px

เรื่อง : ตำนานงูยักษ์เขมือบโลก
ตอนที่ 32 : สำรวจดินแดนแห่งใหม่


ตอนที่ 32 : สำรวจดินแดนแห่งใหม่

 

          ฟ่างหยุนใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในถ้ำแห่งนี้ถึงสองวัน ในที่สุดร่างกายและวิญญาณของเขานั้นก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างเต็มประสิทธิภาพ ในสองวันที่ผ่านมานี้เขาออกล่าเหยื่อเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นรวมถึงการหาจับปลาในทะเลสาบข้างหน้าถ้ำกินเป็นอาหารด้วย

 

          ปกติงูนั้นสามารถว่ายน้ำเป็นตั้งแต่กำเนิดโดยฟ่างหยุนเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หลังจากที่จับปลากินเป็นอาหารไป 7 - 8 ตัว จนอิ่มหนำแล้วเขาก็ได้รับพลังงานทางชีวภาพเข้ามาเพิ่มแบบไม่ได้ตั้งใจถึง 113 หน่วย ตอนนี้เขาจึงเลื้อยกลับไปยังที่พักเพื่อที่จะเตรียมตัวพักผ่อน

 

          ตอนนี้พลังงานทางชีวภาพของเขามีอยู่ 1,924 หน่วยแล้ว จึงทำให้การวิวัฒนาการครั้งที่ 7 ของเขานั้นอยู่อีกไม่ไกลเกินเอื้อม

 

          นอกจากนี้แล้วเขายังสังเกตุเห็นบางสิ่งบางอย่างเมื่อก่อนหน้านี้เขาไม่เคยให้ความสนใจกับมันเลยว่าทะเลสาบเล็กๆใต้หน้าผาที่เขาอยู่นั้นจะกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีสำหรับเขา

 

          เพราะในสองวันระหว่างที่เขากำลังพักผ่อนที่ถ้ำแห่งนี้ เขาก็ค้นพบว่ามีสัตว์มากมายหลายชนิดนั้นเดินทางมายังทะเลสาบแห่งนี้เพื่อที่จะดื่มน้ำ มันจึงทำให้ฟ่างหยุนเกิดความคิดดีๆขึ้นมาในการล่าซึ่งเป็นวิธีล่าแบบที่งูเหลือมส่วนใหญ่ใช้กัน

 

          “ ซุ่มโจมตียังไงล่ะ ! ” เขาจำได้อย่างแม่นยำเลยว่าสมัยตอนที่ยังมีชีวิตนั้นเขาชอบดูสารคดีเกี่ยวกับชีวิตสัตว์โลก และที่เขานั้นยังคงจำได้ดีคือการเฝ้ารอซุ่มโจมตีของงูเหลือม มันจะพยายามซ่อนตัวเองไกล้ๆริมสระน้ำอย่างเงียบเชียบ รอจนกว่าเหยื่อของมันจะลงมาดื่มน้ำจากสระ เมื่อเข้าสู่ระยะที่หวังผลจากการโจมตีได้แล้ว มันจะไม่รอช้าพร้อมกับจู่โจมสายฟ้าแลบในทันที

 

          บางทีฟ่างหยุนอาจจะใช้รูปแบบการล่าสัตว์แบบนั้นบ้างในบางครั้ง อย่างไรก็ตามใช่ว่าฟ่างหยุนเองจะละทิ้งวิธีการล่าแบบเดิมของเขาไป แต่เพียงแค่ว่าเขาต้องการเพิ่มหนทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการล่าเพียงเท่านั้น

 

          เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วตอนนี้ฟ่างหยุนจึงค่อยๆเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพื่อที่จะทำตามแผนที่คิดไว้ นั่นก็คือการลาดตระเวนพื้นที่แห่งใหม่ในบริเวณนี้

 

          หลังจากที่ว่ายน้ำข้ามทะเลสาบเล็กๆผืนนั้นมาแล้ว เขาก็เลื้อยขึ้นมาบนฝั่งตามแผนการก่อนหน้านี้ที่วางไว้ เขามุ่งหน้าไปทางซ้ายพร้อมกับพยายามจดจำแผนที่ไว้ในความทรงจำของเขา เขาเลื้อยไปเรื่อยๆเป็นเส้นวงกลมเพื่อให้มาบรรจบ ณ จุดเดิมราวกับเข็มนาฬิกา

 

          ในการสำรวจครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลัก อยู่ 3 ประการ อย่างแรกเลยคือสำรวจว่าในบริเวณนี้มีสัตว์กี่ชนิด รวมไปถึงที่อยู่อาศัยของพวกมัน และสิ่งสุดท้ายก็คือคู่แข่งหรือศัตรูทางธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์จำพวกนักล่าขนาดใหญ่

 

          เพราะยิ่งฟ่างหยุนเข้าใจสภาพแวดล้อมได้ดีเท่าไร เขาก็จะสามารถวางแผนการล่าได้ง่ายขึ้นมากเท่านั้น

 

          ฟ่างหยุนตอนนี้หมอบราบไปกับพื้นพร้อมกับเลื้อยพุ่งตรงเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว และทุกครั้งที่เขาเคลื่อนที่ไปได้ถึง 2 ร้อยเมตรแล้ว เขาจะหยุดอยู่กับที่พร้อมกับตวัดลิ้นเข้าออกเพื่อที่จะจำกลิ่นของระแวกนั้นพร้อมกับพยายามมองไปรอบๆเพื่อจดจำทิวทัศน์ของพื้นที่

 

          เมื่อทำเช่นนั้นเกือบจนจะสองชั่วโมงแล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะสะสมระยะทางได้ถึง 3 - 4 กิโลเมตรเลยก็ว่าได้ ซึ่งระหว่างทางนั้นเขาไม่พบเจอกับสัตว์ขนาดใหญ่เลยแม้แต่ตัวเดียว แต่ต่างกันนั้นเขาพบแต่สัตว์เล็กเพียงเท่านั้น

 

          นอกจากนี้แล้วเขายังพบกับงูหลากสีที่ห้อยตัวระโยงระยางไปตามต้นไม้ตลอดระยะทางที่เขาเลื้อยมาซึ่งส่วนใหญ่แล้วงูพวกนั้นเป็นงูประเภทที่มีพิษ แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนักเพราะขนาดลำตัวของพวกมันนั้นยาวที่สุดก็เพียงแค่ 1 เมตร

 

และที่สำคัญพวกมันก็ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อเขาอย่างแน่นอน เพราะต่อให้เขายืนนิ่งๆรับการโจมตีของพวกมัน บางทีร่างของเขาเองอาจจะไม่เกิดแม้แต่รอยขีดข่วนเลยก็เป็นได้

 

หลังจากคิดดังนั้นอยู่สักพักแล้วฟ่างหยุนก็ต้องรีบล้มเลิกความคิดบ้าๆพวกนี้ทันที เพราะเขานั้นตระหนักได้ว่าหากอยากมีชีวิตรอดที่ยืนยาวแล้วเขาต้องไม่คิดจะทำอะไรที่มันมีผลเสี่ยงต่อชีวิตของเขาเป็นอันขาด

 

หากจะเอ่ยแล้วบนภูเขาสูงแห่งนี้อุณภูมิกำลังมาแตะที่ 20 อาศาเซลเซียส ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือลดลงไปแม้แต่น้อย ตอนนี้ฟ่างหยุนคาดเอาไว้ว่าหากสภาพอากาศยังคงเป็นอยู่เช่นนี้อีกต่อไป ภายในเวลาไม่ถึง 10 วัน งูที่เขาพบเหล่านี้ก็จะต้องหายไปเองจากการจำศีล

นอกจากนี้แล้วฟ่างหยุนเองก็ยังได้พบกับกบและกิ้งก่าเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีเจตนาเฉพาะเจาะจงที่จะล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สัตว์เหล่านี้กลับเรียงรายกันมาเป็นอาหารของเขาจนเขาอิ่มท้องมาตลอดทาง

 

จะโทษเขาได้ยังไง เพราะทุกครั้งที่เขาเลื้อยผ่านพวกมัน พวกมันกลับไม่หนีเขาเลยสักตัวเดียว บางตัวอาจจะโง่เง่ามากกว่านั้น อยู่ๆมันถึงกับกระโดดมาชนปากของเขาเองอย่างช่วยไม่ได้

 

รวมๆแล้วกบและกิ้งก่าพวกนี้เพิ่มพลังงานทางชีวภาพให้กับเขาถึง 92 หน่วย หลังจากที่คลานต่อไปเรื่อยๆราว 2 - 3 กิโลเมตร ฟ่างหยุนก็หยุดพักพร้อมกับเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า ตอนนี้ก็บ่ายคล้อยแล้ว เขาคิดว่าบางทีตอนนี้คงเป็นเวลาเหมาะที่จะเปลี่ยนทิศทาง และตอนนี้เขากำลังจะเลื้อยไปทางขวามือบ้าง เพราะถ้าทำแบบนี้ทิศทางที่เขาไปนั้นจะตีกลับรอบเป็นวงกลมทำให้เขาไปถึงจุดสุดท้ายยังบริเวณทะเลสาบนั่นเอง

 

เป็นที่น่าจับตามองว่าต้นไม้แถวนี้นั้นมีความหลากหลายมากกว่าบริเวณที่เขาจากมา เพราะในบริเวณพื้นที่เดิมนั้นจะมีต้นสนและต้นยูคาลิปตัสเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วแถวนี้ยังมีต้นไม้จำพวกออกลูกเป็นผลไม้มากมายซึ่งแตกต่างจากบริเวณเดิมที่ไม่มี

 

ฟ่างหยุนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนกิ่งไม้ เขาได้พบกับผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีผลสีแดงสดห้อยอยู่บนนั้น และในที่สุดเขาก็ลองกลืนกินมันเข้าไปดู เพราะตั้งแต่กลับชาติมาเกิดเป็นงู เขาก็ไม่มีโอกาศได้ลิ้มลองรสชาติของผลไม้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

หลังจากที่กินผลไม้ทั้งหมดไปแล้วแน่นอนว่ามันไม่สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพให้แก่เขาได้ นอกจากนี้แล้วเขายังไม่สามารถสัมผัสถึงรสชาติใดๆ จากพวกมันได้เลยเช่นกัน

ตอนนี้เองฟ่างหยุนถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาจึงเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะจากไป ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหึ่งๆดังขึ้นมา จึงทำให้เขานั้นต้องรีบหันหน้าไปหาต้นเสียงในทันที เบื้องหน้าเขาปรากฏให้เห็นเป็นรังผึ้งใหญ่แขวนอยู่บนต้นไม้ที่ไม่ไกลกับตัวเขามากนัก

 

ถัดจากรังผึ้งไปไม่ไกลนั้นก็เห็นกลุ่มผึ้งกลุ่มหนึ่งบนวนรอบไปมา และไกล้ๆกันนั้นก็เห็นน้ำผึ้งสีส้มอมน้ำตาลกำลังหยดย้อยลงมาจากรังที่ห้อยยื่นออกมาจากกิ่ง

 

ฟ่างหยุนน้ำลายไหลอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาชั่งน้ำหนักของความคิดดูแล้วเขาจึงเลือกที่จะจากไปอย่างสงบจะดีกว่า เพราะผึ้งที่อยู่ในบริเวณนั้นส่วนใหญ่มีขนาดตัวที่ใหญ่มาก ซึ่งใหญ่ขนาดนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต เพราะแต่ละตัวมีขนาดราว ๆ 3 เซนติเมตรเลยก็ว่าได้พวกมันนั้นทำให้ฟ่างหยุนรู้สึกสยองขึ้นมาทันที เพราะครั้งหนึ่งตอนเป็นมนุษย์เขาเคยถูกพวกมันต่อยมาแล้ว

 

หลังจากที่ออกมาพ้นจากพื้นที่บริเวณนั้นแล้ว ฟ่างหยุนจึงค่อยๆเลื้อยไปยังทะเลสาบโดยทางอ้อม สิ่งที่ทำให้ฟ่างหยุนนั้นต้องประหลาดใจเล็กน้อยก็คือที่บริเวณแห่งนี้ ป่าไม้ต้นไม้เริ่มกระจัดกระจาย พื้นดินเป็นแนวราบ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีสัตว์ใหญ่น้อยจำนวนมากออกหากินอยู่ เช่นกระต่าย ไก่ฟ้า เม่น หรือแม้แต่ แมวป่า

 

ระหว่างทางฟ่างหยุนก็ได้จับกบและกิ้งก่ากินเป็นอาหารสองสามตัวนอกจากนี้แล้วเขายังสามารถล่าไก่ฟ้ามากินอีกจนได้ จึงทำให้เขานั้นมีพลังงานทางชีวภาพเพิ่มขึ้นถึง 124 หน่วย

 

ในขณะที่สำรวจสถานการณ์โดยรอบอยู่นั้น ฟ่างหยุนก็ยังคงเลื้อยต่อไปเรื่อย ๆ ทางขวา ประมาณ 5-6 กิโลเมตร เขาก็ได้พบว่าป่าบริเวณนี้กระจัดกระจายมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า

และเมื่อขยับมาอีกนิดหน่อยแล้ว วิสัยทัศน์ในการมองเห็นของเขาก็ต้องชัดเจนขึ้น โดยที่ไม่มีสิ่งใดกีดขวาง เพราะตอนนี้เขาอยู่ในบริเวณพื้นที่โล่งแจ้งแล้วนั่นเอง

 

เมื่อเห็นฉากเบื้องหน้าดังนี้แล้วฟ่างหยุนก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่าเขานั้นเริ่มออกตัวจากทางซ้ายของถ้ำและเลื้อยไปแบบทวนเข็มนาฬิกาและในท้ายที่สุดเขากลับมาถึงยังบริเวณภูเขาเปล่าๆลูกนี้จนได้

 

แต่จะว่าไปมันก็ไม่ได้โล่งเตียนเกินไปอย่างที่คิด เพราะที่บริเวณนี้ก็ยังคงรกทึบไปด้วยวัชพืชและพุ่มไม้เรียงรายกันอยู่พอสมควร

 

“ อะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ ? ” ในขณะที่กำลังสำรวจภูเขาลูกนี้ ฟ่างหยุนเองก็เหลือบไปเห็นเงาอะไรบางอย่างเข้า แต่เนื่องจากตรงบริเวณนั้นเป็นไหล่เขาพร้อมกับมีบางสิ่งบางอย่างบดบังอยู่ จึงทำให้เขานั้นมองเห็นไม่ชัดว่าเงาดำเมื่อกี้นั้นมันคือตัวอะไรกันแน่

 

เมื่อปีนขึ้นไปยังต้นไม้จนถึงยอดแล้วเขามองไปยังทิศทางเดิมของเงาเมื่อสักครู่นี้ และในที่สุดเขาก็สามารถรู้แล้วว่าเจ้าของเงานั้นคือตัวอะไร มันคือแพะภูเขา ที่สำคัญพวกมันกำลังเล็มกินหญ้าอ่อนบนพื้นอย่างสุขสบายใจ

 

“ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมาเจอกับแพะภูเขาที่นี่ ” หลังจากที่ตกตะลึงจากการได้พบเห็นแพะภูเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว เขาก็จึงมองออกว่าแพะตัวนี้นั้นเป็นแพะเพศผู้ที่โตเต็มวัย ลำตัวมันยาวถึง 1 เมตร และสูงกว่าครึ่งเมตร

 

ตรวจพบเป้าหมาย

แพะภูเขาขนาดโตเต็มวัย

ประเภทสัตว์: เลี้ยงลูกด้วยนม

สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพได้ถึง 500 หน่วย

 

ในขณะที่กำลังจ้องมองพิจารณาแพะภูเขาอยู่นั้นระบบก็ส่งฐานข้อมูลของมันมาให้ในหัวของฟ่างหยุนทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วตาของเขาก็ส่องประกายวาววับขึ้นมา

 

เพียงแค่ตัวเดียวยังสามารถเพิ่มพลังทางชีวภาพได้เยอะขนาดนี้ ถ้าหากว่าจับมันกินได้สองสามตัวแล้วละก็ยังไงซะฟ่างหยุนก็จะสามารถเข้าสู่การวิวัฒนาการภายในวันนี้ได้

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาคาดคิดนั้นก็คงเป็นแค่ฝันกลางวัน ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถล่าแพะภูเขาได้อย่างง่ายดาย แต่เขาเองก็ไม่สามารถจะกลืนกินมันลงไปได้ เพราะขนาดตัวของเขาในตอนนี้นั้นเล็กเกินไป อย่างน้อยก็ต้องมีความยาว 4 – 5 เมตรถึงจะสามารถกลืนแพะภูเขาได้

 

หลังจากที่เขาเห็นแพะภูเขาตัวนี้แล้วเขาก็อดใจไม่ได้ที่จะตื่นเต้นออกมา เพราะป่าบริเวณนี้อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก และที่สำคัญนั้นเขากลับไม่พบกับคู่แข่งเลยแม้แต่ตัวเดียว

 

ดูเหมือนว่าในบริเวณนี้ ตำแหน่งนักล่าชั้นสูงจะมีเพียงแค่เขาคนเดียว เอ๊ะ ! หรือตัวเดียว อย่างไรก็ตามความคิดนี้ก็ต้องจบสิ้นไปโดยทันทีเพราะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น !

 

          “ แอ๊ววววว ! ” ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของสิ่งมีชีวิตบางอย่างร้องออกมาดังลั่น ฟ่างหยุนก็ไม่รอช้าที่จะรีบหันไปมองในทันที

รีวิวผู้อ่าน