ตอนที่ 31 : รังแห่งใหม่
บนเศษซากใบไม้ที่เฉาตายอยู่ตามพื้นเหลืองอร่ามงดงามตาเต็มไปหมดนั้น ได้มีงูสีเทาตัวหนึ่งกำลังเลื้อยผ่านไปอย่างช้าๆ นี่ก็เป็นเวลาถึง 3 วันแล้วที่ฟ่างหยุนได้จากรังเก่าที่เป็นโพรงไม้ในต้นสนยักษ์มา
เขาไม่รู้ตัวเองเลยว่าที่ผ่านมาสามวันนี้นั้นเขาเลื้อยมาไกลถึงเพียงใหน แต่เขานั้นรู้เพียงแค่อย่างเดียวว่าระยะของมันต้องไกลจากถิ่นเก่าเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อเหลียวมองดูบรรยากาศโดยรอบแล้วมันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
เพราะระหว่างทางที่เขาเลื้อยผ่านมาเขาได้สังเกตเห็นถึงสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งมันเหมาะเจาะพอดีที่จะใช้สัตว์เหล่านั้นเป็นอาหารหลักของเขา
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟ่างหยุนเองคิดว่าจะใช้ที่แห่งนี้ตั้งหลักปักฐาน ตามแผนเดิมที่เขาตั้งใจจะเข้ามาอยู่ในป่าลึกกลางภูเขาแบบนี้ จากความยาวของลำตัวที่มีอยู่ในตอนนี้นั้นคาดว่าเขาคงจะอยู่ในระดับสูงของห่วงโซ่อาหารแล้วก็เป็นได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาจะเป็นผู้ล่าในบริเวณนี้โดยทันที
ควบคู่กับทักษะพิษและความแข็งแรงของเกล็ดเขาที่มีอยู่ในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะยังไม่ใช่เจ้าถิ่นที่น่ากลัว แต่เรื่องความปลอดภัยจากภัยคุกคามแล้วมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้เขาต้องกังวล
ที่สำคัญเป็นอย่างมากนั้นสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของป่าในภูเขาแบบนี้ต่างชุกชุมเป็นอย่างมาก และด้วยความสามารถในการล่าเหยื่อของฟ่างหยุนที่ทรงพลังเป็นอย่างมากในตอนนี้ เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลกับมันเช่นกัน ถึงแม้ว่าเงื่อนไขของระบบที่จะเข้าสู่การวิวัฒนาการขั้นต่อไปนั้นต้องการพลังงานชีวภาพที่สูงมาก แต่ความอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้แล้วเขาต้องบรรลุตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
เพียงแค่สามวันที่ผ่านมา เขาสามารถสะสมพลังงานทางชีวภาพได้ถึง 860 หน่วยแล้ว แต่ที่ได้มานั้นไม่ได้มาจากการล่าอย่างจริงจังเพียงแต่เขากินเหยื่อตามรายทางที่เขาเลื้อยเข้ามา
ในขณะที่ฟ่างหยุนกำลังมีความคิดทะเยอทะยานอยู่นั้น ก็ได้ปรากฏสิ่งมีชีวิตสองตัวกระโดดขึ้นมาตรงหน้าของเขา ฟ่างหยุนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากจากการปรากฏตัวของพวกมัน เขาจึงรีบเงยหน้ามองให้ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใด ถึงกล้ามาอยู่ต่อหน้าเขาโดยไม่เกรงกลัวได้เช่นนี้
แต่แล้วเมื่อเห็นชัดเจนว่าสัตว์สองตัวที่อยู่ตรงหน้าเป็นตัวอะไร ปากของฟ่างหยุนก็ถึงกับควบคุมไม่ให้มันกระตุกไม่ได้ เพราะสัตว์ที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขานั้นเป็นหนึ่งในศัตรูตัวร้ายตามธรรมชาติของงูเลยก็ว่าได้
พังพอน ! และพังพอนทั้งสองตัวที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าฟ่างหยุนนั้น มีทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ โดยการคาดคะเนแล้วเจ้าพังพอนตัวเล็กน่าจะมีขนาดราวๆ 30 - 40 เซนติเมตร ส่วนตัวใหญ่ มีขนาด 70 - 80 เซนติเมตร ซึ่งทั้งสองนั้นได้จ้องมองมายังที่ฟ่างหยุนที่กำลังนอนอยู่
