ตอนที่ 29: การกระทำที่กล้าหาญ
“ พุ่บๆๆ ! ” ทันใดนั้นนกอินทรีย์ก็ตบปีกพร้อมกับร่อนลงมาโฉบเจ้ากระต่าย ด้วยความเร็วของมันนั้นทำให้เกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณนั้น แม้แต่ฟ่างหยุนที่อยู่ห่างพอสมควรก็ยังคงได้ยินมันอย่างชัดเจน
กระต่ายที่กำลังกินหญ้าอยู่บนพื้นตอนนี้มันเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกกับเสียงที่เกิดขึ้น พร้อมกับเหลียวมองไปรอบๆ และจู่ๆก็มีเงาสีดำอันมหึมาปรากฏขึ้นมาจากด้านบนหัวของมัน
“ หมับเข้าให้ ! ” เสียงกรงเล็บอันแหลมคมปะทะเข้ากับตัวเจ้ากระต่ายอย่างรุนแรง ร่างของมันถูกกระแทกด้วยน้ำหนักตัวของนกอินทรีย์บวกกับความเร็ว ทำให้มันทั้งคู่ไถลไปข้างหน้า ตอนนี้เจ้ากระต่ายทำได้แค่เพียงดิ้นรนอย่างสุดความสามารถจากความหวาดกลัว แต่มันก็ไม่สามารถหนีให้พ้นจากคมของกรงเล็บได้
ฟ่างหยุนที่อยู่ไกล้ๆนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าร่างของเจ้ากระต่ายถูกเจาะทะลุไปด้วยกรงเล็บของนกอินทรีย์ทำให้แผลนั้นเปิดกว้างจนเห็นเนื้อสดๆ พร้อมกับเลือดที่เริ่มไหลหยดออกมา
“ ยังไงแกก็ไม่รอดหรอกเจ้ากระต่าย ” เมื่อเห็นฉากนี้เกิดขึ้นฟ่างหยุนที่อยู่ในพุ่มไม้ ก็ได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ การโจมตีของนกอินทรีย์ในครั้งนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก เพราะฟ่างหยุนเห็นได้ชัดเจนเลยว่าความยาวของกรงเล็บมากกว่าครึ่ง ฝังอยู่ในร่างของเจ้ากระต่าย เจาะทะลุอวัยวะภายในของมัน นอกจากนี้เพื่อที่จะทำให้เจ้ากระต่ายไปสู่สวรรค์โดยรวดเร็วที่สุด นกอินทรีย์จะใช้ปากของมันจิกลงไปที่หัวใจของกระต่ายเป็นครั้งคราวเพื่อให้หัวใจหยุดเต้น
เจ้ากระต่ายในตอนนี้ดิ้นรุนแรงและชักกระตุกเป็นระยะ ฟ่างหยุนซึ่งอยู่ในพุ่มไม้มองฉากนี้อย่างเลือดเย็นเขากล่าวลอยๆว่าเจ้ากระต่ายคงอยู่ได้อีกไม่นานก็ต้องตายจากไปอย่างแน่นอน
ในความคิดของฟ่างหยุนเดิมทีแล้วเขากำลังจะล่ากระต่ายตัวนี้เป็นเหยื่อ แต่ก็ดันมาถูกนกอินทรีย์แย่งเอาไปและที่สำคัญไปมากกว่านั้นถ้าหากเขาสามารถกินกระต่ายตัวนี้ได้เขาก็จะสามารถเข้าสู่การวิวัฒนาการได้ทันที แต่นกอินทรีย์ตัวนี้กลับมาทำให้ความฝันของเขาพังลงไป
“ พรึ่บๆๆ ! ”เจ้านกอินทรีย์กระพือปีกของมันเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย จากแรงดิ้นของเจ้ากระต่ายที่อยู่ในกรงเล็บของมัน ตอนนี้เจ้ากระต่ายเริ่มที่จะดิ้นน้อยลง น้อยลง และคาดว่าในไม่ช้ามันจะต้องตายอย่างแน่นอน
ทำยังไงดี ? จะสู้หรือจะปล่อยมันไป ฟ่างหยุนกระพริบตาด้วยความลังเล จริงๆแล้วเขานั้นมีความกลัวต่อนกอินทรีย์เล็กน้อยเพราะคราวที่แล้วเขาก็เกือบตายเพราะมัน แต่อีกใจนึงเขาก็ไม่อยากจะเสียโอกาสนี้ไป
ท้ายที่สุดแล้วถ้าหากเขายอมแพ้ให้กับนกอินทรีย์ โอกาสที่จะวิวัฒนาการในวันนี้ให้สำเร็จนั้นก็คงริบหรี่ลงไป ตอนนี้พระอาทิตย์ก็เริ่มที่จะตกแล้วในไม่ช้าความมืดก็จะมาเยือน เวลาสำหรับฟ่างหยุนตอนนี้มีไม่มากแล้ว
ฟ่างหยุนมองนกอินทรีย์จากช่องว่างของพุ่มไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เขามองไปที่ขาอันผอมแห้งของเจ้านกอินทรีย์โดยมีความลังเลในใจว่าจะเสี่ยงโจมตีมันเลยดีหรือไม่
ในช่วงนี้กำลังชุลมุนอยู่นั้น อยู่ๆก็มีเสียงสวรรค์จากระบบดังขึ้นมาในหัวของเขา
“ ตึ๊ง ! ท่านฟ่างหยุนได้รับคะแนนชื่อเสียง 10,000 หน่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับคะแนนทักษะ 5 คะแนนเป็นรางวัล ”
หลังจากที่ได้รับการแจ้งเตือนของระบบมาแบบนั้นแล้ว มันจึงทำให้ฟ่างหยุนตกตะลึงจนแทบจะเสียสติ ไม่ช้าเขาจึงรีบเรียกดูฐานข้อมูลคุณสมบัติของตัวเอง และพยายามมองไปที่ช่องของค่าชื่อเสียง ตอนนี้มันขึ้นไปแตะถึง 10,000 หน่วยแล้ว ดูเหมือนว่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอีกด้วย
“ วีดีโอตอนนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอย่างนั้นหรอกหรือ ? ” ฟ่างหยุนเดาสุ่มว่าตอนนี้อาจเป็นเพราะวีดีโอของเขามีคนเข้ามารับชมจำนวนมาก แต่น่าเสียดายว่าการคาดเดานั้นผิดถนัด เพราะค่าชื่อเสียงของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นมาจากวีดีโอ แต่เป็นเพราะนิตยาสารชื่อดังซึ่งมีรูปถ่ายของเขากับเจ้ากระรอกที่กำลังเผยแพร่สู่สาธารณะในเวลานี้ต่างหาก
เมื่อมีคนมองเห็นรูปภาพของเขา ที่ถูกถ่ายโดยเสี่ยวเว่ย แล้วเกิดความประทับใจขึ้นมาตรงนั้นเองที่จะเป็นส่วนเพิ่มค่าชื่อเสียงให้กับเขา
ตอนนี้ฟ่างหยุนกับเจ้ากระรอกกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้ติดตามนิตยาสารชื่อดังในตำนาน หลายคนพยายามส่งอีเมลถามกับทางบรรณาธิการของนิตยาสารว่าภาพนี้เสี่ยวเว่ยนั้นถ่ายที่ไหน
แต่ถึงอย่างนั้นก็ช่างเถอะฟ่างหยุนเองไม่ได้ถึงคิดถึงเรื่องคะแนนชื่อเสียงของเขาจริงๆจังๆ ตอนนี้เขาใส่ใจกับการที่ว่าจะเอาคะแนนทักษะนั้นไปอัพเกรดส่วนไหนเสียมากกว่า
“ ระบบข้าฟ่างหยุนขออัพเกรดทักษะ พิษมรณะเพิ่มอีก 1 ขั้น ” หลังจากที่คิดอยู่สักพักนั้น ฟ่างหยุนก็ตัดสินใจเลือกที่จะอัพเกรดทักษะพิษมรณะเพิ่มอีกขั้นทันที และหลังจากที่เขาร้องขอกับระบบไปแบบนั้นแล้วเขาก็รู้สึกเสียวซ่านขึ้นมาที่บริเวณเขี้ยวของเขา เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้ต่อมพิษของเขาเองขยายใหญ่มากขึ้น
หลังจากที่รับรู้ตัวเองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่พัฒนาให้ดีขึ้นแล้ว เขาก็หันกลับไปมองจ้องที่เจ้านกอินทรีย์ด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมขึ้น
เหตุผลที่ฟ่างหยุนเลือกที่จะอัพเกรดทักษะ พิษมรณะนั้น ก็เพื่อจะนำมาใช้จัดการกับเจ้านกอินทรีย์ตัวนี้โดยเฉพาะ !
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว เขาที่กำลังจะมุ่งหน้าเข้าไปหามัน แต่เขาก็ยังคงลังเลใจอยู่ว่าจะแย่งเหยื่อตรงๆจากกรงเล็บหรือว่าเขาจะต้องฆ่านกอินทรีย์ก่อนดี
หลังจากที่เพิ่มพลังให้กับทักษะ พิษมรณะจนถึงขั้นที่ 3 ความรุนแรงของพิษนี้ก็น่าจะทรงพลังมากขึ้นอย่างแน่นอน มันทำให้ฟ่างหยุนคิดว่าถ้าหากเขานั้นได้พุ่งเข้าไปกัดที่ขาของเจ้านกอินทรีย์แล้วละก็ มันจะต้องเป็นอัมพาตอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ทำให้มันสูญเสียความสามารถในการโจมตี รวมถึงการบินหนีของมันภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีอีกด้วย
แน่นอนว่าการที่จะเข้าไปกัดเจ้านกอินทรีย์นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย...ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ฟ่างหยุนก็ไม่รอช้าเขารีบเลื้อยพุ่งตรงไปหาเจ้านกอินทรีย์ราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกมาจากคันธนู เขาทุ่มแรงกายที่มีทั้งหมดให้กับความรวดเร็วในการตรงเข้าไปหามัน
“ แกว้กกกกก ! ” การเลื้อยของเขานั้นรวดเร็วอย่างมากทำให้เกิดเสียงเสียดสีระหว่างตัวเขากับพื้นดิน และเสียงนี้นั่นเองทำให้นกอินทรีย์ที่ได้ยินถึงกับตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงูที่มีขนาดลำตัวใหญ่ยาวถึง 1.5 เมตรอย่างฟ่างหยุน แน่นอนว่ามันเห็นภัยร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาหา มันจึงทำได้แต่อ้าปากค้าง
เมื่อตกอยู่ในความกลัวแล้วเจ้านกอินทรีย์ก็เผลอปล่อยกระต่ายที่อยู่ในกรงเล็บตกลงมาพร้อมกับกระพือปีกบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่รู้ตัว
ในเวลาเดียวกันนั้นฟ่างหยุนที่คลานอย่างสุดแรงเกิดเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปหาเจ้านกอินทรีย์ เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะบินหนีเขาก็รีบพุ่งเข้าไปสุดแรงเพื่อง้างปากจะกัดขาของมัน แต่นั่นมันก็สายเกินไปเสียแล้ว ฟ่างหยุนได้แต่กัดอากาศเปล่า ตอนนี้นกอินทรีย์ได้บินหนีไปเสียแล้ว
“ นึกว่าจะแน่...เกือบจะกัดมันได้แล้วเชียว ” ฟ่างหยุนเอ่ยปากออกมาอย่างเสียดาย แต่ทั้งนี้เขาก็ไม่ได้ประมาทพร้อมกับเลื้อยตรงเข้าไปยังพุ่มไม้ เขาจะไม่ยอมเป็นเป้านิ่งให้กับนกอินทรีย์อีกต่อไป
กระต่ายที่เคยเกือบจะได้ไปสู่สวงสวรรค์เพราะกรงเล็บของเจ้านกอินทรีย์ตอนนี้ร่างของมันเป็นอิสระแล้ว มันจึงไม่รอช้าพร้อมกับกระโดดพุ่งหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
“ กว้ากกกกก ! ” บนท้องฟ้าตอนนี้ปรากฏเสียงร้องดังกึกก้องของนกอินทรีย์ด้วยความโมโห ฟ่างหยุนแน่ใจเลยว่าตอนนี้เจ้านกตัวนี้คงจะต้องจำเขาได้และจำเขาได้ในทางที่ลบ อย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้นฟ่างหยุนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมัน เพราะในไม้ช้าฟ่างหยุนจะเข้าสู่การวิวัฒนาการแล้ว หลังจากที่มีการวิวัฒนาการในครั้งต่อไปเสร็จสิ้น เขาจะมีขนาดลำตัวที่ใหญ่ขึ้นไปอีก พร้อมกันนั้นเขาก็จะเลือกพัฒนาทักษะ “ ภูมิต้านทาน ” เพื่อให้เขามีความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายมากยิ่งขึ้น ต่อไปนกอินทรีย์ก็จะไม่ใช่คู่มือของเขาอีกต่อไป ในความเป็นจริงแล้วถ้าหากเจ้านกอินทรีย์ถูกเขากัดเข้าสักที แน่นอนว่าพิษมรณะที่ได้รับการอัพเกรดถึงขั้นที่ 3 สามารถทำให้มันตายได้ในพริบตา
ฟ่างหยุนตอนนี้เฝ้ามองนกอินทรีย์บินวนรอบอากาศด้านบนท้องฟ้า มันส่งเสียงร้องคำรามอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมากถึงสองสามที จากนั้นไม่กี่นาทีมันก็ส่งเสียงร้องออกอีกรอบพร้อมกับจากไปในที่สุด
“ ไปแล้วสินะเจ้านกบ้า ” ฟ่างหยุนก้มหัวลงพร้อมกับเลื้อยออกจากพุ่มไม้ช้าๆ ทีนี้เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้านกอินทรีย์นั้นจากไปจริงๆแล้ว เขาจึงจะเลื้อยออกมาทั้งตัว
ฟ่างหวินตวัดลิ้นเข้าออกเพื่อตรวจจับสิ่งมีชีวิตต่อด้วยความโล่งอก ตอนนี้ดวงตาของเขาสว่างไสวไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับเลื้อยตรงเข้าไปยังทิศทางที่อยู่เบื้องหน้า
หลังจากที่เลื้อยไปได้สักพักเขาก็หยุดเลื้อยพร้อมกับกระโจนเข้าไปในพุ่มไม้ดังเดิม เมื่อเข้าไปถึงในพุ่มไม้เต็มตัวแล้วเขาจึงหยุดเคลื่อนไหว ตอนนี้ด้านหน้าของเขานั้นปรากฏร่างกระต่ายตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดิน
แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้ากระต่ายจะสามารถหนีรอดจากกรงเล็บของนกอินทรีย์มาได้ แต่ช่างโชคร้ายที่มันไม่สามารถจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ เพราะบาดแผลที่รุนแรงจากกัดจิกกัดของนกอินทรีย์ และหลังจากที่หนีมาได้สักพัก มันก็ต้องหยุดและนอนล้มลงอย่างที่เห็น
ฟ่างหยุนจึงเลื้อยไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของเจ้ากระต่าย ในขณะนี้เจ้ากระต่ายเหมือนจะรู้ว่ายังไงก็ต้องไปสู่สวรรค์มันจึงไม่คิดขัดขืนแต่อย่างใดพร้อมกับหลับตาของมันลง
โดยไม่ต้องลังเลต่อสิ่งอื่นใด ฟ่างหยุนจึงทำการกลืนร่างของเจ้ากระต่ายลงไปสู่ท้องทันที หลังจากที่กินอิ่มแล้วฟ่างหยุนก็เหยียดตัวนอนลงใต้พุ่มไม้ เพื่อรอให้ร่างของเจ้ากระต่ายในท้องของเขานั้นถูกย่อยสลายให้เสร็จสมบูรณ์ และหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็จบสิ้นลง
“ ตึ๊ง ! ระบบตรวจพบว่าท่านฟ่างหยุนนั้นมีพลังงานทางชีวภาพเพียงพอต่อเงื่อนไขการวิวัฒนาการ ! และการวิวัฒนาการในครั้งนี้จะใช้เวลา 10 นาที ขอให้ท่านฟ่างหยุนหาที่ปลอดภัยต่อการเข้าสู่ขั้นตอนนี้ด้วย ”
“ ท่านฟ่างหยุนต้องการที่จะรับการวิวัฒนาการตอนนี้เลยหรือไม่ ? ” ทันทีที่ระบบแจ้งเตือนมาแบบนี้แล้วในหัวของฟ่างหยุน แต่รอบนี้เขายังไม่เลือกที่จะเข้าสู่การวิวัฒนาการในตอนนี้ เพราะแหงนมองท้องฟ้ามันก็เริ่มที่จะมืดลงแล้ว เขาเลือกที่จะเลื้อยกลับไปที่รังนอน พร้อมกันนั้นค่อยรับการวิวัฒนาการเมื่อไปถึงที่รังนอนของเขา