
1516 วันที่แล้ว
ม่ายน่าาาาสนึกว่าจะผจภัยไปด้วยกันนนน

1520 วันที่แล้ว
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยครับ

1553 วันที่แล้ว
สงสารน้องกระรอก
ตอนที่ 30 : ลาก่อนเพื่อนยาก
เมื่อฟ่างหยุนกลับมาถึงโพรงไม้ ตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดลงแล้วท้องฟ้าสีส้มเมื่อครู่บัดนี้มันถูกทาบทับไปด้วยสีดำ เมื่อเห็นว่าฟ่างหยุนกลับมาแล้วในที่สุดเจ้ากระรอกน้อยที่มายืนรอรับฟ่างหยุน อยู่ตรงทางเข้าโพรงไม้ก็ได้แสดงอาการโล่งใจออกมา ตอนนี้เจ้ากระรอกกลับไปที่มุมของตัวเองและขดตัวเป็นลูกบอลเพื่อเตรียมพร้อมที่จะหลุดเข้าไปสู่ห้วงแห่งนิทราแล้ว
ในอีกด้านหนึ่งของโพรงไม้ฟ่างหยุนไม่ได้หลับพร้อมกับเจ้ากระรอกแต่เขาพูดกับระบบในหัวของเขาว่า “ ข้าต้องการที่จะรับการวิวัฒนาการในตอนนี้ ”
เมื่อพูดจบลงไปแล้วนั้นความรู้สึกอันร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นมาในกระแสเลือดเหมือนกับทุกๆครั้งนั้นก็ถูกทำงานโดยอัตโนมัติ ฟ่างหยุนผู้ซึ่งเคยชินกับการเจ็บปวดแบบนี้มาหลายครั้งหลายหน แต่ทว่าเขายังคงพยายามถูร่างไปมากับพื้นผนังของโพรงไม้ เพื่อให้กระบวนการวิวัฒนาการของเขานั้นเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี พอเวลาผ่านไปสิบนาทีการวิวัฒนาการครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง
ในเวลานี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่า ร่างกายของเขาเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างมาก ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวจนถึงขั้นรู้สึกอึดอัดกับการอาศัยอยู่ในโพรงไม้แห่งนี้
แม้ว่าจะกำลังรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เขาก็ไม่อยากจะเสียเวลาจึงเรียกหาระบบเพื่อตรวจสอบรายการคุณสมบัติของตัวเองทันที
รายการคุณสมบัติของท่านฟ่างหยุน
ระดับ: 7
พลังงานทางชีวภาพ: 35/3,000
คะแนนทักษะ: 9
ความยาวลำตัว: 2.2 เมตร
เส้นผ่าศูนย์กลาง: 4.5เซนติเมตร
ความแข็งแรง: 6.0
พลังป้องกัน: 6.0
ความเร็ว: 3.0
ว่องไว: 3.5
วิญญาณ: 5.0
ความแข็งแกร่งทางกายภาพ: 4.8
ทักษะ: พิษมรณะ 3/5,ภูมิต้านทาน 1/5,ย่อยในพริบตา 2/5
ค่าชื่อเสียง: 11,024/10,000,000
หลังจากที่ได้รับการวิวัฒนาการในครั้งนี้ความยาวลำตัวของเขายาวถึง 2.2 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 4.5 เซนติเมตร สำหรับรูปร่างขนาดนี้แล้วเรียกได้ว่าเป็นงูเหลือมขนาดเล็ก เลยก็ว่าได้
ท้ายที่สุดนี้ความยาวของโพรงซึ่งเป็นเตียงนอนของเขานั้นยาวแค่ 2 เมตร และขนาดลำตัวของฟ่างหยุนตอนนี้ยาวกว่าเตียงนอนของเขาไปเสียแล้ว
ตามขนาดร่างกายของฟ่างหยุนในปัจจุบัน ถือได้ว่าเขาเป็นพี่เบิ้มของงูสายพันธุ์นี้เลยก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วงูสีเทาที่โตเต็มที่จะมีความยาว 100 - 183 เซนติเมตร หลังจากที่ตรวจสอบฐานข้อมูลของตัวเองแล้ว ฟ่างหยุนก็ค่อยๆเรียกความสงบกลับมา เพราะตอนนี้เขาได้เจอกับปัญหาใหญ่เสียแล้ว
หลังจากที่วิวัฒนาการขนาดของลำตัวของเขาใหญ่ขึ้นมาก มันใหญ่จนโพรงไม้นี้ไม่สามารถรองรับเขาได้อีกต่อไป ถ้าหากจะให้ดีสำหรับเขาแล้ว เขาอาจจะต้องรบกวนพื้นที่ส่วนตัวของเจ้ากระรอก มันจะถึงพอเพียงสำหรับเขา และนอกจากนี้แล้วการวิวัฒนาการครั้งต่อไปต้องใช้พลังงานทางชีวภาพถึง 3,000 หน่วย
ในพื้นที่บริเวณนี้ถ้าหากเขาจะต้องสะสมพลังงานให้มากพอถึง 3,000 หน่วย เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าเขาจะต้องใช้เวลาทำมันกี่ปี และหลังจากการที่เขาได้รับการวิวัฒนาการสู่ขั้นต่อไปแล้ว เกณฑ์ของพลังงานทางชีวภาพก็จะยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ต้องจากลาแล้วก็ได้ ฟ่างหยุนมองไปที่กระรอกน้อยที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่อีกมุมของโพรงพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ บอกตามตรงว่าหลังจากที่ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมานานพอสมควรเพียงแค่คิดว่าจะต้องจากลากันไปก็ทำให้เขานั้นเศร้าใจขึ้นมาในทันที
แม้ว่าเจ้ากระรอกน้อยนั้นจะไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้โดยตรง แต่มันก็ถือว่าเป็นเพื่อนรักของเขาไปแล้ว ทุกครั้งที่ฟ่างหยุนเหนื่อยล้าจากการล่าสัตว์กลับมา การได้เห็นหน้าเจ้ากระรอกนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเป็นอย่างมาก การเป็นเพื่อนกับเจ้ากระรอกนั้นทำให้เขาไม่ต้องกลายเป็นสัตว์เลือดเย็นจากการล่าที่แท้จริง
หากเขาต้องจากลาจากที่นี่ไปจริงๆ เขาจะต้องกลับไปเป็นนักล่าผู้โดดเดี่ยวแบบตอนที่ผ่านมาอย่างแน่นอนรวมทั้งเขายังต้องเผชิญหน้ากับความหนาวและความโหดเหี้ยมของป่านี้เพียงลำพัง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฟ่างหยุนคงต้องจำใจยอมรับมันให้จงได้
เพื่อที่จะทำภารกิจให้เสร็จตามที่ระบบได้มอบหมายมารวมไปถึงการได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดตอนที่เป็นมนุษย์แล้วฟ่างหยุนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบอกลาที่นี่
หลังจากที่เงียบไปสักพักฟ่างหยุนก็ต้องถอนหายใจออกมา ถึงแม้ว่าจะยังมีความอาลัยอาวรณ์อยู่นั้นเขาก็รีบพิจารณาฐานคุณสมบัติของตัวเขาอีกครั้ง
“ ตอนนี้ข้ามีคะแนนทักษะถึง 9 คะแนน และถ้าหากข้าเลือกที่จะอัพเกรดทักษะภูมิต้านทาน มันก็สามารถเลือกได้แค่เพียงอย่างเดียว ”
“ เอาวะ...ระบบช่วยอัพเกรดทักษะ ภูมิต้านทาน ให้กับข้าด้วย ” ทันทีที่ฟ่างหยุนตัดสินใจบอกระบบแบบนั้นแล้ว ทักษะ “ภูมิต้านทาน” ของเขาในตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นระดับที่ 2/5ในทันที หลังจากที่อัพเกรดเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็นอนหลับไป
เช้าตรู่ของเช้าวันต่อมา ในขณะที่ฟ่างหยุนกำลังตื่นนอนนั้นเขาก็ได้มองเห็นเจ้ากระรอกที่พยายามจะขยี้ตามองมาที่ลำตัวของเขา ทำให้ฟ่างหยุนอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มขึ้นมาทันที
หลังจากที่ฟ่างหยุนมีขนาดลำตัวที่ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้ากระรอกน้อยก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตกใจมากมายเหมือนครั้งแรก แต่มันก็ยังคงมองฟ่างหยุนอย่างสงสัยอยู่ดี ตัดมาที่ฟ่างหยุน เขาค่อยๆเลื้อยเข้าไปหาเจ้ากระรอกพร้อมกับลูบหัวมันเบาๆ ด้วยความทะนุถนอม
เจ้ากระรอกน้อยหลังถูกลูบหัวก็ทำตาปรือด้วยความเคลิบเคลิ้ม ตอนนี้ฟ่างหยุนได้หยุดลูบหัวของมันแล้วเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าอันอ่อนโยนของเจ้ากระรอกน้อยอย่างถี่ถ้วนเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะจดจำใบหน้าอันมีความสุขของมันอย่างไม่มีวันลืม โดยจะฝังภาพแห่งความสุขนี้ไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจที่เขามี
การแสดงออกของเจ้ากระรอกน้อยนั้นไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าฟ่างหยุนนั้นกำลังจ้องมองไปที่ตาของมัน มันก็แสดงท่าทางตอบรับขับขานอย่างร่าเริงออกมา
ตอนนี้ฟ่างหยุนได้เลื้อยออกมาจากโพรงไม้และเมื่อเขาลงมาถึงพื้นดินแล้วเขาก็เหลียวหันกลับไปมองที่โพรงอีกรอบ เขากำลังจะต้องจากที่นี่ไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาหามันอีกหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงอยากที่จะพยายามจำทุกส่วนของที่นี่ไว้ในความทรงจำของเขา
“ กวิ้ก กวิ้ก ! ” เจ้ากระรอกวิ่งออกจากโพรงมา พร้อมกับส่งเสียงหาฟ่างหยุนอย่างร่าเริง จากนั้นก็กระโดดไปตามกิ่งไม้พร้อมกับหายตัวเข้าไปในป่า เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของฟ่างหยุนแต่อย่างใด
เมื่อมองดูเพื่อนคนเดียวของเขาจากไปแล้ว ฟ่างหยุนก็เลื้อยไปต่อ ตอนนี้เขามุ่งหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก แต่ว่าเขาไม่ได้เข้าไปในป่าที่ลึกกว่าเดิม ตอนนี้เขาตัดสินใจไปที่ทุ่งหญ้าแทน
เพราะว่าตอนนี้เขายังเหลือบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำ เมื่อเลื้อยออกมาจากป่าที่รกทึบแล้วฟ่างหยุนในตอนนี้ก็จงใจที่จะเปิดเผยตัวตนต่อการมองเห็นจากทางอากาศโดยเขาเลื้อยไปช้าๆ บนพื้นที่โล่งอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
ขณะที่ฟ่างหยุนกำลังเลื้อยไปอย่างช้าๆ ในทุ่งหญ้านานกว่าหนึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นเองเงาสีดำก็ปรากฏอยู่เหนือลำตัวของเขา
จากนั้นเขาหยุดเคลื่อนที่สักพักพร้อมกับแหงนหน้ามองเจ้าของเงาดำนี้ และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเจ้าของเงาดำนี้จะเป็นใครที่ไหน มันก็คือเจ้านกอินทรีย์ !
บางทีนี่อาจจะเป็นการแก้แค้นหรือไม่ก็เป็นการฆ่าภัยคุกคามที่อาจจะส่งผลต่อเจ้ากระรอกในการดำรงชีวิต ในตอนนี้ฟ่างหยุนตัดสินใจที่จะจัดการกับเจ้านกอินทรีย์ตัวนี้ก่อนที่เขานั้นจะจากไป
นกอินทรีย์นั้นโดยปกติแล้วมันจะใช้ปีกของมันบินอยู่บนท้องฟ้าแทบจะตลอดเวลา ในฐานะสัตว์บกแล้วหากอยากจะฆ่านกอินทรีย์โอกาสนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ว่าได้
แต่ถ้าหากฟ่างหยุนใช้สมองหลอกล่อมันลงมา ทำไมมันจะไม่เป็นผลสำเร็จเล่า ? จากประสบการณ์โดยตรงของฟ่างหยุนแล้ว ที่บริเวณแห่งนี้นั้นเป็นพื้นที่หลักในการออกหาอาหารของนกอินทรีย์ เขาจึงมาที่นี่เพื่อจะลองหลอกล่อมันดู เผื่อว่าอาจจะเจอกับมันที่นี่
และแน่นอนว่านกอินทรีย์ตัวนี้ก็มาที่นี่จริงๆตามที่คาดเดาไว้ ฟ่างหยุนเริ่มเคลื่อนที่ไปมา เร็วบ้างช้าบ้างเพื่อให้ตัวเขาเองนั้นกลายเป็นจุดสนใจต่อนกอินทรีย์ เขาเชื่อว่าในไม่ช้าเมื่อนกอินทรีย์ตัวนี้พบเจอตัวเขาเข้าแล้ว มันคงไม่ปล่อยโอกาสที่จะฆ่าเขาให้หลุดลอยไปได้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้วนกอินทรีย์ตัวนี้ก็มองเห็นว่างูเป็นแค่อาหารสำหรับมัน แต่ลึกๆแล้วในใจของพวกมันก็ยังคงเกลียดงูแต่เดิมอยู่แล้ว
และมันก็เป็นไปตามที่ฟ่างหยุนคาดคะเนไว้ นกอินทรีย์ตัวนี้หลังจากที่พบเข้ากับตำแหน่งเขาแล้วมันก็บินวนไปวนมาสองสามรอบก่อนที่จะพุ่งลงมาโฉบตัวเขา
“ วู้บบบบบ ! ” นกอินทรีย์ตีปีกแหวกอากาศลงมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ขนของมันโต้กับลมดูเป็นสง่าราวกับนักฆ่ากำลังจะลงมือ ไม่รู้เลยว่ามันจะสามารถจำฟ่างหยุนผู้ซึ่งทำให้มันพลาดอาหารจานโตไปเมื่อวันก่อนได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆมันคงคิดว่างูเป็นอาหารที่ดีสำหรับมันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่สิ่งที่แน่นอนตอนนี้คือมันพยายามที่จะล่าฟ่างหยุนอย่างสุดความสามารถ ไม่กี่วินาทีต่อมาตอนนี้นกอินทรีย์ก็เกือบจะพุ่งมาถึงร่างของฟ่างหยุนแล้ว มันกระพือปีกพร้อมกับเหยียดขาที่มีกรงเล็บอันแหลมคมเพื่อที่จะเจาะทะลุผ่านหัวของฟ่างหยุนผ่านความแรงจากแรงดึงดูดของโลก
ขณะที่กรงเล็บอันแหลมคมนั้นมาถึงหัวของฟ่างหยุนแล้ว เขาเพียงแค่โยกหลบไปทางซ้ายในเสี้ยววินาทีโดยความเร็วที่ติดตัวเขา ทำให้เจ้านกอินทรีย์นั้นวืด ตะครุบได้เพียงแค่ลม
“ ตู้มมมมม ! ” นกอินทรีย์เมื่อพลาดจากการตะครุบพร้อมกับแรงส่งที่โฉบลงมาทำให้มันตกกลิ้งลงไปบนพื้นสองสามตลบจนทำให้ขาของมันแทบหัก
“ ตอนนี้แหละ ! ” ฟ่างหยุนกระพริบตาพร้อมกับแผ่แม่เบี้ยขึ้น เขาพุ่งตรงไปที่ขาของนกอินทรีย์อย่างรวดเร็ว
“ แกว้กกกกก ! ” เมื่อเขี้ยวของฟ่างหยุนฝังลงไปในลำตัวของมัน เจ้านกอินทรีย์ก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกันนั้นมันพยายามใช้ขาที่มีกรงเล็บของมันตระกุยตัวฟ่างหยุนให้หลุดออกจากตัวมันโดยเร็ว จากนั้นมันจึงรีบกระพือปีกเพื่อบินหนีไป
หลังจากที่มันบินไปได้สักพัก ร่างกายของมันตอนนี้เริ่มที่จะแข็งทื่อทันทีรู้สึกได้ว่าปีกของตัวเองนั้นไร้ซึ่งพลังงานแล้วมันจึงร้องออกมาด้วยความเจ็บใจพร้อมกับร่างที่ร่วงลงมาสู่พื้นดิน
“ ตุ้บ ! ” เมื่อมันตกลงมาถึงพื้นจึงทำให้เกิดเสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณ ครั้งนี้มันไม่สามารถแม้แต่จะยืนขึ้นมาได้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่มันทำได้คือนอนรอความตาย ตอนนี้มันเริ่มอ่อนแรงลง และอ่อนลงมากในที่สุด
ฟ่างหยุนค่อยๆเลื้อยเข้าไปหาเจ้านกอินทรีย์ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเขาประมาณหนึ่งเมตร จากนั้นเขาก็ทำแค่เพียงจ้องมองมันพยายามดิ้นรนเพื่อให้รอดพ้นจากความตาย