หัวของพวกพังพอนนั้นมีขนาดเล็ก ปากและจมูกรวมถึงหางมีขนาดที่ยื่นยาวออกมาเป็นพิเศษ หากสังเกตดูดีๆแล้วหางของมันมีความยาวกินพื้นที่ของลำตัวพวกมันได้มากกว่าครึ่ง
เพียงแค่กำลังจ้องมองไปที่พังพอนทั้งสองอยู่นั้น ระบบเจ้ากรรมก็เหมือนจะรู้ใจ มันรีบส่งข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้กับให้ฟ่างหยุนขึ้นมาทันที
ตรวจพบเป้าหมาย
พังพอน: ประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพได้ถึง 150 หน่วย
ตรวจพบเป้าหมายที่ 2
พังพอน วัยเด็ก : ประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพได้ถึง 50 หน่วย
หลังจากที่ได้ยินเสียงของระบบแจ้งเตือนขึ้นมา ฟ่างหยุนจึงส่งสายตาจ้องมองไปที่พังพอนทั้งสองตัวโดยไม่กระพริบ ฟ่างหยุนไม่ได้มองเห็นพังพอนทั้งสองตัวเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเขาอีกต่อไป แต่ฟ่างหยุนนั้นมองพวกมันราวกับว่าเป็นอาหารจานเด็ด
ฟ่างหยุนเองก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนแต่ก่อนแล้ว...เพราะเมื่อนึกย้อนไปในช่วงที่เขาพยายามหนีไฟป่าอย่างบ้าคลั่งในตอนนั้น เขาก็ได้พบกับฝูงพังพอนซึ่งมันทำให้เขาตัวสั่นด้วยความกลัว...แต่ตอนนี้ถึงแม้ว่าข้างหน้าจะมีพังพอนมองจ้องเขาถึงสองตัวฟ่างหยุนเองกลับไม่มีความกลัวเท่าตอนนั้น เขาจึงรู้สึกมีความสุขที่มีอาหารจานเด็ดวิ่งมาหาเขาเสียด้วยซ้ำ
“ วี้ดดดดด ! ” พังพอนทั้งสองส่งเสียงร้องคำรามออกมาใส่ฟ่างหยุน พวกมันค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขาราวกับว่าต้องการที่จะข่มขวัญให้กลัว
ถึงแม้ว่าตอนนี้ขนาดลำตัวของฟ่างหยุนนั้นจะยาวถึงสองเมตรกว่าแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้พวกมันนั้นกลัวเลยแม้แต่น้อย บางทีในสัญชาตญาณของพังพอนแล้วไม่ว่างูนั้นจะมีขนาดใหญ่เพียงใดก็ตาม ยังไงซะงูก็คืออาหารของพวกมัน เพราะท้ายที่สุดแล้วความเร็วของงูส่วนมากก็ช้ากว่าพวกพังพอนอยู่ดี แม้แต่จะทำให้มีรอยข่วนบนตัวพวกมันนั้นก็เป็นเรื่องที่แสนจะยากเย็น
หลังจากที่ตอนนี้พวกมันทั้งสองตัวอยู่ห่างจากฟ่างหยุนเพียงแค่ครึ่งเมตร เจ้าพังพอนตัวใหญ่ก็เริ่มเปิดฉากโดยการที่มันเกร็งกล้ามเนื้อขาหน้าของมันเพื่อที่จะโจมตีพร้อมกับแสดงความเป็นเจ้าของอาณาเขต แต่ฝั่งฟ่างหยุนกลับไม่ได้ให้ความสนใจกับมันแต่อย่างใด
นั่นเป็นเพราะว่าฟ่างหยุนเคยเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตสัตว์โลกในสารคดีเมื่อชาติก่อนมาแล้ว ดังนั้นการแสดงออกแบบนี้จึงทำให้เขารู้ว่ามันเป็นกลยุทธ์ของพังพอนก่อนจะล่างู
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับงูตรงๆแล้ว พังพอนจะแกล้งหลอกล่อเป็นครั้งคราวเพื่อให้งูนั้นฉกพวกมันก่อนจนเสียท่า หลังจากนั้นพังพอนก็จะใช้ความรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดนั้นหลบหลีกการโจมตีของงูอย่างง่ายดาย พวกมันจะทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนงูนั้นหมดแรง และหลังจากนั้นพวกมันก็จะสามารถฆ่างูได้อย่างง่ายดาย มันเป็นกลยุทธ์ที่ง่ายแสนง่ายพวกพังพอนจะใช้วิธีนี้ซึ่งมันแทบจะได้ผลทุกครั้ง จึงทำให้พังพอนขึ้นชื่อว่าเป็นนักล่างูตัวฉกาจ
เมื่อเจ้าพังพอนตัวใหญ่เห็นว่าเหมือนว่ากลยุทธ์ของมันเองไม่ได้ผล มันจึงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย มันจึงรีบพุ่งเข้ามาโจมตีฟ่างหยุนโดยใช้กรงเล็บของมัน
อย่างไรก็ตามฟ่างหยุนเองได้เตรียมตัวพร้อมสำหรับสถานการณ์นี้ไว้อยู่แล้วในขณะที่พังพอนพุ่งเข้ามาโจมตีเขา เขารีบกระชับกล้ามเนื้อพร้อมกับโจมตีโต้ตอบกลับไปด้วยความเร็วที่มากกว่า
เจ้าพังพอนตัวใหญ่ถึงกับตกใจเป็นอย่างมากเมื่อต้องเจอกับการโจมตีอย่างกระทันหันของฟ่างหยุนมันพยายามบิดตัวหลบการโจมตีนั้นกลางอากาศ แต่ทว่าความเร็วของมันช้าเกินไป
ฟ่างหยุนกัดเข้าไปเต็มๆที่ลำคอของมันหลังจากนั้นเขารีบปล่อยพิษมรณะใส่บาดแผลโดยไม่รอช้า เมื่อปล่อยพิษเสร็จแล้วเขาจึงคลายคมเขี้ยวของเขาออก ทันใดนั้นเขาก็รีบเบนความสนใจไปหาเจ้าพังพอนตัวเล็กในทันทีโดยไม่ลังเล เขาจึงใช้โอกาสนี้โจมตีมันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“ วี๊ดดดดด ! ” ฉากขนพองสยองเกล้านั้นเกิดขึ้นเบื้องหน้าของเจ้าพังพอนตัวเล็ก เพราะตอนนี้มันได้แต่ทำตาละห้อยมองร่างของเจ้าพังพอนตัวใหญ่ซึ่งนั่นก็คือแม่ของมันกำลังล่วงหล่นตกลงไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วจึงทำให้มันเริ่มรู้สึกกลัวฟ่างหยุนขึ้นมา ตอนนี้มันเห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว และมันยังเห็นอีกว่าฟ่างหยุนได้พุ่งโจมตีเข้ามาหาตนเองแล้ว มันจึงทำได้แต่ตัวแข็งทื่อจากความกลัว
เมื่อฟ่างหยุนเห็นว่ามันกลัวจนไม่ขยับไปไหนแล้วเขาจึงกัดตรงไปที่ลำคอของมันอีกเช่นกัน เขาปล่อยพังพอนทั้งสองดิ้นชักอยู่บนพื้นอย่างทุรนทุรายตายต่อหน้าเขาแบบเลือดเย็น โดยเวลาผ่านไปไม่ถึงนาทีทั้งคู่ก็ไม่สามารถหายใจต่อไปได้อีก ถึงแม้ว่าธรรมชาติของพังพอนนั้นจะมีสารเคมีที่ต่อต้านพิษของงู แต่พิษของฟ่างหยุนนั้นไม่ใช่พิษธรรมดาจึงทำให้พวกมันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ตอนนี้พิษของฟ่างหยุนจัดว่าอยู่ในอันดับความรุนแรงระดับต้นๆของโลก พอๆกับงูไทปันที่อยู่ภายในประเทศจีน ซึ่งมันรุนแรงเกินกว่าที่สัตว์หน้าไหนจะทนได้
หลังจากที่ฟ่างหยุนทำการกลืนพวกมันทั้งสองลงท้องไปแล้ว เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าสัตว์พวกนี้มันไปเอาความมั่นใจมาจากใหนกันนักหนา เพราะปกติแล้วสัตว์ทั่วไปถ้าหากพบเข้ากับเขาแล้วแทบจะเผ่นป่าราบโดยทันที แต่สำหรับเจ้าพังพอนพวกนี้นอกจากจะไม่หนีแล้วยังเปิดฉากโจมตีใส่เขาอีกต่างหาก สงสัยพวกมันคงจะคิดว่าฟ่างหยุนนั้นเป็นขนมขบเคี้ยวเหมือนกับงูตัวอื่นๆ เป็นแน่แท้ แต่ใครกันละจะคิดว่าขนมนั้นกลับทำให้ผู้ที่ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าไปเสียเอง
หลังจากที่ย่อยตัวเล็กเสร็จสิ้นแล้วเขาจึง กลืนตัวใหญ่ลงไปทำให้ร่างของเขานั้นนูนเป็นรูปลักษณ์ตามสัตว์ที่กลืนอีกครั้งทำให้ตอนนี้เขาสามารถสะสมพลังงานทางชีวภาพในมือได้ถึง 200 หน่วย ถือว่าคุ้มค่าเสียทีเดียว
ฟ่างหยุนเลียริมฝีปากของตัวเองเหมือนกับที่เขาเคยชินเมื่อสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ ดูเหมือนว่าเขาพอใจกับรสชาติของเจ้าพังพอนเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในถิ่นของตัวเองดังนั้นเขาจึงเริ่มที่จะเลื้อยต่อไปโดยลากท้องอันโป่งพองของตัวเองไปมุ่งหน้าต่อไป
สถานีต่อไป ถ้าหากเดาไม่ผิดแล้วละก็ ฟ่างหยุนนั้นจะต้องใช้เวลาเลื้อยถึง 5 วัน กว่าจะถึงยังจุดหมายนั้น
และในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง ตอนนี้เขาหยุดเคลื่อนไหวแล้ว เพราะในขณะนี้ป่ารอบตัวของเขานั้นอุมดมสมบูรณ์เขียวชอุ่ม มันเต็มไปด้วยพุ่มไม้รกทึบและสัตว์ป่านานาชนิด ในความคิดของเขาแล้วที่นี่แหละน่าจะเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตั้งรกราก
เหยื่อที่รายรอบของเขาอยู่ในบริเวณนี้นั้นมันเพียงพอที่จะสามารถทำให้เขาได้รับการวิวัฒนาการถึง 2 – 3 ครั้ง หรืออาจจะมากกว่านั้น ด้วยความคิดนี้เขาจึงเริ่มมองหาที่หลบภัยและใช้เป็นรังนอนก่อนเป็นอันดับแรก
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต้องหารังที่สามารถรองรับลำตัวของเขาได้ แต่หลังจากพยายามหาอย่างหนักมา 3 ชั่วโมงแล้วเขาก็พบกับที่ที่หนึ่งซึ่งดูแล้วน่าจะดีสำหรับตัวเขา
ฟ่างหยุนเงยหน้ามองขึ้นไปยังสถานที่หนึ่งตรงด้านหน้านั่นก็คือหน้าผา และตรงกลางของหน้าผานั้นปรากฏให้เห็นถ้ำซึ่งมีความสูงจากพื้นดินราวๆ 1 เมตร
และเบื้องล่างของหน้าผานี้ยังมีทะเลสาบเล็กๆ ซึ่งถ้าหากเทียบแล้วมันกว้างราวๆกับสนามบาสสองสนามรวมกันเห็นจะได้
พอฟ่างหยุนมาถึงริมทะเลสาบแล้วเขาสังเกตเห็นว่ามีฝูงปลาจำนวนมาก ที่สำคัญพวกมันไม่ใช่ปลาขนาดเล็ก ส่วนใหญ่แล้วพวกมันมีลำตัวยาวถึง 15 เซนติเมตรและบางตัวนั้นก็ยังใหญ่กว่าอีกเสียด้วย
เมื่อเห็นฉากนี้ตรงหน้าแล้วฟ่างหยุนก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ถ้าสักวันนึงเขาเริ่มรู้สึกเบื่อกับรสชาติของสัตว์บกแล้วบางทีเขาอาจจะเปลี่ยนบรรยากาศโดยการมาว่ายน้ำจับปลากินก็ยังได้
ฟ่างหยุนค่อยๆเลื้อยลงน้ำไปพร้อมกับพรุ่งตรงไปที่หน้าผาฝั่งตรงข้าม หลังจากที่ว่ายน้ำอยู่สักพักแล้วฟ่างหยุนก็มาถึงฝั่งได้ในที่สุด เขาไม่รีรอที่จะรีบเลื้อยปีนขึ้นไปยังถ้ำแห่งนั้นทันที
ถ้ำนี้มีความยาวมากกว่าสิบเมตรและมีความกว้างมากกว่าสี่เมตร มันเพียงพอที่จะใช้เป็นรังนอนอันแสนสุขของเขาได้ และเขาคิดว่าเขาสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ในระยะยาว ส่วนจะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นไม่มีใครจะคาดเดาได้
เขาปีนขึ้นไปยังก้อนหินริมหน้าผาที่ยื่นออกมาราวกับว่าเป็นม้านั่งที่ติดอยู่กับผนังหิน จากนั้นเขาก็เริ่มที่จะเหยียดตัวลงนอนอย่างผ่อนคลาย เพราะตอนนี้พระอาทิตย์ก็เกือบจะลับขอบฟ้าแล้วบวกกับความเหน็ดเหนื่อยจากการอพยพถิ่นฐานอันแสนยาวไกล จึงทำให้วันนี้เขาไม่มีความคิดที่จะออกล่า
ตอนนี้ฟ่างหยุนวางแผนที่จะพักผ่อนร่างอยู่ที่นี่สักพัก เพื่อฟื้นฟูทั้งวิญญาณและร่างกายให้เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ใหม่ๆ ซึ่งก็คือการออกล่าสัตว์ในบริเวณพื้นที่แห่งใหม่แห่งนี้