้อยยืนอยู่ตรงหน้าของฟ่างหยุน โดยมีท่าทีที่สั่นระริกอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วฟ่างหยุนก็ยิ้มขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเจ้ากระรอกนั้นดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นฟ่างหยุนกลับมาหาตน และการกลับมาที่ล่าช้าขนาดนี้ฟ่างหยุนอาจจะทำให้เจ้ากระรอกเป็นกังวลก็ว่าได้
“ ใครจะไปคิดกันว่าเมื่อกลับชาติมาเกิดเป็นงูแล้ว เราจะได้สัมผัสถึงความห่วงใยจากสัตว์ตัวอื่นในป่าที่เหน็บหนาวและเต็มไปด้วยอันตรายถึงเพียงนี้ ”
ฟ่างหยุนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้จากการกระทำของเจ้ากระรอกน้อยตัวนี้ เขาจึงลูบหัวของมันด้วยความเอ็นดู
เมื่อการกระทำนี้ออกมาจากฟ่างหยุนผู้ซึ่งเป็นงู เจ้ากระรอกน้อยก็ไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจแต่อย่างใด และดูเหมือนว่ามันกำลังเคลิบเคลิ้มและมีความสุขอีกด้วยจากการกระทำที่ไกล้ชิดแบบนี้
หลังจากที่ฟ่างหยุนลูบหัวเจ้ากระรอกเล่นกันอยู่สักพัก ฟ่างหยุนก็หันหัวมองกลับไปที่โพรงไม้พร้อมกับเลื้อยมุ่งหน้าตรงเข้าไป
“ กวิ้กกกกก ! ” เจ้ากระรอกส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่พอใจ มันไม่พอใจที่ฟ่างหยุนหยุดลูบหัวของมัน แต่เมื่อมันเห็นรอยแผลและอาการบาดเจ็บของฟ่างหยุนที่หางแล้ว มันถึงกับต้องตกใจและอุทานออกมา
“ กวิ้ก กวิ้ก ” เจ้ากระรอกน้อยรีบวิ่งไปขวางหน้าของฟ่างหยุนไว้ มันกวักมือบางชี้ไปที่หางของฟ่างหยุนบ้าง ราวกับอยากจะถามถึงสาเหตุว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ฟ่างหยุนเห็นดังนั้นแล้วก็ต้องหยุนคลานทันทีเมื่อเห็นว่ากระรอกน้อยกังวลเกี่ยวกับบาดแผลของตน เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องแสดงออกอย่างไรจึงได้แค่ลูบหัวเจ้ากระรอกพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเข้าสู่โพรงต่อไป
ตอนนี้ฟ่างหยุนนอนอยู่บนขนอันอ่อนนุ่มในรังไม้ พร้อมกับนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตนเอง ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นจะไม่ส่งผลถึงชีวิต แต่มันส่งผลต่อความสามารถของเขาโดยตรง ตอนนี้เขาไม่ควรออกล่าในป่านี้ รวมถึงไม่ควรจะไปไหนไกลๆ จนกว่าอาการบาดเจ็บจะกลับมาหายดีเป็นปกติ
แต่ปัญหาหลักก็คือจำนวนเหยื่อที่ลดลงเป็นอย่างมากในบริเวณนี้ รวมถึงความสามารถในการล่าของเขาก็ลดน้อยลงไปด้วย ทำให้การวิวัฒนาการของเขาต้องเลื่อนไปอีกหลายวันข้างหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าสู่การวิวัฒนาการในเร็ววันได้เป็นแน่
ถ้าไม่กังวลเรื่องความน่ากลัวของนกอินทรีย์และกรงเล็บแล้วละก็ ฟ่างหยุนคิดที่จะอยากปีนขึ้นไปสู้กับมันบนรังสักสามร้อยรอบ
ตอนนี้ฟ่างหยุนรู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปช้ามาก เขามีความจำเป็นอย่างสูงที่จะต้องเข้าสู่การวิวัฒนาการเพื่อรับคะแนนทักษะ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะต้องเข้าสู่สภาวะจำศีลไปโดยปริยาย ทั้งที่ใจของเขานั้นไม่อยากเลยสักนิด ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาจะต้องพยายามทำให้สำเร็จภายในสองสามวันนี้
อย่างไรก็ตามโอกาสของเขานั้นถูกทำลายลงไปเพราะเจ้านกอินทรีย์ ฟ่างหยุนรู้สึกว่าฟันของเขามีความรู้สึกเสียวเป็นอย่างมากในตอนที่เขานั้นนึกถึงความเกลียดชังที่มีต่อนกอินทรีย์ เขาคิดว่าหลังจากที่อัพเกรดทักษะ “ ภูมิต้านทาน ” ได้สำเร็จแล้ว บางทีเขาควรจะมองหาวิธีที่เอาไว้แก้แค้นมันก็เป็นได้
แม้ว่าวันนี้การเผชิญหน้ากันของทั้งคู่ จะทำให้เขาเกือบตายแต่ในทางกลับกันเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาเข้าใจอยู่หนึ่งอย่างและนั่นก็คือความแข็งแกร่งจากเกล็ดของเขาซึ่งมันน่าพอใจเป็นอย่างมาก แม้ว่านกอินทรีย์จะมีกรงเล็บที่แหลมคม บวกกับแรงโฉบที่บินลงมาจากที่สูงแต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้ร่างกายเขานั้นขาดออกจากกันได้ หากเพียงแต่เขาอัพเกรดทักษะ “ ภูมิคุ้มกัน ” อีกสักครั้ง กรงเล็บของเจ้านกอินทรีย์ก็ไม่น่าจะเป็นพิษเป็นภัยสำหรับเขาอีกต่อไป
“ กวิ๊กกกกก ” ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้น พร้อมกับดึงเขาออกมาจากภวังค์แห่งความคิด เขามองไปยังต้นตอของเสียงก็ทำให้เห็นว่าเจ้ากระรอกน้อยในตอนนี้นั้นยืนอยู่ด้านข้างเขา ในมือของมันกำลังยื่นบางสิ่งบางอย่างมาให้
ตอนแรกฟ่างหยุนคิดว่าเจ้ากระรอกคงจะยื่นเมล็ดเกาลัดมาให้เขา แต่เมื่อเขามองดูดีๆแล้วกลับพบว่าสิ่งที่มันมอบให้นั้นก็คือไข่นกกระจอก ! เจ้ากระรอกเอาไข่นกกระจอกมาให้เขาอย่างนั้นหรือ
ตรวจพบเป้าหมาย !