ฝั่งด้านของนกอินทรีย์ที่นอนเป็นอัมพาตอยู่นั้น เมื่อเห็นว่าฟ่างหยุนได้เลื้อยเข้ามาและอยู่ห่างจากตนเพียงหนึ่งเมตร มันจึงเกิดอาการตกใจอย่างสุดขีดพร้อมกับใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อดิ้นรนให้รอดจากความตาย แต่ถึงจะดิ้นรนขนาดไหนมันก็ไม่สามารถลุกขึ้นมายืนได้อีกต่อไป
หลังจากนั้นไม่ถึงสองนาที เจ้านกอินทรีย์ก็หยุดการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มันไปสู่สวรรค์แล้ว ฟ่างหยุนไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับกลืนกินมันเข้าไปทันที ถึงแม้ว่านกอินทรีย์จะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่แต่อย่าลืมว่าตอนนี้ฟ่างหยุนเองก็มีลำตัวที่โตขึ้นมามากแล้วเช่นกัน ฉะนั้นเหยื่อที่มีขนาดแบบเจ้านกอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยที่จะกลืนมันลงไปในท้อง
หลังจากที่กลืนเจ้านกอินทรีย์เสร็จแล้ว ฟ่างหยุนก็ได้เลื้อยกลับไปที่ต้นสนยักษ์อีกครั้งแต่ครั้งนี้เขากลับไม่พบเจ้ากระรอกน้อย เขาได้แต่ถอนหายใจจากนั้นจึงเลื้อยมุ่งหน้าตรงเข้าไปยังป่าลึกอย่างแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว
ในตอนเย็นเจ้ากระรอกกลับมาถึงรังของมัน แต่ตอนนี้มันกลับพบเพียงความว่างเปล่าภายในรัง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะปกติแล้วฟ่างหยุนไม่เคยกลับมาที่รังไวขนาดนี้
แต่เมื่อรอแล้วรอเล่าจนถึงเวลากลางคืน เจ้ากระรอกน้อยนั้นก็เริ่มเกิดความกังวลใจ มันวิ่งวนไปมาเข้าออกในโพรงไม้สองสามรอบ บางครั้งก็กระโดดเกาะกิ่งไม้ข้างนอกพร้อมกับเฝ้ามองหา
“ กวิ้กกกกก กวิ้กกกกก ” มองเข้าไปยังด้านมืดของป่า มันพยายามส่งเสียงร้องให้ดังที่สุดเท่าที่มันจะสามารถทำได้ เพื่อเรียกหาใครบางคน แต่ในเสียงเรียกร้องหานั้น ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบรับกลับมาเลยแม้แต่เสียงเดียว มีเพียงพวกเสียงแมลงตัวเล็กๆเท่านั้น ที่ร้องระงมไปทั่วทั้งผืนป่า
หลังจากที่พยายามร้องหาแล้ว เจ้ากระรอกจึงหมดแรงพร้อมกับหมอบลงนอนที่กิ่งไม้ จนเวลาล่วงเลยผ่านไป 2 ชั่วโมง ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วในป่าก็มืดสนิท ปรากฏให้เห็นเจ้ากระรอกวิ่งวนบนกิ่งไม้อย่างลุกลี้ลุกลน พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องออกมา สายตาของมันดูเศร้าเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้มันรู้สึกได้ว่ามันสูญเสียเพื่อนที่รักของมันไปเสียแล้ว
ด้วยความลุกลี้ลุกลนของมัน มันจึงวิ่งไปมาบนกิ่งไม้บ้าง เข้าออกจากโพรงบ้าง จากความมืดจึงทำให้กระรอกน้อยนั้นพลาดตกลงไปบนพื้น หลังจากนั้นมันก็ปีนกลับขึ้นไปใหม่อีกครั้ง
กระรอกน้อยทำแบบนี้ไปมาซ้ำๆ จนในที่สุดมันก็ตัดสินใจวิ่งฝ่าความมืดเพื่อเข้าไปตามหาเพื่อนอันเป็นที่รักของมัน แต่เวลาผ่านไปเกือบจะสามชั่วโมงกว่าแล้วมันกลับไม่พบสิ่งใด จึงทำได้แค่กลับมายังรังของมันพร้อมกับนั่งมองไปในความมืดมิดด้วยสายตาเหม่อลอย
ม่ายน่าาาาสนึกว่าจะผจภัยไปด้วยกันนนน
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยครับ
สงสารน้องกระรอก