ไข่นกกระจอก
ให้พลังงานทางชีวภาพ 1 หน่วย
โดยปกตินั้น กระรอกเป็นสัตว์กินพืชและผลไม้ แต่ในบางครั้งพวกมันเองก็เปลี่ยนรสชาติด้วยการกินแมลงและไข่ของสัตว์เล็กๆเช่นกัน
ดูเหมือนว่าเจ้ากระรอกคงจะบุกไปในรังของนกกระจอกมา และเมื่อเห็นว่าฟ่างหยุนกำลังได้รับบาดเจ็บมันจึงยื่นไข่ให้เพื่อเป็นการปลอบใจเขา
เหตุใดเจ้ากระรอกน้อยถึงไม่เอาเมล็ดพืชให้แก่ฟ่างหยุน ฟ่างหยุนก็พอจะเดาได้ว่าเป็นเพราะเขาปฏิเสธที่จะรับของพวกนี้อยู่บ่อยครั้งจึงทำให้มันเข้าใจได้ว่าฟ่างหยุนเองคงไม่ชอบกินพืช
เมื่อนึกได้ดังนั้นแล้วฟ่างหยุนก็เริ่มขยับตัว สัตว์นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีจิตใจการกระทำของเจ้ากระรอกในวันนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดี
ฟ่างหยุนกลืนไข่ที่เจ้ากระรอกน้อยมอบให้เขาพร้อมกับลูบหัวมันเบาๆอย่างทะนุถนอมเพื่อเป็นการขอบคุณ จากนั้นเขาก็หมอบลงไปนอนพักผ่อนกายาที่มุมของตัวเอง
กระรอกน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจสองสามครั้ง เมื่อฟ่างหยุนหลับตาลงมันจึงเงียบพร้อมกับทำตัวให้กลมเป็นลูกบอลและนอนหลับไป
“ เสี่ยวเว่ย...! เจ้าหายไปไหนมา ? ” บนเตียงนอนนั้นเฉินเหมิงผู้ที่กำลังแต่งตัวสบายๆ คล้ายกับว่าพร้อมที่จะนอนแล้วเอ่ยถามพร้อมกับหันหน้าไปหาเสี่ยวเว่ยซึ่งกำลังปิดประตูห้องและเดินเข้ามา ในมือของเสี่ยวเว่ยนั้นถืออะไรบางอย่างเข้ามาด้วยจึงทำให้เฉินเหมิงนั้นถามออกไปอีกทีด้วยความสงสัย
“ เสี่ยวเว่ยเจ้าไปซื้อของมารึไง ? ” หลังจากที่ได้ยินเฉินเหมิงเอ่ยถามเช่นนั้นแล้ว สองสาวที่อยู่ในห้องเดียวกันนั้นต่างก็พากันมองไปที่เสี่ยวเว่ยผู้ซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ เสี่ยวเว่ยเจ้าซื้อขนมมาเพิ่มหรือไง ? ” ซ่งหรันผู้ซึ่งนอนฝั่งตรงข้ามกับเฉินเหมิงเอ่ยถามเสี่ยวเว่ยด้วยแววตาที่เป็นประกาย แต่แล้วซ่งหรันเองก็ต้องผิดหวังเมื่อมองไปยังมือของเสี่ยวเว่ยพร้อมกับรู้ว่ามันไม่ใช่ขนมอย่างที่เธอคิด เพราะรูปร่างสิ่งของที่อยู่ในมือของเสี่ยวเว่ยนั้นแบนราบราวกับว่ามันคือหนังสือ
“ เสี่ยวเหมิง ฉันไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย เมื่อกี๊มีคนส่งของมาให้น่ะ ” เสี่ยวเว่ยตอบกลับด้วยท่าทีพิลึก
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบโต้มาจากเสี่ยวเว่ยที่ดูแล้วมันแปลกๆ ผิดไปจากปกติ เฉินเหมิงจึงถามเสี่ยวเว่ยด้วยความลังเลสงสัยอีกว่า
“ เสี่ยวเว่ยเจ้ามีแฟนแล้วใช่ไหมเนี่ย ? ” ทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ขึ้น ซ่งหรันที่ก่อนหน้านี้ผิดหวังจากการไม่ได้กินขนมก็ตาลุกโชนขึ้นมาราวกับมีไฟลุกไหม้แม้แต่เสี่ยวหนิงที่กำลังยุ่งอยู่กับการโทรศัพท์ก็ต้องหยุดชะงักพร้อมกับมองมาที่เสี่ยวเว่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันทีทันใด
เมื่อเห็นแววตาที่ร้อนรนจากการที่อยากรู้อยากเห็นของทุกคนแล้ว เสี่ยวเว่ยก็อดไม่ได้ที่จะเขินอายขึ้นมาทันที เธอหันหน้ากลับมาหาเฉินเหมิงและกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำว่า
“ เสี่ยวเหมิงก็...มันไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย ! ” หลังจากที่เอ่ยแบบนั้นออกมาแล้วเสี่ยวเว่ยก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ เรื่องแฟนนั่นเหลวไหลน่า ลืมมันไปเสียเถอะ แต่สิ่งที่ฉันอยากจะบอกทุกคนว่าของที่มาส่งนั้นมันมาจากนิตยาสารชื่อดังไง ทีมงานเขาส่งตัวอย่างของนิตยาสารฉบับล่าสุดก่อนตีพิมพ์มาให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน เพราะในนี้มีภาพของเจ้างูกับเจ้ากระรอกที่ฉันเคยถ่ายส่งไปยังไงล่ะ ” ในขณะที่เสี่ยวเว่ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เธอได้ยื่นนิตยาสารเล่มนั้นให้เฉินเหมิงได้ดูอีกด้วย
“ อะ...ลองดูเอาเองละกัน ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว เฉินเหมิงที่กำลังตกตะลึงอยู่ก็ต้องตาลุกวาวขึ้นมาทันที พอเห็นดังนั้นเฉินเหมิงก็รีบปีนลงมาจากเตียงเพื่อมารับนิตยาสารที่เสี่ยวเว่ยส่งให้เพื่อตรวจสอบ
“ มันเป็นนิตยาสารในตำนานจริงๆด้วย ” ตอนนี้ทุกคนจึงมารวมกันอยู่ตรงหน้าประตูและทุกคนก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะหนังสือตัวอย่างนี่เป็นของจริง
และในไม่ช้าสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็เกิดขึ้น พวกเขาเปิดข้ามหน้าเพื่อไปดูคอลัมน์ภาพถ่าย และในหน้านั้นก็ปรากฏภาพเดี่ยวเต็มแผ่นคือรูปของเจ้างูและเจ้ากระรอก !
บรรยากาศของรูปนั้นบรรยายธรรมชาติออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีงูตัวสีเทาโผล่หัวมาจากโพรงไม้พร้อมกันนั้นยังปรากฏเจ้ากระรอกน้อยห้อยโหนอยู่บนหัวของงูอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมกันนั้นทั้งคู่ยังส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นโดยการจ้องมาที่เลนส์ของกล้องอีกด้วย
และใต้ของภาพนั้นก็มีเครื่องหมายลายน้ำเป็นชื่อของเจ้าของภาพ
ช่างภาพ: จ่างเว่ย ( เสี่ยวเว่ย )
“ กองบรรณาธิการของนิตยาสารชื่อดังในตำนานนี้ได้โทรมาหาฉัน เขาบอกว่าพวกเขาจะพิมพ์มันจำนวน 50000 ฉบับและในไม่ช้าหนังสือเหล่านี้จะถูกวางขายในห้างร้านอย่างแน่นอน ”
เสี่ยวเว่ยอมยิ้มพรางตามองไปที่รูปของเจ้างูและเจ้ากระรอกพร้อมกับพูดว่า “ ขอบคุณเจ้างูกับเจ้ากระรอกเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฉันสามารถทำตามความฝันที่ตั้งไว้ได้แล้ว หลังจากนี้ถ้ามีเวลาว่างกันอีก พวกเราไปเยี่ยมเจ้างูกับเจ้ากระรอกกันอีกนะ ”
เฉินเหมิงและพวก พยักหน้าตอบตกลงกันอย่างพร้อมเพียง ต้องขอบคุณกระรอกน้อยกับงูจากใจจริง เพราะสัตว์ทั้งสองนั้นจึงทำให้เฉินเหมิงซึ่งชื่นชอบในการถ่ายทอดสดจาก “ ซึกิเธค ” มียอดผู้ติดตามทะลุ 100,000 คนแล้วถ้าไม่มีพวกสัตว์ทั้งสองแล้วเธอคิดว่าเธอก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน